จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : TEGH ปี 67 ลุ้นออลไทม์ไฮ ราคาหุ้นยังมี Upside สูง
14 กุมภาพันธ์ 2567
จับตาผลงานบมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) ปี 67 ยอดขายยางแท่งปี 67 ลุ้นออลไทม์ไฮ อานิสงส์มาตรฐาน EUDR หนุน-ออเดอร์ยุโรป จีน อินเดียพุ่ง ขณะที่ราคาหุ้นยังมี Upside ที่สูง
![รายงานพิเศษ TEGH ปี 67 ลุ้นออลไทม์ไฮ ราคาหุ้นยั.jpg](https://www.share2trade.com/storage/PressIOS/2024/February/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9%20TEGH%20%E0%B8%9B%E0%B8%B5%2067%20%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A1%E0%B9%8C%E0%B9%84%E0%B8%AE%20%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%B1.jpg)
ปี 2567 นับเป็นปีทองของบมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) จากปัจจัยสนับสนุน ราคายางพาราที่ปรับตัวสูงขึ้น ยางแท่งทำสถิติสูงสุด น้ำมันปาล์มและธุรกิจพลังงานทดแทนมีแนวโน้มที่ดี โดยนางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ TEGH รับแนวโน้มการดำเนินธุรกิจในปี 67 ยังมีทิศทางสดใส โดยเฉพาะธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแท่งมีโอกาสยอดขายทำสถิติสูงสุดใหม่ (All Time High) จากปริมาณขายที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 20% และราคายางธรรมชาติปรับตัวสูงขึ้น
TEGH มียอดการผลิตและจำหน่ายยางแท่งเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาโดยตลอด ซึ่งยอดขายช่วง 9 เดือนแรกของปี 66 ยางแท่ง 150,506 ตัน เพิ่มขึ้น 7% จากปี 65 และทั้งปี 66 มียอดขายรวมกว่า 200,000 ตัน
TEGH ยังได้รับผลดีจากกรณีที่สหภาพยุโรป บังคับใช้กฎหมาย EUDR (EU Deforestation-free Products Regulation) ซึ่งเป็นกฎหมายว่าด้วยสินค้าต้องผลิตจากแหล่งวัตถุดิบที่ไม่มีการตัดไม้ทำลายป่า ไม่อยู่ในพื้นที่อนุรักษ์ และพื้นที่ป่า และต้องมีเอกสารสิทธิการใช้ที่ดินถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงการจัดการสวนยางต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชนโดยรอบ
"ปีนี้มีโอกาสที่ยอดขายยางแท่งจะทำสถิติสูงสุดแบบ All-time High เพราะภาพรวมเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวทำให้ราคายางธรรมชาติปรับตัวสูงขึ้น ดีมานด์จากยุโรปและจีนกลับมา รวมทั้งเราได้ขยายตลาดไปยังอินเดีย ที่สำคัญ เรายังได้รับผลเชิงบวกจากการบังคับใช้กฎหมาย EUDR เพราะเรามีการเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้มานานแล้ว ลูกค้าก็ให้ความสนใจ ติดต่อเข้ามาขอเจรจาทำสัญญาซื้อขายสินค้ายางแท่งเกรด EUDR แล้ว ทั้งในโซนยุโรปและเอเซีย ซึ่งน่าจะทำให้ยอดขายยางแท่งของเรามีจำนวนเพิ่มมากขึ้น" นางสาวสินีนุช กล่าว
สำหรับธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ มีแนวโน้มที่ดีเช่นกัน เนื่องจาก TEGH ได้ปรับปรุงกระบวนการผลิต ซ่อมบำรุงเครื่องจักร ติดตั้งหม้อต้มไอน้ำ (Boiler) ลูกใหม่ ทำให้ประสิทธิภาพการผลิตดีขึ้น และจะติดตั้งหม้อนึ่งปาล์ม (Sterilizer) เพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตน้ำมันปาล์มดิบของเราเพิ่มขึ้นอีก 50% ภายในปี 69
