ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท แอล .พี .เอ็น .ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด มหาชน ครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ 2567 ได้มีมติดังเห็นชอบให้ดำเนินการบริษัท แอล พี พี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด (“LPP”) ซึ่งเป็นบริษัทยอยของบริษัท ดำเนินการเตรียมความพร้อมเพื่อขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพยที่ ออกใหม่ตอประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อสำนักงานกำกับหลักทรัพยและตลาดหลักทรัพย (“สำนักงาน ก.ล.ต.”) และนำ LPP เขาจดทะเบียนเปนบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยการดำเนินการดังกลาวถือเป็น การนำหุ้นในบริษัทย่อยของบริษัทจดทะเบียนเสนอขายตอประชาชนเป็นครั้งแรก
เพื่อเข้าจดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (“Spin-off”) โดยคาดว่า LPP จะแปรสภาพและยื่นขออนุญาตต่อ สำนักงาน ก.ล.ต. ภายในปี 2567 โดยแผนการ IPO ของ LPP ในครั้งนี้ จะส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของ บริษัท ใน LPP ลดลง โดย LPP จะออกและเสนอขายหุนสามัญที่ออกใหม่ภายใต้แผนการ IPO รวมจำนวนไม่เกิน 120,000,000 หุน ทั้งนี้ ภายหลังการ IPO บริษัทจะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ LPP ในสัดส่วนการ ถือหุ้นลดลงจากเดิมรอยละ 99.99 คงเหลือร้อยละ 71.43 ของทุนชำระแล้วของ LPP ดังนั้น ภายหลังการ IPO และ LPP จะยังมีสถานะเป็นบริษัทย่อยของบริษัท
เพื่อเป็นการลดผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นของบริษัท ที่อาจเกิดขึ้นจากแผน Spin-off จึงเห็นควรให้มีการ เสนอขายหุ้นสามัญที่จะออกและเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อประชาชนเฉพาะ กลุ่มที่เป็นผู้ถือหุ้นสามัญของบริษัท ให้มีสิทธิไดรับการจัดสรรหุ้นของ LPP ตามสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท (Pre-emptive Rights) ในสัดส่วนไมเกินร้อยละ 20 ของจำนวนหุ้นสามัญที่เสนอขายต่อประชาชนเป็น ครั้งแรก (IPO) โดยหากมีหุ้นสามัญที่เหลือจากการเสนอขายต่อประชาชนเฉพาะกลุ่ม ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นสามัญ ของบริษัทที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุน LPP ตามสัดส่วนการถือหุนในบริษัท (Pre-emptive Rights) ให้ LPP เสนอขายหุ้นที่เหลือต่อประชาชนต่อไป
ทั้งนี้ การเสนอขายหุ้นสามัญของ LPP ต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) และการนำ LPP เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพยแห่งประเทศไทย โดยการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ LPP รวมทั้งการเสนอขายหุ้นสามัญเดิมใน LPP ที่บริษัทถืออยู่บางส่วน จะส่งผลกระทบ (Dilution) ต่อสัดสวน การถือครองหุ้นของบริษัทใน LPP และเข้าข่ายเป็นรายการจำหนายไปซึ่งสินทรัพยของบริษัทจดทะเบียน ตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ. 20/2551 เรื่อง หลักเกณฑในการทำรายการที่มีนัยสำคัญ ที่เข้าข่ายเป็นการได้มาหรือจำหนายไปซึ่งทรัพยสิน ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2551 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) และ ประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพยแหงประเทศไทย เรื่อง การเปิดเผยขอมูลการปฏิบัติการของบริษัท จดทะเบียน ในการได้มาหรือจำหนายไปซึ่งสินทรัพย พ.