“BETAGRO Ventures” หน่วยงานด้านการลงทุนและพัฒนานวัตกรรมภายใต้ “บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน)” หรือ “BTG” บริษัทอาหารครบวงจรชั้นนำของไทย ประกาศความสำเร็จในการร่วมลงทุนส่งเสริมการพัฒนาโปรตีนทางเลือก ด้วยนวัตกรรม “Mycelium-based” กับ “Infinite Roots” บริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีชีวภาพอาหารชั้นนำของยุโรป โดยการร่วมลงทุนในครั้งนี้ถือเป็นระดมทุนในธุรกิจพัฒนา Mycelium-based ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ภายใต้วงเงิน 58 ล้านเหรียญสหรัฐ นำโดย Dr. Hans Riegel Holding (บริษัทแม่ Haribo), European Innovation Council (EIC) Fund, REWE Group (ธุรกิจค้าปลีกชั้นนำของเยอรมันนี) พร้อมนักลงทุนเดิมที่ร่วมลงทุนในโปรเจคนี้
![BTG ร่วมลงทุน Infinite Roots.jpg](https://www.share2trade.com/storage/News%20Today/2024/120224/BTG%20%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99%20Infinite%20Roots.jpg)
“นายชยธร แต้ไพสิฐพงษ์” ประธานเจ้าหน้าที่ กลุ่มงานกลยุทธ์และนวัตกรรม บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน)” กล่าวว่า BETAGRO Ventures เป็นหน่วยงานด้านการลงทุนระดับองค์กรของเบทาโกร ที่มุ่งเน้นสร้างธุรกิจร่วมลงทุน และการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ภายใต้ 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ ส่งเสริมและสนับสนุนการเข้าถึงอาหารคุณภาพสูงของผู้บริโภค การสร้างแหล่งโปรตีนใหม่ที่ยั่งยืน ตลอดจนการพัฒนาห่วงโซ่ธุรกิจอาหารของเบทาโกรให้มีความแข็งแกร่งนำไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืน และยกระดับอุตสาหกรรมอาหารของไทยในที่สุด
“การร่วมลงทุนกับ Infinite Roots ถือเป็นการลงทุนครั้งแรกของ BETAGRO Ventures ด้วยความเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของ Infinite Roots ในการสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืนและดีต่อสุขภาพ ด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านอาหารที่ทันสมัย โดยเฉพาะแพลตฟอร์มเทคโนโลยีการหมักไมซีเลียม (Mycelium Fermentation Technology Platform) และการพัฒนาโปรตีนทางเลือกที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการจากเห็ด (Mycelium-based) มาสู่ประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน และอนาคต นอกจากนี้ การร่วมลงทุนครั้งนี้ยังแสดงถึงความมุ่งมั่นของ BETAGRO Ventures ในการเป็นพันธมิตรกับสตาร์ทอัพและทีมงานด้านนวัตกรรม สะท้อนถึงศักยภาพในการประสานความร่วมมือกับธุรกิจหลักของเบทาโกรในระยะยาว และเป็นการสร้างตลาดใหม่สำหรับเบทาโกร”
สำหรับ Infinite Roots เป็นบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีชีวภาพอาหารชั้นนำของยุโรป เป็นผู้นำในการพัฒนาโปรตีนทางเลือก ด้วยนวัตกรรม Mycelium-based เข้าสู่ห่วงโซ่การผลิตอาหารของโลก โดยมีแผนที่จะขยายตลาดโปรตีนทางเลือก ด้วยรูปแบบอาหารฉลากสะอาด (Clean Label) ซึ่งเป็นมิตรต่อสุขภาพของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม ซึ่งทำให้เกิดความยั่งยืนต่อระบบอาหาร และผู้บริโภคต่อไป
![BTG ร่วมลงทุน Infinite Roots.jpg](https://www.share2trade.com/storage/News%20Today/2024/120224/BTG%20%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99%20Infinite%20Roots.jpg)
“นายชยธร แต้ไพสิฐพงษ์” ประธานเจ้าหน้าที่ กลุ่มงานกลยุทธ์และนวัตกรรม บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน)” กล่าวว่า BETAGRO Ventures เป็นหน่วยงานด้านการลงทุนระดับองค์กรของเบทาโกร ที่มุ่งเน้นสร้างธุรกิจร่วมลงทุน และการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ภายใต้ 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ ส่งเสริมและสนับสนุนการเข้าถึงอาหารคุณภาพสูงของผู้บริโภค การสร้างแหล่งโปรตีนใหม่ที่ยั่งยืน ตลอดจนการพัฒนาห่วงโซ่ธุรกิจอาหารของเบทาโกรให้มีความแข็งแกร่งนำไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืน และยกระดับอุตสาหกรรมอาหารของไทยในที่สุด
“การร่วมลงทุนกับ Infinite Roots ถือเป็นการลงทุนครั้งแรกของ BETAGRO Ventures ด้วยความเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของ Infinite Roots ในการสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืนและดีต่อสุขภาพ ด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านอาหารที่ทันสมัย โดยเฉพาะแพลตฟอร์มเทคโนโลยีการหมักไมซีเลียม (Mycelium Fermentation Technology Platform) และการพัฒนาโปรตีนทางเลือกที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการจากเห็ด (Mycelium-based) มาสู่ประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน และอนาคต นอกจากนี้ การร่วมลงทุนครั้งนี้ยังแสดงถึงความมุ่งมั่นของ BETAGRO Ventures ในการเป็นพันธมิตรกับสตาร์ทอัพและทีมงานด้านนวัตกรรม สะท้อนถึงศักยภาพในการประสานความร่วมมือกับธุรกิจหลักของเบทาโกรในระยะยาว และเป็นการสร้างตลาดใหม่สำหรับเบทาโกร”
สำหรับ Infinite Roots เป็นบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีชีวภาพอาหารชั้นนำของยุโรป เป็นผู้นำในการพัฒนาโปรตีนทางเลือก ด้วยนวัตกรรม Mycelium-based เข้าสู่ห่วงโซ่การผลิตอาหารของโลก โดยมีแผนที่จะขยายตลาดโปรตีนทางเลือก ด้วยรูปแบบอาหารฉลากสะอาด (Clean Label) ซึ่งเป็นมิตรต่อสุขภาพของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม ซึ่งทำให้เกิดความยั่งยืนต่อระบบอาหาร และผู้บริโภคต่อไป