บมจ. ยูโร ครีเอชั่นส์ หรือ “EURO” เข้าเทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมสมัครใจทำข้อตกลงไม่จำหน่ายหุ้นส่วนที่เหลือจากการติด Silent Period เป็นระยะเวลา 12 เดือน ให้ความมั่นใจพร้อมสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามแนวทางที่เป็นวิสัยทัศน์อันเข้มแข็งขององค์กร หลังระดมทุนนำมาขยายธุรกิจ "Luxurious & High Quality Living วางกลยุทธ์ขยายตลาดใหม่และก่อสร้างโชว์รูมใหม่อีก 3 แห่งบนทำเลที่มีศักยภาพในการแข่งขัน เพิ่มพื้นที่โชว์รูมทั้งหมดเป็นกว่า 12,884 ตารางเมตร ภายใน 3 ปี พร้อมเพิ่มแบรนด์เฟอร์นิเจอร์และสินค้าตกแต่งระดับลักชัวรี่จากต่างประเทศ
นายเควิน กัมบีร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูโร ครีเอชั่นส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางแผนขยายธุรกิจเพื่อเพิ่มศักยภาพการเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ได้เข้าจดทะเบียนและซื้อขายหลักทรัพย์วันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ แล้ว (14 กุมภาพันธ์ 2567) โดยใช้ชื่อย่อ “EURO” ในการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของการเพิ่มศักยภาพความแข็งแกร่งด้านฐานะทางการเงินเพื่อรองรับแผนขยายธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ เป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญธุรกิจ “Luxurious & High Quality Living” ตัวแทนนำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการสำหรับสินค้าแบรนด์ชั้นนำระดับลักชัวรี่ที่หลากหลาย ครอบคลุมเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่ง อุปกรณ์ฟิตเนส และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์สำหรับห้องน้ำ โคมไฟและอุปกรณ์ควบคุมอัจฉริยะ วัสดุปูพื้น รวม 29 แบรนด์ พร้อมบริการตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบจนถึงบริการหลังการขายอย่างครบวงจรแบบวันสต็อปโซลูชั่น
บริษัทฯ จะนำเงินทุนที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) ไปใช้ก่อสร้างโชว์รูม Euro Creations 3 แห่ง ได้แก่ สาขาภูเก็ต ซึ่งคาดว่าจะเปิดบริการภายในไตรมาสแรกปี 2567 เร็วกว่าที่คาดไว้ สาขาทองหล่อ ซอย 5 ซึ่งคาดว่าจะเปิดบริการไตรมาส 2 ปี 2567 และสาขาทองหล่อ ซอย 1 ซึ่งคาดว่าจะเปิดบริการไตรมาส 4 ปี 2569 นำไปชำระเงินกู้จากสถาบันการเงินเพื่อก่อสร้างโชว์รูมใหม่และชำระเงินกู้ยืมระยะสั้นที่ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน รวมถึงเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการและการขยายธุรกิจ
ทั้งนี้ บริษัทฯ วางแผนมุ่งเน้นขยายผลิตภัณฑ์และตลาดใหม่ที่มีศักยภาพสูง ได้แก่ 1) การเจาะตลาดจากผลิตภัณฑ์ในปัจจุบัน ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อเพิ่มศักยภาพการขายและการทำตลาด รวมถึงนำเสนอบริการที่ดีที่สุดเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละราย 2) ขยายตลาดไปยังพื้นที่ใหม่ที่มีศักยภาพ เช่น ภูเก็ต ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวชั้นนำที่มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง 3) เพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเดิมได้ดียิ่งขึ้น และ 4) คัดสรรผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อขยายฐานลูกค้าระดับพรีเมียมและขยายสินค้าใหม่กลุ่มเฟอร์นิเจอร์สำนักงานตอบสนองกลุ่มลูกค้าทั่วไป (B2C) ที่ปรับรูปแบบมาทำงานที่บ้านเพิ่มขึ้น รวมถึงลูกค้าผู้ประกอบการ (B2B) เช่น ผู้พัฒนาอาคารสำนักงาน, โครงการอสังหาฯ แบบมิกซ์ยูส เป็นต้น
