Wealth Sharing
WICE ปิดงบปี 65 กำไรสุทธิ 554 ลบ. บอร์ดเคาะจ่ายปันผลหุ้นละ 0.44 บ.
22 กุมภาพันธ์ 2566
บมจ. ไวส์ โลจิสติกส์ หรือ WICE ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศแบบครบวงจร ประกาศผลดำเนินงานในปี 65 มีกำไรสุทธิ 554 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.4% จากปริมาณการขนส่งเติบโตกว่า 10% และความสามารถบริหารจัดการต้นทุนค่าขนส่งร่วมกับบริษัทในเครือ พร้อมทั้งรักษาอัตรากำไรสุทธิ 7.76% ฟากบอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.44 บาทต่อหุ้น เตรียมขึ้น XD วันที่ 8 มีนาคม 2566 นี้
นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศแบบครบวงจร เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 554 ล้านบาท เติบโต 3.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 535.53 ล้านบาท พร้อมทั้งสามารถรักษาอัตรากำไรสุทธิได้ไม่ต่ำกว่า 7.76% โดยบริษัทฯ สามารถบริหารเพิ่มอัตรากำไรสุทธิจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ ด้วยกลยุทธ์ในการเพิ่มศักยภาพบริหารต้นทุนค่าขนส่งร่วมกับบริษัทในเครือพร้อมทั้งรักษาอัตรากำไร ซึ่งจะดำเนินกลยุทธ์ดังกล่าวต่อเนื่องในปีนี้ด้วยเช่นกัน
ขณะที่รายได้รวมในปี 2565 ทำได้ 7,137 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 7,671 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลกระทบจากค่าระวางเรือที่ลดลงอย่างมากในช่วงครึ่งปีหลังปี 2565 อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ สามารถเพิ่มปริมาณงานขนส่งและบริการที่เกี่ยวเนื่องแก่ลูกค้ากว่า 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีดีมานด์การขนส่งที่เพิ่มจากการขนส่งทางทะเล (Sea Freight) อีกทั้งได้รับผลดีจากการที่จีนเปิดประเทศ ทำให้บริษัทฯ สามารถขนส่งสินค้าผ่านด่านชายแดนได้เป็นปกติ นอกจากนี้ WICE ได้เพิ่มบริการขนส่งสินค้าไปยังประเทศกลุ่มลูกค้าหลักๆ รวมถึงมีการขยายเส้นทางให้ครอบคลุมทั่วภูมิภาคอีกด้วย
“ปัญหาเรื่องค่าระวางเรือที่ลดลงไปเมื่อกลางปีก่อนเราเชื่อว่าคงไม่ลดลงเยอะกว่านี้ ประเมินว่าน่าจะถึงจุดที่ต่ำที่สุดไปแล้ว หลังจากนี้คาดว่าค่าระวางเรือจะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 2 ของปี 66 ถือว่าเป็นไปตามภาพรวมอุตสาหกรรมที่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า อย่างไรก็ตาม ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 65 ถือว่ายังเติบโตได้ดี ประกอบกับการที่บริษัทฯ มีการบริหารต้นทุนค่าขนส่งร่วมกับบริษัทในเครือให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทำให้ยังคงสามารถรักษาอัตราการทำกำไรให้อยู่ในเป้าหมายที่ตั้งไว้” นายชูเดช กล่าว
พร้อมกันนี้ เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ให้ความไว้วางใจ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานในปี 2565 เป็นเงินสดในอัตรา 0.44 บาทต่อหุ้น โดยจะกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าร่วมประชุม (Record date) วันที่ 9 มีนาคม 2566 พร้อมกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 8 มีนาคม 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 15 พฤษภาคม 2566 นี้
นายชูเดช กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับความร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัท เอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซ จำกัด เมื่อปลายปีที่ผ่านมาเพื่อทำตลาดออนไลน์ในรูปแบบอีดิสทริบิวเตอร์ โดยใช้เทคโนโลยี และดิจิทัลมาร์เกตติ้งในการบริหารการขายสินค้า ปัจจุบันอยู่ระหว่างการนำเสนอบริการใหม่แก่ลูกค้า และยังให้บริการขนส่งสินค้าจากประเทศต้นทางไปยังกลุ่มลูกค้าในประเทศ รวมถึงมีการจัดการคลังสินค้าแบบพร้อมส่ง (Fulfillment Center) คาดว่าในปีนี้จะเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้บริษัทฯ ราว 100 ล้านบาท โดยจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/2566 เป็นต้นไป ทั้งนี้ นอกจากเป็นการเพิ่มปริมาณงานให้บริษัทฯแล้ว ยังเป็นการขยายฐานลูกค้าเดิมไปยังกลุ่ม B2B2C (Business-to-Business-to-Customer) ในอนาคตอีกด้วย
