บริษัท กิฟท์ อินฟินิท จำกัด (มหาชน) หรือ GIFT เผยผลประกอบการปี 2566 สร้างรายได้พุ่งกว่า 806 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมา 577% เกินเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ เทิร์นอะราวนด์อย่างก้าวกระโดด โดยมีปัจจัยหลักในการเติบโต ได้แก่ การลงทุนใน บริษัท อะลอตเท็ค จำกัด ผู้นำด้านการค้าปลีกสินค้าไอทีและเทคโนโลยีผ่านช่องทางออนไลน์ พร้อมกันนี้ บอร์ดได้มีมติอนุมัติการเปลี่ยนชื่อบริษัทย่อยเป็น “GIFT Hospitality” พร้อมลุยขยายธุรกิจสู่อุตสาหกรรม Food & Beverage ตามแผนที่วางไว้ทันที ภายใต้การบริหารของ “โชติ เชษฐโชติศักดิ์” ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทฯ ที่ได้รับการแต่งตั้งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา พร้อมนำทีมผู้บริหารเร่งขยาย 3 ธุรกิจหลัก มุ่งเข้าสู่ New S-Curves และสร้างรายได้ทะยานถึงประมาณ 2,700 ล้านบาท ภายในสิ้นปีนี้
คุณโชติ เชษฐโชติศักดิ์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิฟท์ อินฟินิท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในปี 2566 ที่ผ่านมา หลังจากที่คณะผู้บริหารชุดใหม่ ภายใต้การนำของ คุณสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ เข้ามาดำเนินงานและขยายธุรกิจผ่านกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ GIFT ได้เดินหน้าสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจ Tech & Innovations กลุ่มธุรกิจ Food & Beverage และกลุ่มธุรกิจ Hospitality, Wellness & Beauty โดยได้เริ่มต้นที่การลงทุนใน บริษัท อะลอตเท็ค จำกัด ผู้นำด้านการค้าปลีกสินค้าไอทีและเทคโนโลยีอนาคตไกล ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการเติบโตที่โดดเด่นของ GIFT โดยในปีที่ผ่านมา A Lot Tech มีภาพรวมการเติบโตที่ดีมาก สืบเนื่องมาจากเครือข่ายร้านค้าออนไลน์ที่ครอบคลุมหลายเซ็กเมนต์ ช่องทางการจำหน่ายทั้งออฟไลน์และออนไลน์บนแพลตฟอร์มหลากหลาย เช่น Live Commerce บน TikTok และการครองส่วนแบ่งตลาดซิมการ์ดสูงสุดในประเทศ รวมถึงฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งกว่า 3 ล้านคนต่อเดือน และภาพรวมตลาดค้าปลีกสินค้า IoT ที่ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ด้วยความที่อยู่ในเทรนด์และเป็นธุรกิจแห่งอนาคตที่ผู้บริโภคมีความต้องการสินค้ากลุ่มนี้สูง จึงทำให้ GIFT สามารถสร้างรายได้ถึง 806 ล้านบาท เติบโตทะยานกว่า 577% เกินเป้าหมายที่วางไว้ ในขณะเดียวกันก็สร้างกำไรสุทธิ 40 ล้านบาท เติบโตกว่า 463% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว”
ปัจจุบัน นับว่าตลาดค้าปลีกสินค้าไอที และอุปกรณ์ IoT ในประเทศไทยยังมีศักยภาพในการเติบโตที่สูงมาก ทั้งยังอยู่ในความสนใจและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคดิจิทัล สะท้อนจากตัวเลขการใช้โทรศัพท์มือถือกว่า 101.2 ล้านเครื่อง คิดเป็นกว่า 141% ของจำนวนประชากรไทยทั้งหมด ด้านผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในไทยมีจำนวนกว่า 61.21 ล้านคน หรือคิดเป็น 85.3% แสดงให้เห็นถึงโอกาสในการเติบโตของตลาดค้าปลีกสินค้า IoT ซึ่งสามารถใช้ต่อยอดการเติบโตทางธุรกิจได้อีกมาก
