ภาพรวมตลาดหุ้นไทยเริ่มกระเตื้องขึ้นมาได้บ้างและมีสัญญาณที่ดีเมื่อนักลงทุนต่างชาติได้มีการซื้อหุ้นเข้ามา ซึ่งหากยังมีแรงซื้อต่อเนื่องก็น่าจะทำให้ดัชนีฟื้นตัวได้อีกครั้ง ขณะที่บล.เอเซียพลัส ประเมินว่า ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวลงทุกช่วงอายุ โดย มีรายละเอียด ดังนี้
ตราสารหนี้อายุ 1 ปี ปรับตัวลง 6 Bps. ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 2.32%
ตราสารหนี้อายุ 2 ปี ปรับตัวลง 9 Bps. ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 2.26%
ตราสารหนี้อายุ 5 ปี ปรับตัวลง 12 Bps. ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 2.37%
ตราสารหนี้อายุ 10 ปี ปรับตัวลง 15 Bps. ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 2.64%
ซึ่งอาจจะเป็นสัญญาณชี้นำให้ กนง.เริ่มใช้นโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายเร็วขึ้น แม้กนง.จะให้ความเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันที่ 2.50% อยู่ในระดับที่ เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว ดังนั้น หาก กนง.หนุนการลดดอกเบี้ยให้เกิดเร็วขึ้นกว่าที่คาด ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินว่าจะ มีข้อดีต่อ SET Index ดังนี้
ซึ่งอาจจะเป็นสัญญาณชี้นำให้ กนง.เริ่มใช้นโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายเร็วขึ้น แม้กนง.จะให้ความเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันที่ 2.50% อยู่ในระดับที่ เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว ดังนั้น หาก กนง.หนุนการลดดอกเบี้ยให้เกิดเร็วขึ้นกว่าที่คาด ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินว่าจะ มีข้อดีต่อ SET Index ดังนี้
ตามกลไกดอกเบี้ยที่ลดลง 25 bps. (จาก 2.50% เป็น 2.25%) มีโอกาสที่จะเป็นแรงผลักให้target SET Index ปรับตัวสูงขึ้นอีก 71-72 จุด จากเดิมที่ ตั้งเป้าหมายไว้ 1650-1670 จุด (EPS 96-97 บาท/หุ้น)
ตามสถิติย้อนหลัง 10 ปี ทุกๆดอกเบี้ยที่ลดลง 25 bps. จะช่วยเพิ่มมูลค่าซื้อ ขายของ SETindex ราว 4-5 พันล้านบาท/วัน
ตามกลไก ทุกๆ การลดดอกเบี้ย 25 bps. จากมูลค่าหนี้คงค้างทั้งระบบ 4.25 ล้านล้านบาท สามารถช่วยลดดอกเบี้ยจ่ายได้ราว 1 หมื่นล้านบาท หนุน EPS ตลาดระยะยาวเพิ่ม 1 บาท/หุ้น
โดยการปรับลดดอกเบี้ยของ กนง.ในอนาคต จะมีผลต่อกลุ่มธนาคาร และ Non – Bank โดยกรณีที่มีการลดดอกเบี้ยลบ ต่อ 6 ธ.พ. ใหญ่ (BAY, BBL, KBANK, KTB,SCB และ TTB) ทั้งจากอัตราดอกเบี้ยส่วนของ Interbank ที่ปรับตามอัตรา ดอกเบี้ยนโยบายทันที และเงินให้สินเชื่อที่จะมีการปรับลดลงในช่วงถัดไป ทั้งนี้ สมมติฐานปัจจุบันของฝ่ายวิจัยอยู่บนอัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับลง 1 ครั้ง 0.25% ช่วง 2H67 และรับรู้เต็มปีในปี 2568 ในทางตรงข้าม KKP, TISCO และกลุ่ม Non – bank ที่โครงสร้างพอร์ตสินเชื่อมีสัดส่วนอัตราดอกเบี้ย Fixed rate มากกว่า Floating rate แต่ต้นทุนทางการเงินทยอยปรับลดตามอัตราดอกเบี้ย จะได้ประโยชน์ กรณีวัฎจักรดอกเบี้ยกลับทิศ
จากการรวบรวมข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในส่วนของการลงทุนของ"พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี" หรือหมอพงศ์ศักดิ์ นักลงทุนรายใหญ่ ซึ่งมีพอร์ตลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยถือหุ้นจำนวน 15 บริษัท ประกอบด้วย
