บล. โกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่งตัว Sideway ออกข้าง เหตุขาดปัจจัยหนุนการลงทุนใหม่ๆ และบจ. ทยอยประกาศงบปี 66 โดยกำหนดส่งงบวันสุดท้าย 29 ก.พ. นี้ จึงให้กรอบดัชนีที่ 1,370-1,400 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นประกาศผลการดำเนินงานออกมาดี ได้แก่ SPA-AUCT-PLANB-PRM
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง เป็นลักษณะของการพักตัวระยะสั้น โดยยังขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนตลาด ปัจจัยต่างประเทศนักลงทุนรอจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันนี้เพื่อประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ขณะที่ปัจจัยในประเทศนักลงทุนยังติดตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนอย่างใกล้ชิดโดยกำหนดวันสุดท้ายในการส่งงบการเงินปี 2566 ในวันที่ 29 ก.พ. 2567 จึงให้กรอบดัชนีที่ 1,370-1,400 จุด
อีกทั้งความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังมีกดดันอยู่ โดยเฉพาะสถานการณ์ทางเกาหลีเหนือที่ได้มีการทดสอบขีปนาวุธซึ่งขัดต่อมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) และไม่ได้ให้ข้อมูลที่เพียงพอเกี่ยวกับชาวญี่ปุ่นที่ถูกลักพาตัว ส่วนประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนหารือทางโทรศัพท์เน้นย้ำว่าไม่ยอมให้สหรัฐแทรกแซงกิจการภายในประเทศ และทางด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ออกมาเตือนว่าการสู้รบในฉนวนกาซาที่บานปลายจะยิ่งทำให้เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งมากยิ่งขึ้น
ส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-9 กุมภาพันธ์ 2567 ทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้มีการสรุปมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์สะสมตามกลุ่มนักลงทุน พบว่าสถาบันในประเทศขายสุทธิ 3,302.81 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 1,023.37 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 27,724.32 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 32,050.49 ล้านบาท
และยังคงต้องเฝ้าติดตามปัจจัยต่างที่ส่งผลเชิงลบต่อการลงทุน อาทิ วันนี้ (13 ก.พ.) มีการประชุมครม. การแถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และวันที่ 15 ก.พ. ประชุมดิจิทัลวอลเล็ตรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย ส่วนปัจจัยต่างประเทศวันนี้ 13 ก.พ. อียู รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนก.พ. สหรัฐ รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนม.ค. วันที่ 14 ก.พ. อียู รายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค. สหรัฐ รายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ และวันที่ 15 ก.พ. สหรัฐ รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดค้าปลีกเดือนม.ค. ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.พ. ดัชนีการผลิตเดือนก.พ. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนธ.ค.
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนหุ้นที่คาดว่าจะประกาศผลการดำเนินงานงวดปี 2566 ออกมาดี ได้แก่ SPA, AUCT, PLANB และ PRM
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก ประเมินว่า สัปดาห์นี้จับตาประกาศตัวเลขภาคแรงงานของสหรัฐ ได้แก่ การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงาน และความรุนแรงในตะวันออกกลาง รวมถึงปัญหาหนี้เสียในสหรัฐที่เพิ่มขึ้น
ฝ่ายวิจัยประเมินว่าทองคำได้แรงหนุนจากปัญหาความรุนแรงในตะวันออกกลาง รวมถึงปัญหาหนี้เสียสหรัฐที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งปัจจัยทางเทคนิคที่หนุนจากราคาทองคำกำลังสร้างฐานเหนือ 2,000$/oz ทำให้ระหว่างสัปดาห์มองราคาทองคำเคลื่อนตัวในกรอบ 2,015-2,060$/oz คำแนะนำซื้อขายตามกรอบที่ให้ไว้
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง เป็นลักษณะของการพักตัวระยะสั้น โดยยังขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนตลาด ปัจจัยต่างประเทศนักลงทุนรอจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันนี้เพื่อประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ขณะที่ปัจจัยในประเทศนักลงทุนยังติดตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนอย่างใกล้ชิดโดยกำหนดวันสุดท้ายในการส่งงบการเงินปี 2566 ในวันที่ 29 ก.พ. 2567 จึงให้กรอบดัชนีที่ 1,370-1,400 จุด
อีกทั้งความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังมีกดดันอยู่ โดยเฉพาะสถานการณ์ทางเกาหลีเหนือที่ได้มีการทดสอบขีปนาวุธซึ่งขัดต่อมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) และไม่ได้ให้ข้อมูลที่เพียงพอเกี่ยวกับชาวญี่ปุ่นที่ถูกลักพาตัว ส่วนประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนหารือทางโทรศัพท์เน้นย้ำว่าไม่ยอมให้สหรัฐแทรกแซงกิจการภายในประเทศ และทางด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ออกมาเตือนว่าการสู้รบในฉนวนกาซาที่บานปลายจะยิ่งทำให้เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งมากยิ่งขึ้น
ส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-9 กุมภาพันธ์ 2567 ทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้มีการสรุปมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์สะสมตามกลุ่มนักลงทุน พบว่าสถาบันในประเทศขายสุทธิ 3,302.81 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 1,023.37 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 27,724.32 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 32,050.49 ล้านบาท
และยังคงต้องเฝ้าติดตามปัจจัยต่างที่ส่งผลเชิงลบต่อการลงทุน อาทิ วันนี้ (13 ก.พ.) มีการประชุมครม. การแถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และวันที่ 15 ก.พ. ประชุมดิจิทัลวอลเล็ตรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย ส่วนปัจจัยต่างประเทศวันนี้ 13 ก.พ. อียู รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนก.พ. สหรัฐ รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนม.ค. วันที่ 14 ก.พ. อียู รายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค. สหรัฐ รายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ และวันที่ 15 ก.พ. สหรัฐ รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดค้าปลีกเดือนม.ค. ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.พ. ดัชนีการผลิตเดือนก.พ. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนธ.ค.
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนหุ้นที่คาดว่าจะประกาศผลการดำเนินงานงวดปี 2566 ออกมาดี ได้แก่ SPA, AUCT, PLANB และ PRM
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก ประเมินว่า สัปดาห์นี้จับตาประกาศตัวเลขภาคแรงงานของสหรัฐ ได้แก่ การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงาน และความรุนแรงในตะวันออกกลาง รวมถึงปัญหาหนี้เสียในสหรัฐที่เพิ่มขึ้น
ฝ่ายวิจัยประเมินว่าทองคำได้แรงหนุนจากปัญหาความรุนแรงในตะวันออกกลาง รวมถึงปัญหาหนี้เสียสหรัฐที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งปัจจัยทางเทคนิคที่หนุนจากราคาทองคำกำลังสร้างฐานเหนือ 2,000$/oz ทำให้ระหว่างสัปดาห์มองราคาทองคำเคลื่อนตัวในกรอบ 2,015-2,060$/oz คำแนะนำซื้อขายตามกรอบที่ให้ไว้