ศ. 2547 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) (“ประกาศเรื่องการได้มาหรือจำหน่ายไป”) เมื่อคำนวณขนาดการลดลงของสัดส่วนการถือครองหุ้นของบริษัท ใน LPP ตามวิธีการต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ในประกาศเรื่องการได้มาหรือจำหนายไป โดยอ้างอิงจากงบการเงินรวมสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 ของบริษัทและของ LPP พบว่า ขนาดของรายการมีมูลค่าสูงสุดเมื่อคำนวณตาม เกณฑ์กำไรสุทธิจากการดำเนินงานเท่ากับรอยละ 10.31 ซึ่งจากขนาดของรายการดังกล่าว บริษัทไม่มีหน้าที่ เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับรายการการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือต้อง จัดทำสารสนเทศเพื่อส่งให้แก่ผู้ถือหุนรวมถึงขออนุมัติการเข้าทำรายการจากผู้ถือหุ้นตามรายละเอียดที่ กำหนดในประกาศเรื่องการได้มาหรือจำหน่ายไป อยางไรก็ตาม เนื่องจากแผน Spin Off ดังกล่าวเป็น ธุรกรรมที่มีความสําคัญต่อบริษัท และผู้ถือหุ้นของบริษัท และเพื่อให้เป็นไปตามหลักการกํากับดูแลกิจการที่ดี คณะกรรมการบริษัทจึงเห็นสมควรเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจําปี 2567 ของบริษัทเพื่อรับทราบต่อไป
ในการนี้ ให้คณะกรรมการบริษัท และ/หรือ คณะกรรมการบริหาร และ/หรือ บุคคลที่คณะกรรมการ บริษัทมอบหมาย รวมกับคณะกรรมการบริษัท LPP และ/หรือ บุคคลที่คณะกรรมการบริษัทของ LPP มอบหมาย พิจารณากำหนดหลักเกณฑ เงื่อนไข และรายละเอียดอื่นเกี่ยวกับการเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ของ LPP ให้กรรมการ ผู้บริหารและพนักงานของ LPN และบริษัทยอยของ LPN และมอบหมายให้คณะกรรมการบริษัท LPP และ/หรือ บุคคลที่คณะกรรมการบริษัทของ LPP พิจารณากำหนดหลักเกณฑ เงื่อนไข และรายละเอียดอื่นเกี่ยวกับการเสนอขายหุนสามัญที่ออกใหม่ของ LPP ตามแผนการ Spin-off และ ให้มีอำนาจพิจารณาและลงนามในเอกสารที่เกี่ยวของ รวมถึงกระทำการใดๆ เพื่อเป็นตัวแทนผู้รับมอบ อำนาจของบริษัท ในการดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวของ รวมถึงการออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุมผู้ถือหุ้น ของ LPP การยื่นคำขอเอกสาร หรือติดต่อกับหน่วยงานราชการต่าง ๆ หรือบุคคลที่เกี่ยวของ
ดังนั้นที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเห็นสมควรอนุมัติแผนการเสนอขายหุนสามัญของ LPP ตอประชาชนเปนครั้งแรก (IPO) และการนำหุนของ LPP เขาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย เอ็ม เอ ไอ และ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเห็นสมควรเสนอตอที่ประชุมสามัญผูถือหุนประจำป 2567 ของบริษัท เพื่อรับทราบตอไป
เพื่อเข้าจดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (“Spin-off”) โดยคาดว่า LPP จะแปรสภาพและยื่นขออนุญาตต่อ สำนักงาน ก.ล.ต. ภายในปี 2567 โดยแผนการ IPO ของ LPP ในครั้งนี้ จะส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของ บริษัท ใน LPP ลดลง โดย LPP จะออกและเสนอขายหุนสามัญที่ออกใหม่ภายใต้แผนการ IPO รวมจำนวนไม่เกิน 120,000,000 หุน ทั้งนี้ ภายหลังการ IPO บริษัทจะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ LPP ในสัดส่วนการ ถือหุ้นลดลงจากเดิมรอยละ 99.99 คงเหลือร้อยละ 71.43 ของทุนชำระแล้วของ LPP ดังนั้น ภายหลังการ IPO และ LPP จะยังมีสถานะเป็นบริษัทย่อยของบริษัท
เพื่อเป็นการลดผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นของบริษัท ที่อาจเกิดขึ้นจากแผน Spin-off จึงเห็นควรให้มีการ เสนอขายหุ้นสามัญที่จะออกและเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อประชาชนเฉพาะ กลุ่มที่เป็นผู้ถือหุ้นสามัญของบริษัท ให้มีสิทธิไดรับการจัดสรรหุ้นของ LPP ตามสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท (Pre-emptive Rights) ในสัดส่วนไมเกินร้อยละ 20 ของจำนวนหุ้นสามัญที่เสนอขายต่อประชาชนเป็น ครั้งแรก (IPO) โดยหากมีหุ้นสามัญที่เหลือจากการเสนอขายต่อประชาชนเฉพาะกลุ่ม ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นสามัญ ของบริษัทที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุน LPP ตามสัดส่วนการถือหุนในบริษัท (Pre-emptive Rights) ให้ LPP เสนอขายหุ้นที่เหลือต่อประชาชนต่อไป