ด้านธุรกิจพลังงานทดแทนและบริหารจัดการกากอินทรีย์ ประสบความสำเร็จจากโครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพเฟสที่ 1 เดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วเมื่อกลางปี 66 คาดว่าจะ COD เฟสที่ 2 ในปีนี้ ส่งผลให้ TEGH สามารถรับบริหารจัดการกากอินทรีย์เพิ่มขึ้นอีกวันละ 700 ตัน ผลิตก๊าซชีวภาพได้เพิ่มขึ้นวันละ 70,000 ลูกบาศก์เมตร รวมทั้งปัจจุบันเริ่มมีรายได้จากการขาย Carbon Credit เข้ามาเสริมอีกทางหนึ่งด้วย
ในปี 67 กลุ่ม TEGH ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมให้กับนักลงทุน ควบคู่กับการดูแลชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อก้าวสู่การเป็นองค์กรที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 73
ขณะที่ บล.ทรีนีตี้ คาดการณ์กําไรปี 2567 จะฟื้นตัวได้ราว 100%YoY หลังราคายางยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง (ราคายาง SICOM ล่าสุด ยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับสูงกว่า 200 Cent/Kg) โดยคาดว่าลูกค้ากลุ่มยุโรปจะกลับ มาสั่งซื้อมากขึ้น ขณะที่คาดว่าจะเห็นคำสั่งซื้อจากลูกค้าจีนเพิ่มสูงขึ้น เช่นกัน เนื่องจากในช่วงปลายปี 66 สต็อกยางของจีนลดลงค่อนข้างมาก
นอกจากนี้ในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการขายยางตามสัญญา EUDR ซึ่งจะส่งผลให้อัตรากําไรสูงขึ้นอีกด้วย ด้านธุรกิจปาล์มคาดว่า จะเริ่มกลับมามีกําไรได้บ้าง หลังมีการปรับปรุงเครื่องจักร ส่วนธุรกิจพลงังานทดแทนคาดว่าจะเห็นปริมาณขาย Biogas มากขึ้น หลังมีการทำสัญญาขายกับลูกค้ารายใหญ่ที่จะมีการส่งมอบในครึ่งปีหลัง
เรายังคงราคาเป้าหมายปี2567 ที่ 3.80 บาท อิง PER 10เท่า แม้ว่าราคาหุ้น ปัจจุบันจะฟื้นตัวมาบ้างจากช่วงปลายปีก่อน แต่ยังมีUpside ค่อนข้างสูง จึงยังคงคำแนะนํา “ซื้อ”
![รายงานพิเศษ TEGH ปี 67 ลุ้นออลไทม์ไฮ ราคาหุ้นยั.jpg](https://www.share2trade.com/storage/PressIOS/2024/February/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9%20TEGH%20%E0%B8%9B%E0%B8%B5%2067%20%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A1%E0%B9%8C%E0%B9%84%E0%B8%AE%20%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%B1.jpg)
ปี 2567 นับเป็นปีทองของบมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) จากปัจจัยสนับสนุน ราคายางพาราที่ปรับตัวสูงขึ้น ยางแท่งทำสถิติสูงสุด น้ำมันปาล์มและธุรกิจพลังงานทดแทนมีแนวโน้มที่ดี โดยนางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ TEGH รับแนวโน้มการดำเนินธุรกิจในปี 67 ยังมีทิศทางสดใส โดยเฉพาะธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแท่งมีโอกาสยอดขายทำสถิติสูงสุดใหม่ (All Time High) จากปริมาณขายที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 20% และราคายางธรรมชาติปรับตัวสูงขึ้น
TEGH มียอดการผลิตและจำหน่ายยางแท่งเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาโดยตลอด ซึ่งยอดขายช่วง 9 เดือนแรกของปี 66 ยางแท่ง 150,506 ตัน เพิ่มขึ้น 7% จากปี 65 และทั้งปี 66 มียอดขายรวมกว่า 200,000 ตัน
