ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลง หลังรายงาน US CPI ม.ค.อยู่ที่ 3.1% & สูงกว่าคาดที่ 2.9% YoY และ US Core CPI อยู่ที่ 3.9% & คาดที่ 3.7% YoY เป็นผลจากราคาที่อยู่อาศัย ม.ค. +6% YoY ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 2/3 ของ US CPI ส่งผลให้ตลาดกังวลอาจตรึงดอกเบี้ยสูงนานกว่าคาด โดย CME Fed Watch ชี้โอกาสจะลดดอกเบี้ยใน พ.ค. อยู่ที่ 36.1% & เดิม 58% และคาดมีโอกาสเลือน ไป มิ.ย. ซึ่งมีโอกาส 74.3%
บล.คิงส์ฟอร์ด ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,375-1,380 แนวต้าน 1,400 คาดปรับลดลงจากแรงขายกลุ่มอิเล็กฯ, โรงไฟฟ้า หลัง US Bond Yield 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.3% แนะนำทยอยซื้อท่องเที่ยว เช่น AOT, AAV, BA, MINT, SKY / กลุ่มปลอดภัย BH, BDMS
SPA (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 14.90 บาท)
บริษัทรายงานกำไรงวด 9M66 ที่ 192 ล้านบาท พลิกเป็นกำไรจากปีก่อน มีปัจจัยหนุนจากสถานการณ์โควิด 19 ที่คลี่คลายลง สอดคล้องกับการท่องเที่ยวไทยที่ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องหลังรัฐออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงปลาย 3Q66 และมีโมเมนตัมหนุนผลประกอบการดีต่อเนื่องใน 4Q66-1Q67 ซึ่งได้แรงหนุนมาตรการฟรีวีซาชาวจีนและ high season ท่องเที่ยว สำหรับธุรกิจปัจจุบันมีสาขาทั้งหมดทั้งหมด 69 สาขา พนักงานนวดมากกว่า 1,200 คน แนวโน้ม GPM ดีขึ้นจากการประหยัดต่อขนาด ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 66-67 ที่ 275 ล้านบาท (พลิกกำไร) และ 333 ล้านบาท (+21%YoY) ตามลำดับ
TU (ซื้อ / ราคาเป้าหมายปี67 17.80 บาท)
คาดขาดทุนสุทธิ 4Q66 ที่ระดับ -17,110 ลบ. (จากกำไร 4Q65 ที่ +1,238 ลบ. และ 3Q66 ที่ +1,206 ลบ.) จากการตั้งสำรอง Red Lobster ที่ราว -1.85 หมื่นลบ. โดยหากตัดประเด็นดังกล่าวและ Extra Items อื่นๆออกไป เราประเมินกำไรปกติของ TU ในช่วง 4Q66 ที่ +1,623 ลบ.(-5%YoY, +10%QoQ) ในภาพ YoY ยังเห็นการปรับลดลงจากฐานสูงแต่ภาพ QoQ ฟื้นตัวได้ต่อจาก 1.ออเดอร์ที่กลับมาเป็นปกติมากขึ้น(Inventory ลูกค้าในช่วง 1H66 ที่ผ่านมาอยู่ในระดับสูง) 2. ราคาต้นทุนปลาทูน่า ที่ปรับลดลงมาอยู่ในโซน 1600 usd/ton (จาก 1800 usd/ton ในช่วง 3Q66) ส่วนภาพระยะถัดไป การถอนทุนจาก RL จะส่งผลให้ไม่ต้องรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนเข้ามาในปี67 แล้ว ส่งผลให้ valuation สูงขึ้น ราว +2.0 บาท (17.80+2.00 บาท)