Mr.Data
สัปดาห์นี้ Mr.Data พามารู้จัก 3 อาณาจักร Non Oil ของ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PT) ผู้นำธุรกิจค้าปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงสำเร็จรูป ภายใต้แบรนด์ PT เจ้าของสถานีบริการน้ำมันสูงสุดในประเทศไทย เครือข่ายสาขาทั่วประเทศมากกว่า 2,206 สถานี
…เริ่มจาก “ร้านกาแฟพันธุ์ไทย” ซึ่งปัจจุบันมี 750 สาขา วางเป้าเปิดเพิ่มเป็น 1,500 สาขา ในปี 2567
โดยผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2566 มีรายได้รวม 1,200 ล้านบาท และคาดว่าสิ้นปี 2566 จะมีรายได้รวมกว่า 1,700 ล้านบาท
และมีแผน Spin Off ร้านกาแฟพันธุ์ไทย เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในปี 2568 โดยปัจจุบัน PTG ถือหุ้นในสัดส่วน 99.99%
ภายในปี 2570 วางเป้าขยายสาขา “ร้านกาแฟพันธุ์ไทย” เพิ่มเป็น 5,000 สาขา ครอบคลุมทุกอำเภอ รวมถึงการเข้าบุกตลาด CLMV
…ตามมาด้วย “ไพศาล แคปปิตอล”ผู้นำธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง ที่ PTG ได้ทุ่มเงินลงทุนกว่า 825 ล้านบาท เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 33.33% เพื่อต่อยอดธุรกิจ Non Oil
โดยปัจจุบันพอร์ตสินเชื่อของ “ไพศาล แคปปิตอล” อยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท
และมีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯภายในปี 2569
…ล่าสุด PTG เข้าลงทุนใน “ไทยไพบูลย์ อีควิปเม้นท์” ผู้นำธุรกิจบริหารจัดการและผลิตเชื้อเพลิงขยะ (RDF) โดยซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งแรกไม่น้อยกว่า 10% มูลค่าลงทุน 103 ล้านบาท
และมีเป้าหมายเข้าไปถือหุ้น 33.33% ภายในปี 2568 มูลค่าลงทุนตลอดโครงการทั้งสิ้น 400 ล้านบาท
โดยปัจจุบัน “ไทยไพบูลย์ อีควิปเม้นท์” มีกำไรสุทธิประมาณ 100 ล้านบาท/ปี และมีรายได้ประมาณ 800 ล้านบาท
และมีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯภายในปี 2570
…การเข้าลงทุนในธุรกิจ Non-Oil น้องใหม่ “ไพศาล แคปปิตอล” และ “ไทยไพบูลย์ อีควิปเม้นท์” ที่ปิดดีลในเดือนม.ค. และก.พ.67 ที่ผ่านมา
ส่งให้สัดส่วนธุรกิจ Non-Oil เพิ่มขึ้นมากกว่า 30% สอดคล้องแผนและกลยุทธ์ของกลุ่ม PTG ที่มุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนผ่านธุรกิจ Non-Oil
…ถือเป็นการโตทางลัดของ PTG และเชื่อม Ecosystem ให้กับ PTG รวมถึงสร้างโอกาสการเติบโตอย่างก้าวกระโดดให้กับ 2 พันธมิตรใหม่
เพราะอย่าลืมว่า “จุดแข็ง” ของ PTG คือเครือข่ายสาขาที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ มีฐานสมาชิก PT MAX CARD 20 ล้านสมาชิก
มีจำนวนสาขาภายใต้ธุรกิจ Non-Oil ทั้งสิ้น 1,892 Touchpoints (เพิ่มขึ้น 366 Touchpoints จากต้น)
แบ่งเป็นธุรกิจ LPG 539 Touchpoints ร้านกาแฟพันธุ์ไทย 756 สาขา,ร้านกาแฟคอฟฟีเวิลด์ 24 สาขา , ร้านสะดวกซื้อ Max Mart 334 สาขา ,ศูนย์ซ่อมบำรุงรักษารถยนต์ Autobacs 59 สาขา ,จุดพักรถ Max Camp 78 Touchpoints ,จุดเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง Maxnitron 56 Touchpoints และจุดชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า Elex by EGAT Max 46 จุดชาร์จ
