จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : SNNP ผลงานเข้าตา “เติบโตแรง” เฉลี่ยปีละ 13% ผู้นำตลาดเครื่องดื่ม-ขนมขบเคี้ยว
13 กุมภาพันธ์ 2567
โบรกเกอร์แกะผลงานบมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง (SNNP) คาดแนวโน้มผลงานโตเฉลี่ยปีละ 13% เติบโตทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ แนะนำ “ซื้อ”
บล.ทิสโก้ วิเคราะห์หุ้น บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง (SNNP) โดยคาดกำไรสุทธิ 4Q23F เพิ่มขึ้น และทั้งปี 2023F เติบโตแรง คาด SNNP จะมีกำไรสุทธิ 4Q23F ที่ 166 ล้านบาท (+9%YoY, +4%QoQ) เติบโตจากช่วง high season และคาดกำไรสุทธิปี 2023F เติบโต 23%YoY อยู่ที่ 636 ล้านบาท +23%YoY จากคาดรายได้รวม 4Q23F ลดลง -4%YoY จากฐานสูง แต่เพิ่มขึ้น 6% จากช่วง high season
โดยสินค้ากลุ่ม snack โลตัสขาไก่และเบนโตะที่เพิ่มขึ้นประกอบกับการออก SKU ใหม่ต่อเนื่อง สำหรับการส่งออกในกลุ่ม CLMV เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเวียดนามที่มียอดขายเพิ่มขึ้นจากไลน์ผลิตใหม่โลตัสขาไก่ และเบนโตะ โดยยอดขายในประเทศคาด 71% และส่งออก 29% คาดอัตรากำไรขั้นต้น 4Q23F เพิ่มขึ้น YoY และ QoQ จากสินค้ากลุ่ม snack ที่มีอัตรามาร์จิ้นดีกว่ากลุ่มเครื่องดื่ม ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย 15.6% ลดลง YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ จากการทำการตลาดของสินค้าใหม่
เราคาดแนวโน้มผลประกอบการยังเติบโตเฉลี่ยปีละ 13% (CAGR24-25F) และคาดกำไรสุทธิปี 2024F ที่ 747 ล้านบาท +17%YoY จากคาดยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้นจากการออก SKU ใหม่ โดยในเดือน ม.ค. 24 ได้เปิดตัวโลตัสหนังไก่กรอบ 2 รสชาติใหม่รสลาบและรสไก่ทอดสไตล์หาดใหญ่ โดยทำการตลาดผ่านสื่อออนไลน์ สำหรับเดือน ม.ค.24 บริษัทมียอดขายในกลุ่ม CVS เติบโตแล้วกว่า 20% การบริโภคเริ่มฟื้นตัวกลับมา และบริษัทยังมีแผนเปิดตัวสินค้ากลุ่มอาหารเสริม (food supplement) ในช่วงเดือน ก.พ.24 นี้ และรายได้ต่างประเทศเติบโตโดยเฉพาะประเทศเวียดนามจะรับรู้รายได้สินค้าขนมปังอบแท่งโลตัสขาไก่เต็มปี และแบรนด์ “เบนโตะ” เริ่มรับรู้ยอดขายจากไลน์ผลิตใหม่ตั้งแต่ 4Q23 และแบรนด์เจเล่ที่จะรับรู้รายได้ตั้งแต่ 1Q24F เป็นต้นไป
โดยบริษัทคาดกำลังการผลิตในเบื้องต้นจะอยู่ที่ระดับ 50-60% และบริษัทมีแผนขยายตลาดต่างประเทศเกาหลีใต้และฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้น สำหรับส่งออก CLMV และประเทศอื่นๆ เราคาดเพิ่มขึ้นปีละ 10% ยกเว้นประเทศกัมพูชาคาดเติบโต 5% จากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แนวโน้มต้นทุนวัตถุดิบที่เริ่มปรับลดลงช่วยเพิ่มอัตราทำกำไรและการเปิดไลน์ผลิตโรงงานจะช่วยเพิ่มอัตรามาร์จิ้นซึ่งสูงกว่าในประเทศไทยประมาณ 3-5%
เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” จากความเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว มูลค่าเหมาะสมอยู่ที่ 24 บาท ด้วยการประเมินมูลค่าด้วยวิธีPER forward ย้อนหลังเฉลี่ยที่ 31X แบบอนุรักษ์นิยม จากเดิม PER+1.5Stdev ที่ 37X จากแนวโน้มการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปแต่ยั่งยืน โดย PER24F อยู่ที่ 24.6X, Div.Yield 24F ที่ 2.4%
ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามได้แก่ 1) สภาวะเศรษฐกิจ 2) ยอดขายไม่เป็นไปตามคาด
บล.ทิสโก้ วิเคราะห์หุ้น บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง (SNNP) โดยคาดกำไรสุทธิ 4Q23F เพิ่มขึ้น และทั้งปี 2023F เติบโตแรง คาด SNNP จะมีกำไรสุทธิ 4Q23F ที่ 166 ล้านบาท (+9%YoY, +4%QoQ) เติบโตจากช่วง high season และคาดกำไรสุทธิปี 2023F เติบโต 23%YoY อยู่ที่ 636 ล้านบาท +23%YoY จากคาดรายได้รวม 4Q23F ลดลง -4%YoY จากฐานสูง แต่เพิ่มขึ้น 6% จากช่วง high season
โดยสินค้ากลุ่ม snack โลตัสขาไก่และเบนโตะที่เพิ่มขึ้นประกอบกับการออก SKU ใหม่ต่อเนื่อง สำหรับการส่งออกในกลุ่ม CLMV เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเวียดนามที่มียอดขายเพิ่มขึ้นจากไลน์ผลิตใหม่โลตัสขาไก่ และเบนโตะ โดยยอดขายในประเทศคาด 71% และส่งออก 29% คาดอัตรากำไรขั้นต้น 4Q23F เพิ่มขึ้น YoY และ QoQ จากสินค้ากลุ่ม snack ที่มีอัตรามาร์จิ้นดีกว่ากลุ่มเครื่องดื่ม ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย 15.6% ลดลง YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ จากการทำการตลาดของสินค้าใหม่
เราคาดแนวโน้มผลประกอบการยังเติบโตเฉลี่ยปีละ 13% (CAGR24-25F) และคาดกำไรสุทธิปี 2024F ที่ 747 ล้านบาท +17%YoY จากคาดยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้นจากการออก SKU ใหม่ โดยในเดือน ม.ค. 24 ได้เปิดตัวโลตัสหนังไก่กรอบ 2 รสชาติใหม่รสลาบและรสไก่ทอดสไตล์หาดใหญ่ โดยทำการตลาดผ่านสื่อออนไลน์ สำหรับเดือน ม.ค.24 บริษัทมียอดขายในกลุ่ม CVS เติบโตแล้วกว่า 20% การบริโภคเริ่มฟื้นตัวกลับมา และบริษัทยังมีแผนเปิดตัวสินค้ากลุ่มอาหารเสริม (food supplement) ในช่วงเดือน ก.พ.24 นี้ และรายได้ต่างประเทศเติบโตโดยเฉพาะประเทศเวียดนามจะรับรู้รายได้สินค้าขนมปังอบแท่งโลตัสขาไก่เต็มปี และแบรนด์ “เบนโตะ” เริ่มรับรู้ยอดขายจากไลน์ผลิตใหม่ตั้งแต่ 4Q23 และแบรนด์เจเล่ที่จะรับรู้รายได้ตั้งแต่ 1Q24F เป็นต้นไป
โดยบริษัทคาดกำลังการผลิตในเบื้องต้นจะอยู่ที่ระดับ 50-60% และบริษัทมีแผนขยายตลาดต่างประเทศเกาหลีใต้และฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้น สำหรับส่งออก CLMV และประเทศอื่นๆ เราคาดเพิ่มขึ้นปีละ 10% ยกเว้นประเทศกัมพูชาคาดเติบโต 5% จากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แนวโน้มต้นทุนวัตถุดิบที่เริ่มปรับลดลงช่วยเพิ่มอัตราทำกำไรและการเปิดไลน์ผลิตโรงงานจะช่วยเพิ่มอัตรามาร์จิ้นซึ่งสูงกว่าในประเทศไทยประมาณ 3-5%
เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” จากความเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว มูลค่าเหมาะสมอยู่ที่ 24 บาท ด้วยการประเมินมูลค่าด้วยวิธีPER forward ย้อนหลังเฉลี่ยที่ 31X แบบอนุรักษ์นิยม จากเดิม PER+1.5Stdev ที่ 37X จากแนวโน้มการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปแต่ยั่งยืน โดย PER24F อยู่ที่ 24.6X, Div.Yield 24F ที่ 2.4%
ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามได้แก่ 1) สภาวะเศรษฐกิจ 2) ยอดขายไม่เป็นไปตามคาด