หุ้น | จำนวน (หุ้น) | %การถือหุ้น |
---|---|---|
CHAYO | 20,247,858 | 1.78 |
COM7 | 539,516,200 | 22.48 |
ETL | 5,000,000 | 0.81 |
HL | 4,009,400 | 1.47 |
III | 36,900,000 | 4.57 |
MASTER | 12,498,700 | 5.21 |
MILL | 94,930,000 | 1.71 |
NTSC | 7,548,200 | 7.55 |
PLANB | 212,816,700 | 4.96 |
PRI | 15,936,600 | 4.98 |
PRTR | 18,293,100 | 3.05 |
SISB | 15,647,300 | 1.66 |
SKY | 40,546,000 | 6.49 |
TPL | 10,000,000 | 1.91 |
WARRIX | 6,906,700 | 1.15 |
จากข้อมูลดังกล่าวเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับการถือครองหุ้นในครั้งก่อน พบว่า "หมอพงศ์ศักดิ์" ได้เพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้น PLANB บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) ล่าสุดถือหุ้นจำนวน 212,816,700 หุ้นคิดเป็น 4.96% จากเดิมที่เคยถือครองหุ้น 178,270,200 หุ้น คิดเป็น 4.17%
การเข้ามาถือหุ้นเพิ่มขึ้นในครั้งนี้ ส่งผลให้ "หมอพงศ์ศักดิ์" ได้ขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 ในทันทีจากเดิมที่เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 6 รวมทั้งยังพบว่าบริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AQUA ได้เข้ามาถือหุ้น จำนวน 84,000,000 หุ้น คิดเป็น1.96% จากเดิมไม่ปรากฎรายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ PLANB
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น PLANB ณ 28 ธันวาคม 2566 ดังนี้
ผู้ถือหุ้น | จำนวน (หุ้น) | %การถือครอง |
---|---|---|
นาย ปรินทร์ โลจนะโกสินทร์ | 942,611,347 | 21.97 |
บริษัท วี จี ไอ จำกัด (มหาชน) | 726,117,400 | 16.93 |
นาย พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี | 212,816,700 | 4.96 |
นาย สุชาติ ลือชัยขจรพันธ์ | 201,417,408 | 4.7 |
กองทุนเปิด บัวหลวงหุ้นระยะยาว 75/25 | 25 94,590,500 | 2.21 |
กองทุนเปิด บัวหลวงเฟล็กซิเบิ้ลเพื่อการเลี้ยงชีพ | 84,888,300 | 1.98 |
สำหรับการเคลื่อนไหวราคาหุ้น PLANB ในเดือนมกราคม 2567 ราคาหุ้นทรงตัว จากราคา 9 บาท มาอยู่ที่ 8.80 บาทลดลง 0.56% และเคยปรับตัวสูงสุดที่ 9.05 บาท
บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) ได้เผยแพร่บทวิเคราะห์ โดยแนะนำซื้อ PLANB มูลค่าพื้นฐานที่ 11.20 บาท เราคาดผลประกอบการ4Q66 ยังเติบโตต่อเนื่อง Qo๐,YoY นอกจากเข้า High season ยังเติบโตตามธุรกิจ OOH และการฟื้นตัวของธุรกิจ Engagement อีเว้นท์ และคอนเสิร์ต ซึ่งได้ปรับเพิ่มกำไรปี 2566-2567 เพิ่มเฉลี่ย 5% สะท้อนกำไรที่เติบโตดีกว่าคาด
ในปี 2567 คาดกำไรปกติเติบโตต่อเนื่อง 17%YoY เป็น 1,079 ล้านบาท คาดสื่อ OOHยังเติบโต Outperform สื่ออื่น ประสิทธิภาพดีขึ้นจากการปรับขึ้นราคา และนโยบายควบคุมต้นทุนและยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” เรามีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มกำไรใน 4Q66 -2567 ที่คาดเติบโตดีต่อเนื่อง ขณะที่ราคาหุ้นปรับลดลงสวนทางผลประกอบการที่เติบโตดี จึงเป็นจังหวะในการกลับเข้าลงทุน เรามีการปรับมูลค่าพื้นฐานปี 2567 จากเดิมที่ 10.60 บาท เป็น 11.20 บาท สะท้อนการปรับประมาณการ อิงวิธี DCF อิงสมมติฐาน WACC 8.2%