…ไม่ยากที่จะทำให้ “ไพศาล แคปปิตอล” โตติดปีก ในฐานะผู้นำธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง
และหากได้รับไลเซ่นธุรกิจสินเชื่อรายย่อย ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างขอใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อบุกตลาดลูกค้าสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ สินเชื่อรายย่อย
คงไม่ต้องบอกว่าอนาคตจะโตก้าวกระโดดขนาดไหน
…ส่วน “ไทยไพบูลย์ อีควิปเม้นท์” ผู้นำธุรกิจบริหารจัดการและผลิตเชื้อเพลิงขยะ (RDF)
ลองมองภาพของการใช้ PTG เป็นส่วนหนึ่งของระบบ “โลจิสติกส์” และการบริหารจัดการคัดแยกขยะให้กับ PTG ที่มีกว่า 2,000 สถานีน้ำมันทั่วประเทศ
รวมถึงเม็ดเงินที่ได้จากการร่วมลงทุนราว 400 ล้านบาท ภายในปี 2568 จะทำให้ “ไทยไพบูลย์ อีควิปเม้นท์” โตก้าวกระโดดมากขนาดไหน จากฐานทุนที่แข็งแกร่งขึ้น เพิ่มโอกาสในการขยายกำลังการผลิต RDF และบริหารจัดการขยะ รองรับความต้องการของลูกค้า
…ส่วน PTG นอกเหนือจากการเติมเต็ม Ecosystem แล้ว ยังมีรายได้ประจำสม่ำเสมอ (Recuring Income) จากสัดส่วนการถือหุ้น และกำไรส่วนล้ำจากมูลค่าเงินลงทุน หลัง Spin Off เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
ถือเป็น “อัพไซด์” ให้กับราคาหุ้น PTG ได้เป็นอย่างดี!!!
สัปดาห์นี้ Mr.Data พามารู้จัก 3 อาณาจักร Non Oil ของ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PT) ผู้นำธุรกิจค้าปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงสำเร็จรูป ภายใต้แบรนด์ PT เจ้าของสถานีบริการน้ำมันสูงสุดในประเทศไทย เครือข่ายสาขาทั่วประเทศมากกว่า 2,206 สถานี
…เริ่มจาก “ร้านกาแฟพันธุ์ไทย” ซึ่งปัจจุบันมี 750 สาขา วางเป้าเปิดเพิ่มเป็น 1,500 สาขา ในปี 2567
โดยผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2566 มีรายได้รวม 1,200 ล้านบาท และคาดว่าสิ้นปี 2566 จะมีรายได้รวมกว่า 1,700 ล้านบาท
และมีแผน Spin Off ร้านกาแฟพันธุ์ไทย เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในปี 2568 โดยปัจจุบัน PTG ถือหุ้นในสัดส่วน 99.99%
ภายในปี 2570 วางเป้าขยายสาขา “ร้านกาแฟพันธุ์ไทย” เพิ่มเป็น 5,000 สาขา ครอบคลุมทุกอำเภอ รวมถึงการเข้าบุกตลาด CLMV
…ตามมาด้วย “ไพศาล แคปปิตอล”ผู้นำธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง ที่ PTG ได้ทุ่มเงินลงทุนกว่า 825 ล้านบาท เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 33.33% เพื่อต่อยอดธุรกิจ Non Oil
โดยปัจจุบันพอร์ตสินเชื่อของ “ไพศาล แคปปิตอล” อยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท
และมีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯภายในปี 2569