“เรามองว่ากลุ่มลูกค้าระดับลักชัวรี่และพรีเมียมเป็นตลาดที่มีศักยภาพและโอกาสเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากมีกำลังซื้อสูงและมีโอกาสได้รับผลกระทบจากความผันผวนทางเศรษฐกิจค่อนข้างน้อย เห็นได้จากในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ผ่านมา ผู้บริโภคกลุ่มนี้ไม่ได้ชะลอการตัดสินใจซื้อ และผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ ทางผู้ประกอบการอสังหาฯ วางแผนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจของบริษัทฯ” นายเควิน กล่าว
นายดิถดนัย สังขะรมย์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า บมจ. ยูโร ครีเอชั่นส์ เป็นผู้นำธุรกิจ Luxurious & High Quality Living ที่มีศักยภาพสูง โดยมีจุดเด่นหลากหลาย ได้แก่ 1.ความสามารถทำกำไรที่โดดเด่น โดยนับจากปี 2564 2565 และช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 มีอัตรา EBITDA 23.75% 22.71% และ 24.79% ตามลำดับ 2.จับกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้สูง ซึ่งมีโอกาสได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวน้อยกว่าลูกค้ากลุ่มอื่น และจะได้รับปัจจัยบวกจากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว 3.ได้รับประโยชน์จากพฤติกรรมของลูกค้าระดับลักชัวรี่ ที่นิยมตกแต่งที่อยู่อาศัยและเลือกซื้อสินค้านำเข้าแทนการไปเลือกซื้อที่ต่างประเทศ รวมถึงมีดีมานด์จากกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว และ 4.พื้นที่โชว์รูมที่จะเพิ่มขึ้นอีกกว่าเท่าตัว จาก 5,800 ตารางเมตร เป็น 12,884 ตารางเมตรภายในปี 2569 รองรับการขยายสินค้าและขยายตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ
ทั้งนี้ กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมทั้งหมดของ บมจ. ยูโร ครีเอชั่นส์ ได้สมัครใจทำข้อตกลงไม่จำหน่ายหุ้นส่วนที่เหลือจากการติด Silent Period ตามข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ฯ เพิ่มเติมในช่วงระยะเวลา 12 เดือนนับจากวันที่หุ้นของบริษัทฯ เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เป็นวันแรก เพื่อให้ความมั่นใจแก่นักลงทุน
นายเควิน กัมบีร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูโร ครีเอชั่นส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางแผนขยายธุรกิจเพื่อเพิ่มศักยภาพการเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ได้เข้าจดทะเบียนและซื้อขายหลักทรัพย์วันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ แล้ว (14 กุมภาพันธ์ 2567) โดยใช้ชื่อย่อ “EURO” ในการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของการเพิ่มศักยภาพความแข็งแกร่งด้านฐานะทางการเงินเพื่อรองรับแผนขยายธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ เป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญธุรกิจ “Luxurious & High Quality Living” ตัวแทนนำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการสำหรับสินค้าแบรนด์ชั้นนำระดับลักชัวรี่ที่หลากหลาย ครอบคลุมเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่ง อุปกรณ์ฟิตเนส และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์สำหรับห้องน้ำ โคมไฟและอุปกรณ์ควบคุมอัจฉริยะ วัสดุปูพื้น รวม 29 แบรนด์ พร้อมบริการตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบจนถึงบริการหลังการขายอย่างครบวงจรแบบวันสต็อปโซลูชั่น