ทั้งนี้ การเสนอขายหุ้นสามัญของ LPP ต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) และการนำ LPP เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพยแห่งประเทศไทย โดยการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ LPP รวมทั้งการเสนอขายหุ้นสามัญเดิมใน LPP ที่บริษัทถืออยู่บางส่วน จะส่งผลกระทบ (Dilution) ต่อสัดสวน การถือครองหุ้นของบริษัทใน LPP และเข้าข่ายเป็นรายการจำหนายไปซึ่งสินทรัพยของบริษัทจดทะเบียน ตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ. 20/2551 เรื่อง หลักเกณฑในการทำรายการที่มีนัยสำคัญ ที่เข้าข่ายเป็นการได้มาหรือจำหนายไปซึ่งทรัพยสิน ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2551 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) และ ประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพยแหงประเทศไทย เรื่อง การเปิดเผยขอมูลการปฏิบัติการของบริษัท จดทะเบียน ในการได้มาหรือจำหนายไปซึ่งสินทรัพย พ.ศ. 2547 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) (“ประกาศเรื่องการได้มาหรือจำหน่ายไป”) เมื่อคำนวณขนาดการลดลงของสัดส่วนการถือครองหุ้นของบริษัท ใน LPP ตามวิธีการต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ในประกาศเรื่องการได้มาหรือจำหนายไป โดยอ้างอิงจากงบการเงินรวมสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 ของบริษัทและของ LPP พบว่า ขนาดของรายการมีมูลค่าสูงสุดเมื่อคำนวณตาม เกณฑ์กำไรสุทธิจากการดำเนินงานเท่ากับรอยละ 10.31 ซึ่งจากขนาดของรายการดังกล่าว บริษัทไม่มีหน้าที่ เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับรายการการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือต้อง จัดทำสารสนเทศเพื่อส่งให้แก่ผู้ถือหุนรวมถึงขออนุมัติการเข้าทำรายการจากผู้ถือหุ้นตามรายละเอียดที่ กำหนดในประกาศเรื่องการได้มาหรือจำหน่ายไป อยางไรก็ตาม เนื่องจากแผน Spin Off ดังกล่าวเป็น ธุรกรรมที่มีความสําคัญต่อบริษัท และผู้ถือหุ้นของบริษัท และเพื่อให้เป็นไปตามหลักการกํากับดูแลกิจการที่ดี คณะกรรมการบริษัทจึงเห็นสมควรเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจําปี 2567 ของบริษัทเพื่อรับทราบต่อไป
ในการนี้ ให้คณะกรรมการบริษัท และ/หรือ คณะกรรมการบริหาร และ/หรือ บุคคลที่คณะกรรมการ บริษัทมอบหมาย รวมกับคณะกรรมการบริษัท LPP และ/หรือ บุคคลที่คณะกรรมการบริษัทของ LPP มอบหมาย พิจารณากำหนดหลักเกณฑ เงื่อนไข และรายละเอียดอื่นเกี่ยวกับการเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ของ LPP ให้กรรมการ ผู้บริหารและพนักงานของ LPN และบริษัทยอยของ LPN และมอบหมายให้คณะกรรมการบริษัท LPP และ/หรือ บุคคลที่คณะกรรมการบริษัทของ LPP พิจารณากำหนดหลักเกณฑ เงื่อนไข และรายละเอียดอื่นเกี่ยวกับการเสนอขายหุนสามัญที่ออกใหม่ของ LPP ตามแผนการ Spin-off และ ให้มีอำนาจพิจารณาและลงนามในเอกสารที่เกี่ยวของ รวมถึงกระทำการใดๆ เพื่อเป็นตัวแทนผู้รับมอบ อำนาจของบริษัท ในการดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวของ รวมถึงการออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุมผู้ถือหุ้น ของ LPP การยื่นคำขอเอกสาร หรือติดต่อกับหน่วยงานราชการต่าง ๆ หรือบุคคลที่เกี่ยวของ
ดังนั้นที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเห็นสมควรอนุมัติแผนการเสนอขายหุนสามัญของ LPP ตอประชาชนเปนครั้งแรก (IPO) และการนำหุนของ LPP เขาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย เอ็ม เอ ไอ และ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเห็นสมควรเสนอตอที่ประชุมสามัญผูถือหุนประจำป 2567 ของบริษัท เพื่อรับทราบตอไป