TEGH ยังได้รับผลดีจากกรณีที่สหภาพยุโรป บังคับใช้กฎหมาย EUDR (EU Deforestation-free Products Regulation) ซึ่งเป็นกฎหมายว่าด้วยสินค้าต้องผลิตจากแหล่งวัตถุดิบที่ไม่มีการตัดไม้ทำลายป่า ไม่อยู่ในพื้นที่อนุรักษ์ และพื้นที่ป่า และต้องมีเอกสารสิทธิการใช้ที่ดินถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงการจัดการสวนยางต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชนโดยรอบ
"ปีนี้มีโอกาสที่ยอดขายยางแท่งจะทำสถิติสูงสุดแบบ All-time High เพราะภาพรวมเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวทำให้ราคายางธรรมชาติปรับตัวสูงขึ้น ดีมานด์จากยุโรปและจีนกลับมา รวมทั้งเราได้ขยายตลาดไปยังอินเดีย ที่สำคัญ เรายังได้รับผลเชิงบวกจากการบังคับใช้กฎหมาย EUDR เพราะเรามีการเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้มานานแล้ว ลูกค้าก็ให้ความสนใจ ติดต่อเข้ามาขอเจรจาทำสัญญาซื้อขายสินค้ายางแท่งเกรด EUDR แล้ว ทั้งในโซนยุโรปและเอเซีย ซึ่งน่าจะทำให้ยอดขายยางแท่งของเรามีจำนวนเพิ่มมากขึ้น" นางสาวสินีนุช กล่าว
สำหรับธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ มีแนวโน้มที่ดีเช่นกัน เนื่องจาก TEGH ได้ปรับปรุงกระบวนการผลิต ซ่อมบำรุงเครื่องจักร ติดตั้งหม้อต้มไอน้ำ (Boiler) ลูกใหม่ ทำให้ประสิทธิภาพการผลิตดีขึ้น และจะติดตั้งหม้อนึ่งปาล์ม (Sterilizer) เพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตน้ำมันปาล์มดิบของเราเพิ่มขึ้นอีก 50% ภายในปี 69
ด้านธุรกิจพลังงานทดแทนและบริหารจัดการกากอินทรีย์ ประสบความสำเร็จจากโครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพเฟสที่ 1 เดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วเมื่อกลางปี 66 คาดว่าจะ COD เฟสที่ 2 ในปีนี้ ส่งผลให้ TEGH สามารถรับบริหารจัดการกากอินทรีย์เพิ่มขึ้นอีกวันละ 700 ตัน ผลิตก๊าซชีวภาพได้เพิ่มขึ้นวันละ 70,000 ลูกบาศก์เมตร รวมทั้งปัจจุบันเริ่มมีรายได้จากการขาย Carbon Credit เข้ามาเสริมอีกทางหนึ่งด้วย
ในปี 67 กลุ่ม TEGH ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมให้กับนักลงทุน ควบคู่กับการดูแลชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อก้าวสู่การเป็นองค์กรที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 73
ขณะที่ บล.ทรีนีตี้ คาดการณ์กําไรปี 2567 จะฟื้นตัวได้ราว 100%YoY หลังราคายางยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง (ราคายาง SICOM ล่าสุด ยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับสูงกว่า 200 Cent/Kg) โดยคาดว่าลูกค้ากลุ่มยุโรปจะกลับ มาสั่งซื้อมากขึ้น ขณะที่คาดว่าจะเห็นคำสั่งซื้อจากลูกค้าจีนเพิ่มสูงขึ้น เช่นกัน เนื่องจากในช่วงปลายปี 66 สต็อกยางของจีนลดลงค่อนข้างมาก
นอกจากนี้ในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการขายยางตามสัญญา EUDR ซึ่งจะส่งผลให้อัตรากําไรสูงขึ้นอีกด้วย ด้านธุรกิจปาล์มคาดว่า จะเริ่มกลับมามีกําไรได้บ้าง หลังมีการปรับปรุงเครื่องจักร ส่วนธุรกิจพลงังานทดแทนคาดว่าจะเห็นปริมาณขาย Biogas มากขึ้น หลังมีการทำสัญญาขายกับลูกค้ารายใหญ่ที่จะมีการส่งมอบในครึ่งปีหลัง
เรายังคงราคาเป้าหมายปี2567 ที่ 3.80 บาท อิง PER 10เท่า แม้ว่าราคาหุ้น ปัจจุบันจะฟื้นตัวมาบ้างจากช่วงปลายปีก่อน แต่ยังมีUpside ค่อนข้างสูง จึงยังคงคำแนะนํา “ซื้อ”