​​​’สัญญาณ’ รุก จาก ‘รัฐบาล’ ​​​ต่อ ธนาคารแห่งประเทศไทย

ท่าทีต่อสถานการณ์ดอกเบี้ยและเงินเฟ้ออันออกมาจากภายในรัฐบาลต่อธนาคารแห่งประเทศไทย คือ การส่ง “สัญญาณ” ทั้งโดยตรงและโดยอ้อมอย่างมีนัยสำคัญ

เนื่องจากมิได้เป็นท่าทีจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเท่านั้น หากแต่มาจากหลายองคาพยพอย่างน่าตื่นใจ

​นั่นก็เห็นได้จากความเห็นอันมาจากนายกรัฐมนตรี ความเห็นอันมาจากที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ความเห็นอันมาจากรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

จะดูว่าเป็นเรื่องปรกติก็ได้ในเมื่อรัฐบาลทำหน้าที่ดูแลและรับผิดชอบในนโยบายด้าน “การคลัง” ในเมื่อธนาคารแห่งประเทศ ไทยรับผิดชอบในนโยบายด้าน “การเงิน”

​สมดุลระหว่างนโยบายด้าน “การคลัง” กับ นโยบายด้าน “การเงิน” ต้องก่อให้เกิดดุลยภาพ เอื้ออำนวยกันเหมือนกับการเข้ากียร์และการเหยียบคันเร่ง

​กระนั้น เมื่อมองจากสภาพความเป็นจริงที่มีความพยายามในการผลักดันนโยบาย “ดิจิทัล วอลเลต” กับความเห็นต่างในเรื่องอันเกี่ยวกับ “วิกฤต” ในทางเศรษฐกิจ

​ปฏิกิริยาที่เผยแสดงอย่างถี่ยิบและเร่งเร้าจึงได้รับความสนใจ

ความสนใจโดยพื้นฐานก็คือระหว่างกระทรวงการคลังกับธนาคารแห่งประเทศไทยมีความเห็น “ต่าง” มากน้อยเพียงใดในประเด็นว่าด้วยดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ

​ยิ่งกว่านั้นปัจจัยนี้จะเป็นเงาสะท้อนในทางรูปธรรมต่อสถานการณ์อันถือว่าเป็น “วิกฤต” ได้หรือไม่

​หากธนาคารแห่งประเทศไทยยังไม่ถือว่าเป็น “วิกฤต” อย่างหนักหน่วง ความพยายามในการชี้ให้เห็นแนวโน้มแห่ง “วิกฤต” อัน มาจากภายในของรัฐบาลก็จะกลายเป็นปัญหาและความขัดแย้ง

​ความชอบธรรมในการเดินหน้าโครงการ “ดิจิทัล วอลเล็ต” ก็จะกลายเป็นคำถามว่าสอดรับกับบทบัญญัติแห่งพรบ.วินัยการเงินการคลังหรือไม่

​ยิ่งการส่งสัญญาณจากภายในรัฐบาลต่อธนาคารแห่งประเทศไทยทวีความเร่งเร้าและรุนแรงยิ่งกลายเป็นคำถาม

​คำถามถึง “สถานะ” ของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย

หากศึกษาทิศทางและกระบวนการบริหารจากพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย ก็จะเข้าใจ

​ในความต้องการ “ปรับ” ธนาคารแห่งประเทศไทย

​ในยุคพรรคไทยรักไทยสามารถเปลี่ยนตัวผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยได้ แต่ในยุคพรรคพลังประชาชนและในยุคพรรค เพื่อไทยไม่เคยประสบความสำเร็จ

​นี่คือการปะทะระหว่างการบริหารแบบพรรคไทยรักไทยกับสถานะและการดำรงอยู่ของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย

​วิธีวิทยานี้ได้ตกทอดผ่านยุคพรรคพลังประชาชนถึงเพื่อไทย

ที่มา : https://www.matichon.co.th/politics/news_4413023