“ในการประชุมบอร์ดครั้งนี้ยังได้อนุมัติการเปลี่ยนชื่อบริษัทย่อย Lavish Laboratory เป็น GIFT Hospitality พร้อมรองรับธุรกิจหลักที่ 2 ซึ่งได้แก่ Food & Beverage มุ่งขยายธุรกิจร้านอาหารหลากหลายประเภทที่อยู่ในกระแสความต้องการของคนรุ่นใหม่ โดยจะมีความเคลื่อนไหวเร็วๆ นี้ และจะเป็นอีกส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจของ GIFT ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่า ปี 2567 จะเป็นปีแห่งการเติบโตหลากหลายมิติ พร้อมเติมเต็มอีโคซิสเต็มให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพื่อเข้าสู่ธุรกิจใหม่ๆ ตามแผนทันที และคาดว่าจะสร้างรายได้รวมปี 2567 สูงทะลุเป้าหมายที่ 2,700 ล้านบาท” คุณโชติ เชษฐโชติศักดิ์ กล่าวสรุป
คุณโชติ เชษฐโชติศักดิ์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิฟท์ อินฟินิท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในปี 2566 ที่ผ่านมา หลังจากที่คณะผู้บริหารชุดใหม่ ภายใต้การนำของ คุณสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ เข้ามาดำเนินงานและขยายธุรกิจผ่านกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ GIFT ได้เดินหน้าสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจ Tech & Innovations กลุ่มธุรกิจ Food & Beverage และกลุ่มธุรกิจ Hospitality, Wellness & Beauty โดยได้เริ่มต้นที่การลงทุนใน บริษัท อะลอตเท็ค จำกัด ผู้นำด้านการค้าปลีกสินค้าไอทีและเทคโนโลยีอนาคตไกล ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการเติบโตที่โดดเด่นของ GIFT โดยในปีที่ผ่านมา A Lot Tech มีภาพรวมการเติบโตที่ดีมาก สืบเนื่องมาจากเครือข่ายร้านค้าออนไลน์ที่ครอบคลุมหลายเซ็กเมนต์ ช่องทางการจำหน่ายทั้งออฟไลน์และออนไลน์บนแพลตฟอร์มหลากหลาย เช่น Live Commerce บน TikTok และการครองส่วนแบ่งตลาดซิมการ์ดสูงสุดในประเทศ รวมถึงฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งกว่า 3 ล้านคนต่อเดือน และภาพรวมตลาดค้าปลีกสินค้า IoT ที่ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ด้วยความที่อยู่ในเทรนด์และเป็นธุรกิจแห่งอนาคตที่ผู้บริโภคมีความต้องการสินค้ากลุ่มนี้สูง จึงทำให้ GIFT สามารถสร้างรายได้ถึง 806 ล้านบาท เติบโตทะยานกว่า 577% เกินเป้าหมายที่วางไว้ ในขณะเดียวกันก็สร้างกำไรสุทธิ 40 ล้านบาท เติบโตกว่า 463% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว”
ปัจจุบัน นับว่าตลาดค้าปลีกสินค้าไอที และอุปกรณ์ IoT ในประเทศไทยยังมีศักยภาพในการเติบโตที่สูงมาก ทั้งยังอยู่ในความสนใจและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคดิจิทัล สะท้อนจากตัวเลขการใช้โทรศัพท์มือถือกว่า 101.2 ล้านเครื่อง คิดเป็นกว่า 141% ของจำนวนประชากรไทยทั้งหมด ด้านผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในไทยมีจำนวนกว่า 61.21 ล้านคน หรือคิดเป็น 85.3% แสดงให้เห็นถึงโอกาสในการเติบโตของตลาดค้าปลีกสินค้า IoT ซึ่งสามารถใช้ต่อยอดการเติบโตทางธุรกิจได้อีกมาก
“ในการประชุมบอร์ดครั้งนี้ยังได้อนุมัติการเปลี่ยนชื่อบริษัทย่อย Lavish Laboratory เป็น GIFT Hospitality พร้อมรองรับธุรกิจหลักที่ 2 ซึ่งได้แก่ Food & Beverage มุ่งขยายธุรกิจร้านอาหารหลากหลายประเภทที่อยู่ในกระแสความต้องการของคนรุ่นใหม่ โดยจะมีความเคลื่อนไหวเร็วๆ นี้ และจะเป็นอีกส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจของ GIFT ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่า ปี 2567 จะเป็นปีแห่งการเติบโตหลากหลายมิติ พร้อมเติมเต็มอีโคซิสเต็มให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพื่อเข้าสู่ธุรกิจใหม่ๆ ตามแผนทันที และคาดว่าจะสร้างรายได้รวมปี 2567 สูงทะลุเป้าหมายที่ 2,700 ล้านบาท” คุณโชติ เชษฐโชติศักดิ์ กล่าวสรุป