Gossip Station by..เจ๊จิ๋ม 19-02-24
19-02-24 สวัสดีพี่น้องชาวไทย "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยเวลา 7.30 น.มีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ
***ศุกร์ที่ผ่านมา ดาวโจนส์ปิดที่ 38,627.99 จุด ลดลง 145.13 จุด หรือ -0.37%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,005.57 จุด ลดลง 24.16 จุด หรือ -0.48% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,775.65 จุด ลดลง 130.52 จุด หรือ -0.82%
***รายงานข่าวระบุว่า ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ (16 ก.พ.) และดัชนี Nasdaq ร่วงลงมากที่สุดหลังการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่สูงเกินคาด ได้ลดความหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเร็วๆ นี้
***ทั้งนี้กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนี PPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ประจำเดือนม.ค.ในวันศุกร์ โดยระบุว่า ดัชนี PPI ทั่วไป (Headline PPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 0.9% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.6% จากระดับ 1.0% ในเดือนธ.ค. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PPI ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.1% หลังจากปรับตัวลง 0.1% ในเดือนธ.ค.
ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.0% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.6% จากระดับ 1.7% ในเดือนธ.ค. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนม.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.1% หลังจากปรับตัวลง 0.1% ในเดือนธ.ค.
***ส่วนตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ กูรูหุ้นประเมินสัญญาณทางเทคนิค โดยให้แนวรับที่ 1,370 และ 1,355 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,400 และ 1,410 จุด สำหรับปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/66 ของไทย และทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ บันทึกการประชุมเฟด ยอดขายบ้านมือสองเดือนม.ค. ดัชนี PMI เดือนก.พ. (เบื้องต้น) รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI เดือนก.พ. (เบื้องต้น) ของญี่ปุ่น ยูโรโซน อังกฤษ ดัชนีราคาผูบริโภคเดือนม.ค. (เบื้องต้น) ของยูโรโซน ตลอดจนการกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR เดือนก.พ. ของจีน
***"ทักษิณ" กลับถึงบ้านแล้วนะ!!! เมื่อวาน “อุ๊งอิ๊งค์” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์ภาพในอินสตาแกรมส่วนตัว “ingshin21” พร้อมข้อความว่า “หลังไม่ได้เจออากาศและแดดข้างนอกมา 180 วัน และไม่ได้กลับบ้านหลังนี้มา 17 ปี...พ่อก็ออกนั่งข้างนอกแบบนี้ นั่งอยู่สักพักเลย #finallyhome” พร้อมอิโมจิรูปหัวใจสีแดง
***จับตาดูกันต่อไปค่ะ..เจ๊ว่าคงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างเกิดขึ้นในอนาคต แต่จะเป็นไปในทิศทางใด..มิอาจรู้ได้ แต่ภาวนาให้มีแต่เรื่องดีๆ เกิดขึ้น โดยเฉพาะเศรษฐกิจของประเทศและตลาดหุ้นไทยเรา ฟื้นตัวซักทีเถ๊อะ!!!!
***2 สัปดาห์สุดท้ายของเดือน ก.พ.นี้ ตลาดหุ้นเข้าสู่ช่วงการรายงานงบการเงินอย่างเต็มที่ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาส่วนใหญ่รายงานออกมาแล้ว มีจำนวนหุ้นที่กำไรต่ำคาดถึง 7 ใน 10 ส่วน และวันจันทร์นี้จะมีการรายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 4/66 กูรูหุ้นระบุว่าอาจเป็นจุดเริ่มต้นของ Technical Recession ได้ ดังนั้นเพื่อลดความเสี่ยงกับความผันผวนช่วงสั้นสำหรับนักลงทุนสายเก็งกำไรแนะนำหลีกเลี่ยงหุ้นที่ยังไม่ได้ประกาศงบในช่วงนี้ออกไปก่อน ทราบแล้วเปลี่ยนนนนนนน
***ปิดท้ายจากประเด็นของ บล. เอเซีย พลัส ที่เจ๊เห็นว่าน่าสนใจมากคือ จากราคาหุ้นที่ผันผวน ส่งผลให้หุ้นใน SET50 และ SET100 เริ่มมีการสลับตำแหน่งกัน โดยล่าสุด หุ้นใน SET100 ที่ Market Cap ใหญ่ขึ้นกว่าหุ้นใน SET50 เด่นๆ คือ TIDLOR, ITC จึงมีโอกาสเข้า SET50ในรอบหน้าได้ (ครึ่งหลังปี 2567) ส่วนหุ้นที่มีโอกาสหลุดจาก SET50 คือ KCE, COM7
***อย่างไรก็ดี ITC น่าจะเป็นเต็ง 1 ที่จะเข้า SET50 ได้ในตอนนี้ เพราะ TIDLOR อาจมีการจ่ายหุ้นปันผลในระยะถัดไป (หมายเหตุ: ตลาด
หลักทรัพย์จะใช้ข้อมูล Market Cap เฉลี่ย มี.ค. – พ.ค. 67 ในการจัดลำดับ SET50 รอบ 2H67)
***กลยุทธ์แนะนำเก็งกำไรหุ้น ITC ประกาศงบ 4Q66 ออกมาแล้ว คาดหวังกำไร 1Q67 ดีขึ้น และยังมีโอกาสเลื่อนชั้นจาก SET100 มาเป็น SET50 ในรอบถัดไป
19-02-24 สวัสดีพี่น้องชาวไทย "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยเวลา 7.30 น.มีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ
***ศุกร์ที่ผ่านมา ดาวโจนส์ปิดที่ 38,627.99 จุด ลดลง 145.13 จุด หรือ -0.37%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,005.57 จุด ลดลง 24.16 จุด หรือ -0.48% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,775.65 จุด ลดลง 130.52 จุด หรือ -0.82%
***รายงานข่าวระบุว่า ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ (16 ก.พ.) และดัชนี Nasdaq ร่วงลงมากที่สุดหลังการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่สูงเกินคาด ได้ลดความหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเร็วๆ นี้
***ทั้งนี้กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนี PPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ประจำเดือนม.ค.ในวันศุกร์ โดยระบุว่า ดัชนี PPI ทั่วไป (Headline PPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 0.9% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.6% จากระดับ 1.0% ในเดือนธ.ค. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PPI ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.1% หลังจากปรับตัวลง 0.1% ในเดือนธ.ค.
ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.0% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.6% จากระดับ 1.7% ในเดือนธ.ค. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนม.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.1% หลังจากปรับตัวลง 0.1% ในเดือนธ.ค.
***ส่วนตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ กูรูหุ้นประเมินสัญญาณทางเทคนิค โดยให้แนวรับที่ 1,370 และ 1,355 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,400 และ 1,410 จุด สำหรับปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/66 ของไทย และทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ บันทึกการประชุมเฟด ยอดขายบ้านมือสองเดือนม.ค. ดัชนี PMI เดือนก.พ. (เบื้องต้น) รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI เดือนก.พ. (เบื้องต้น) ของญี่ปุ่น ยูโรโซน อังกฤษ ดัชนีราคาผูบริโภคเดือนม.ค. (เบื้องต้น) ของยูโรโซน ตลอดจนการกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR เดือนก.พ. ของจีน
***"ทักษิณ" กลับถึงบ้านแล้วนะ!!! เมื่อวาน “อุ๊งอิ๊งค์” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์ภาพในอินสตาแกรมส่วนตัว “ingshin21” พร้อมข้อความว่า “หลังไม่ได้เจออากาศและแดดข้างนอกมา 180 วัน และไม่ได้กลับบ้านหลังนี้มา 17 ปี...พ่อก็ออกนั่งข้างนอกแบบนี้ นั่งอยู่สักพักเลย #finallyhome” พร้อมอิโมจิรูปหัวใจสีแดง
***จับตาดูกันต่อไปค่ะ..เจ๊ว่าคงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างเกิดขึ้นในอนาคต แต่จะเป็นไปในทิศทางใด..มิอาจรู้ได้ แต่ภาวนาให้มีแต่เรื่องดีๆ เกิดขึ้น โดยเฉพาะเศรษฐกิจของประเทศและตลาดหุ้นไทยเรา ฟื้นตัวซักทีเถ๊อะ!!!!
***2 สัปดาห์สุดท้ายของเดือน ก.พ.นี้ ตลาดหุ้นเข้าสู่ช่วงการรายงานงบการเงินอย่างเต็มที่ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาส่วนใหญ่รายงานออกมาแล้ว มีจำนวนหุ้นที่กำไรต่ำคาดถึง 7 ใน 10 ส่วน และวันจันทร์นี้จะมีการรายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 4/66 กูรูหุ้นระบุว่าอาจเป็นจุดเริ่มต้นของ Technical Recession ได้ ดังนั้นเพื่อลดความเสี่ยงกับความผันผวนช่วงสั้นสำหรับนักลงทุนสายเก็งกำไรแนะนำหลีกเลี่ยงหุ้นที่ยังไม่ได้ประกาศงบในช่วงนี้ออกไปก่อน ทราบแล้วเปลี่ยนนนนนนน
***ปิดท้ายจากประเด็นของ บล. เอเซีย พลัส ที่เจ๊เห็นว่าน่าสนใจมากคือ จากราคาหุ้นที่ผันผวน ส่งผลให้หุ้นใน SET50 และ SET100 เริ่มมีการสลับตำแหน่งกัน โดยล่าสุด หุ้นใน SET100 ที่ Market Cap ใหญ่ขึ้นกว่าหุ้นใน SET50 เด่นๆ คือ TIDLOR, ITC จึงมีโอกาสเข้า SET50ในรอบหน้าได้ (ครึ่งหลังปี 2567) ส่วนหุ้นที่มีโอกาสหลุดจาก SET50 คือ KCE, COM7
***อย่างไรก็ดี ITC น่าจะเป็นเต็ง 1 ที่จะเข้า SET50 ได้ในตอนนี้ เพราะ TIDLOR อาจมีการจ่ายหุ้นปันผลในระยะถัดไป (หมายเหตุ: ตลาด
หลักทรัพย์จะใช้ข้อมูล Market Cap เฉลี่ย มี.ค. – พ.ค. 67 ในการจัดลำดับ SET50 รอบ 2H67)
***กลยุทธ์แนะนำเก็งกำไรหุ้น ITC ประกาศงบ 4Q66 ออกมาแล้ว คาดหวังกำไร 1Q67 ดีขึ้น และยังมีโอกาสเลื่อนชั้นจาก SET100 มาเป็น SET50 ในรอบถัดไป