…ล่าสุด PTG เข้าลงทุนใน “ไทยไพบูลย์ อีควิปเม้นท์” ผู้นำธุรกิจบริหารจัดการและผลิตเชื้อเพลิงขยะ (RDF) โดยซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งแรกไม่น้อยกว่า 10% มูลค่าลงทุน 103 ล้านบาท
และมีเป้าหมายเข้าไปถือหุ้น 33.33% ภายในปี 2568 มูลค่าลงทุนตลอดโครงการทั้งสิ้น 400 ล้านบาท
โดยปัจจุบัน “ไทยไพบูลย์ อีควิปเม้นท์” มีกำไรสุทธิประมาณ 100 ล้านบาท/ปี และมีรายได้ประมาณ 800 ล้านบาท
และมีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯภายในปี 2570
…การเข้าลงทุนในธุรกิจ Non-Oil น้องใหม่ “ไพศาล แคปปิตอล” และ “ไทยไพบูลย์ อีควิปเม้นท์” ที่ปิดดีลในเดือนม.ค. และก.พ.67 ที่ผ่านมา
ส่งให้สัดส่วนธุรกิจ Non-Oil เพิ่มขึ้นมากกว่า 30% สอดคล้องแผนและกลยุทธ์ของกลุ่ม PTG ที่มุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนผ่านธุรกิจ Non-Oil
…ถือเป็นการโตทางลัดของ PTG และเชื่อม Ecosystem ให้กับ PTG รวมถึงสร้างโอกาสการเติบโตอย่างก้าวกระโดดให้กับ 2 พันธมิตรใหม่
เพราะอย่าลืมว่า “จุดแข็ง” ของ PTG คือเครือข่ายสาขาที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ มีฐานสมาชิก PT MAX CARD 20 ล้านสมาชิก
มีจำนวนสาขาภายใต้ธุรกิจ Non-Oil ทั้งสิ้น 1,892 Touchpoints (เพิ่มขึ้น 366 Touchpoints จากต้น)
แบ่งเป็นธุรกิจ LPG 539 Touchpoints ร้านกาแฟพันธุ์ไทย 756 สาขา,ร้านกาแฟคอฟฟีเวิลด์ 24 สาขา , ร้านสะดวกซื้อ Max Mart 334 สาขา ,ศูนย์ซ่อมบำรุงรักษารถยนต์ Autobacs 59 สาขา ,จุดพักรถ Max Camp 78 Touchpoints ,จุดเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง Maxnitron 56 Touchpoints และจุดชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า Elex by EGAT Max 46 จุดชาร์จ
…ไม่ยากที่จะทำให้ “ไพศาล แคปปิตอล” โตติดปีก ในฐานะผู้นำธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง
และหากได้รับไลเซ่นธุรกิจสินเชื่อรายย่อย ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างขอใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อบุกตลาดลูกค้าสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ สินเชื่อรายย่อย
คงไม่ต้องบอกว่าอนาคตจะโตก้าวกระโดดขนาดไหน
…ส่วน “ไทยไพบูลย์ อีควิปเม้นท์” ผู้นำธุรกิจบริหารจัดการและผลิตเชื้อเพลิงขยะ (RDF)
ลองมองภาพของการใช้ PTG เป็นส่วนหนึ่งของระบบ “โลจิสติกส์” และการบริหารจัดการคัดแยกขยะให้กับ PTG ที่มีกว่า 2,000 สถานีน้ำมันทั่วประเทศ
รวมถึงเม็ดเงินที่ได้จากการร่วมลงทุนราว 400 ล้านบาท ภายในปี 2568 จะทำให้ “ไทยไพบูลย์ อีควิปเม้นท์” โตก้าวกระโดดมากขนาดไหน จากฐานทุนที่แข็งแกร่งขึ้น เพิ่มโอกาสในการขยายกำลังการผลิต RDF และบริหารจัดการขยะ รองรับความต้องการของลูกค้า
…ส่วน PTG นอกเหนือจากการเติมเต็ม Ecosystem แล้ว ยังมีรายได้ประจำสม่ำเสมอ (Recuring Income) จากสัดส่วนการถือหุ้น และกำไรส่วนล้ำจากมูลค่าเงินลงทุน หลัง Spin Off เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
ถือเป็น “อัพไซด์” ให้กับราคาหุ้น PTG ได้เป็นอย่างดี!!!