บริษัทฯ จะนำเงินทุนที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) ไปใช้ก่อสร้างโชว์รูม Euro Creations 3 แห่ง ได้แก่ สาขาภูเก็ต ซึ่งคาดว่าจะเปิดบริการภายในไตรมาสแรกปี 2567 เร็วกว่าที่คาดไว้ สาขาทองหล่อ ซอย 5 ซึ่งคาดว่าจะเปิดบริการไตรมาส 2 ปี 2567 และสาขาทองหล่อ ซอย 1 ซึ่งคาดว่าจะเปิดบริการไตรมาส 4 ปี 2569 นำไปชำระเงินกู้จากสถาบันการเงินเพื่อก่อสร้างโชว์รูมใหม่และชำระเงินกู้ยืมระยะสั้นที่ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน รวมถึงเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการและการขยายธุรกิจ
ทั้งนี้ บริษัทฯ วางแผนมุ่งเน้นขยายผลิตภัณฑ์และตลาดใหม่ที่มีศักยภาพสูง ได้แก่ 1) การเจาะตลาดจากผลิตภัณฑ์ในปัจจุบัน ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อเพิ่มศักยภาพการขายและการทำตลาด รวมถึงนำเสนอบริการที่ดีที่สุดเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละราย 2) ขยายตลาดไปยังพื้นที่ใหม่ที่มีศักยภาพ เช่น ภูเก็ต ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวชั้นนำที่มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง 3) เพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเดิมได้ดียิ่งขึ้น และ 4) คัดสรรผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อขยายฐานลูกค้าระดับพรีเมียมและขยายสินค้าใหม่กลุ่มเฟอร์นิเจอร์สำนักงานตอบสนองกลุ่มลูกค้าทั่วไป (B2C) ที่ปรับรูปแบบมาทำงานที่บ้านเพิ่มขึ้น รวมถึงลูกค้าผู้ประกอบการ (B2B) เช่น ผู้พัฒนาอาคารสำนักงาน, โครงการอสังหาฯ แบบมิกซ์ยูส เป็นต้น
“เรามองว่ากลุ่มลูกค้าระดับลักชัวรี่และพรีเมียมเป็นตลาดที่มีศักยภาพและโอกาสเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากมีกำลังซื้อสูงและมีโอกาสได้รับผลกระทบจากความผันผวนทางเศรษฐกิจค่อนข้างน้อย เห็นได้จากในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ผ่านมา ผู้บริโภคกลุ่มนี้ไม่ได้ชะลอการตัดสินใจซื้อ และผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ ทางผู้ประกอบการอสังหาฯ วางแผนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจของบริษัทฯ” นายเควิน กล่าว
นายดิถดนัย สังขะรมย์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า บมจ. ยูโร ครีเอชั่นส์ เป็นผู้นำธุรกิจ Luxurious & High Quality Living ที่มีศักยภาพสูง โดยมีจุดเด่นหลากหลาย ได้แก่ 1.ความสามารถทำกำไรที่โดดเด่น โดยนับจากปี 2564 2565 และช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 มีอัตรา EBITDA 23.75% 22.71% และ 24.79% ตามลำดับ 2.จับกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้สูง ซึ่งมีโอกาสได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวน้อยกว่าลูกค้ากลุ่มอื่น และจะได้รับปัจจัยบวกจากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว 3.ได้รับประโยชน์จากพฤติกรรมของลูกค้าระดับลักชัวรี่ ที่นิยมตกแต่งที่อยู่อาศัยและเลือกซื้อสินค้านำเข้าแทนการไปเลือกซื้อที่ต่างประเทศ รวมถึงมีดีมานด์จากกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว และ 4.พื้นที่โชว์รูมที่จะเพิ่มขึ้นอีกกว่าเท่าตัว จาก 5,800 ตารางเมตร เป็น 12,884 ตารางเมตรภายในปี 2569 รองรับการขยายสินค้าและขยายตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ
ทั้งนี้ กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมทั้งหมดของ บมจ. ยูโร ครีเอชั่นส์ ได้สมัครใจทำข้อตกลงไม่จำหน่ายหุ้นส่วนที่เหลือจากการติด Silent Period ตามข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ฯ เพิ่มเติมในช่วงระยะเวลา 12 เดือนนับจากวันที่หุ้นของบริษัทฯ เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เป็นวันแรก เพื่อให้ความมั่นใจแก่นักลงทุน