CPT รุกตลาดกลุ่มลูกค้าพลังงานทดแทน ขานรับ Green Economy ดีมานด์สูง เงินลงทุนสะพัด ล่าสุดคว้างานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย ยอง ก๊วน เฮฟวี่ อินดัสทรี (ไทยแลนด์) ผู้ผลิตชิ้นส่วนกังหันลมเพื่อผลิตไฟฟ้า (Wind Turbine) มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ลุยประมูลงานเพิ่ม เสนองานพื้นที่ EEC มุ่งเน้นอุตสาหกรรม EV อาหารและเครื่องดื่ม เล็งจับมือพันมิตร เพิ่ม Product portfolio และความสามารถการแข่งขัน ตั้งเป้าผลประกอบการปี 67 โตไม่ต่ำกว่า 10%
นายชัยยศ ปิยะวรรณรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพีที ไดร์ แอนด์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPT ผู้ผลิตและจำหน่ายตู้ไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้าและระบบควบคุมไฟฟ้าที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงให้บริการติดตั้งตู้ไฟฟ้า และก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย (115KV) เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจปี 67 บริษัทมุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าเข้าสู่กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น
เนื่องจากปัจจุบันธุรกิจหลายประเภทจำเป็นต้องขับเคลื่อนด้วยเทรนด์การลดคาร์บอนไดออกไซด์ ส่งผลให้ภาครัฐและเอกชนวางแผนการลงทุนด้านนี้เพิ่มขึ้น ซึ่งกลุ่มลูกค้าดังกล่าวมีความจำเป็นในการใช้สถานีไฟฟ้าย่อย ตู้ไฟฟ้าเพื่อควบคุมกระแสไฟ ซึ่งถือเป็นโอกาสการเติบโตของบริษัทในปีนี้
ล่าสุด บริษัทได้รับความไว้วางใจจาก บริษัท ยอง ก๊วน เฮฟวี่ อินดัสทรี (ไทยแลนด์) จำกัด (YGHT) ให้ดำเนินการก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย 115/22 kV MTS Substation มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในไตรมาส 2-4 โดยวางแผนแล้วเสร็จภายในปี 2567
สถานีไฟฟ้าย่อยดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของโรงงาน YGHT แห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการผลิตชิ้นส่วนกังหันลมเพื่อผลิตไฟฟ้า (Wind Turbine) โดยบริษัทมีความภูมิใจที่ได้มีส่วนในการสนับสนุนธุรกิจพลังงานหมุนเวียน Green Economy สอดคล้องกับนโยบายของบริษัทที่ต้องการมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
ขณะเดียวกัน บริษัทมุ่งเน้นนำเสนองานภาคเอกชนที่มีการลงทุนใหม่เพิ่มเติม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีการเติบโต และมีกำลังซื้อสูง อาทิ อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน รถไฟฟ้า EV ดาต้าเซ็นเตอร์ อาหารและเครื่องดื่ม
“บริษัทพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการของตลาด และเพิ่มโอกาสต่อยอดการขยายฐานลูกค้า โดยมีความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจด้านเทคโนโลยีทางวิศวกรรมต่างๆ ในการผลิตตู้ไฟฟ้าที่มีมาตรฐานระดับโลก อีกทั้งวางแผนร่วมมือกับพันธมิตรด้านอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน สามารถขยายฐานลูกค้าในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความต้องการใช้ระบบไฟฟ้าที่มีความน่าเชื่อถือ และต้องการตู้ไฟฟ้าที่มีมาตรฐานระดับสูง ซึ่งจากแผนการดำเนินงานดังกล่าว เชื่อว่าจะสามารถผลักดันผลประกอบการให้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 10%” นายชัยยศ กล่าว
นายชัยยศ ปิยะวรรณรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพีที ไดร์ แอนด์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPT ผู้ผลิตและจำหน่ายตู้ไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้าและระบบควบคุมไฟฟ้าที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงให้บริการติดตั้งตู้ไฟฟ้า และก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย (115KV) เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจปี 67 บริษัทมุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าเข้าสู่กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น
เนื่องจากปัจจุบันธุรกิจหลายประเภทจำเป็นต้องขับเคลื่อนด้วยเทรนด์การลดคาร์บอนไดออกไซด์ ส่งผลให้ภาครัฐและเอกชนวางแผนการลงทุนด้านนี้เพิ่มขึ้น ซึ่งกลุ่มลูกค้าดังกล่าวมีความจำเป็นในการใช้สถานีไฟฟ้าย่อย ตู้ไฟฟ้าเพื่อควบคุมกระแสไฟ ซึ่งถือเป็นโอกาสการเติบโตของบริษัทในปีนี้
ล่าสุด บริษัทได้รับความไว้วางใจจาก บริษัท ยอง ก๊วน เฮฟวี่ อินดัสทรี (ไทยแลนด์) จำกัด (YGHT) ให้ดำเนินการก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย 115/22 kV MTS Substation มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในไตรมาส 2-4 โดยวางแผนแล้วเสร็จภายในปี 2567
สถานีไฟฟ้าย่อยดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของโรงงาน YGHT แห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการผลิตชิ้นส่วนกังหันลมเพื่อผลิตไฟฟ้า (Wind Turbine) โดยบริษัทมีความภูมิใจที่ได้มีส่วนในการสนับสนุนธุรกิจพลังงานหมุนเวียน Green Economy สอดคล้องกับนโยบายของบริษัทที่ต้องการมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
ขณะเดียวกัน บริษัทมุ่งเน้นนำเสนองานภาคเอกชนที่มีการลงทุนใหม่เพิ่มเติม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีการเติบโต และมีกำลังซื้อสูง อาทิ อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน รถไฟฟ้า EV ดาต้าเซ็นเตอร์ อาหารและเครื่องดื่ม
“บริษัทพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการของตลาด และเพิ่มโอกาสต่อยอดการขยายฐานลูกค้า โดยมีความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจด้านเทคโนโลยีทางวิศวกรรมต่างๆ ในการผลิตตู้ไฟฟ้าที่มีมาตรฐานระดับโลก อีกทั้งวางแผนร่วมมือกับพันธมิตรด้านอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน สามารถขยายฐานลูกค้าในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความต้องการใช้ระบบไฟฟ้าที่มีความน่าเชื่อถือ และต้องการตู้ไฟฟ้าที่มีมาตรฐานระดับสูง ซึ่งจากแผนการดำเนินงานดังกล่าว เชื่อว่าจะสามารถผลักดันผลประกอบการให้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 10%” นายชัยยศ กล่าว