ขณะที่ความคืบหน้าความร่วมมือทางธุรกิจ หลังจากที่ลงนาม MOU กับบริษัท สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SAT ล่าสุด บริษัทฯ ได้เริ่มเข้าไปปรับปรุงและพัฒนาที่ดินของกลุ่มสมบูรณ์ฯ บริเวณโรงงานย่านถนนบางนา-ตราด กม.15 จังหวัดสมุทรปราการ นับเป็นโครงการนำร่องในการบริหารจัดการด้าน Green Logistics Hub โดยจะพัฒนาเป็นคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าที่ทันสมัยในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่อยอดสู่การพัฒนาในจังหวัดระยองต่อไป ซึ่งจะใช้ศักยภาพของทั้งสองฝ่ายมาบริหารจัดการร่วมกัน ทั้งนี้เพื่อการขยายธุรกิจคลังสินค้าและการให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจร
นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศแบบครบวงจร เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 554 ล้านบาท เติบโต 3.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 535.53 ล้านบาท พร้อมทั้งสามารถรักษาอัตรากำไรสุทธิได้ไม่ต่ำกว่า 7.76% โดยบริษัทฯ สามารถบริหารเพิ่มอัตรากำไรสุทธิจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ ด้วยกลยุทธ์ในการเพิ่มศักยภาพบริหารต้นทุนค่าขนส่งร่วมกับบริษัทในเครือพร้อมทั้งรักษาอัตรากำไร ซึ่งจะดำเนินกลยุทธ์ดังกล่าวต่อเนื่องในปีนี้ด้วยเช่นกัน
ขณะที่รายได้รวมในปี 2565 ทำได้ 7,137 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 7,671 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลกระทบจากค่าระวางเรือที่ลดลงอย่างมากในช่วงครึ่งปีหลังปี 2565 อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ สามารถเพิ่มปริมาณงานขนส่งและบริการที่เกี่ยวเนื่องแก่ลูกค้ากว่า 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีดีมานด์การขนส่งที่เพิ่มจากการขนส่งทางทะเล (Sea Freight) อีกทั้งได้รับผลดีจากการที่จีนเปิดประเทศ ทำให้บริษัทฯ สามารถขนส่งสินค้าผ่านด่านชายแดนได้เป็นปกติ นอกจากนี้ WICE ได้เพิ่มบริการขนส่งสินค้าไปยังประเทศกลุ่มลูกค้าหลักๆ รวมถึงมีการขยายเส้นทางให้ครอบคลุมทั่วภูมิภาคอีกด้วย
“ปัญหาเรื่องค่าระวางเรือที่ลดลงไปเมื่อกลางปีก่อนเราเชื่อว่าคงไม่ลดลงเยอะกว่านี้ ประเมินว่าน่าจะถึงจุดที่ต่ำที่สุดไปแล้ว หลังจากนี้คาดว่าค่าระวางเรือจะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 2 ของปี 66 ถือว่าเป็นไปตามภาพรวมอุตสาหกรรมที่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า อย่างไรก็ตาม ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 65 ถือว่ายังเติบโตได้ดี ประกอบกับการที่บริษัทฯ มีการบริหารต้นทุนค่าขนส่งร่วมกับบริษัทในเครือให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทำให้ยังคงสามารถรักษาอัตราการทำกำไรให้อยู่ในเป้าหมายที่ตั้งไว้” นายชูเดช กล่าว
พร้อมกันนี้ เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ให้ความไว้วางใจ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานในปี 2565 เป็นเงินสดในอัตรา 0.44 บาทต่อหุ้น โดยจะกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าร่วมประชุม (Record date) วันที่ 9 มีนาคม 2566 พร้อมกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 8 มีนาคม 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 15 พฤษภาคม 2566 นี้
นายชูเดช กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับความร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัท เอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซ จำกัด เมื่อปลายปีที่ผ่านมาเพื่อทำตลาดออนไลน์ในรูปแบบอีดิสทริบิวเตอร์ โดยใช้เทคโนโลยี และดิจิทัลมาร์เกตติ้งในการบริหารการขายสินค้า ปัจจุบันอยู่ระหว่างการนำเสนอบริการใหม่แก่ลูกค้า และยังให้บริการขนส่งสินค้าจากประเทศต้นทางไปยังกลุ่มลูกค้าในประเทศ รวมถึงมีการจัดการคลังสินค้าแบบพร้อมส่ง (Fulfillment Center) คาดว่าในปีนี้จะเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้บริษัทฯ ราว 100 ล้านบาท โดยจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/2566 เป็นต้นไป ทั้งนี้ นอกจากเป็นการเพิ่มปริมาณงานให้บริษัทฯแล้ว ยังเป็นการขยายฐานลูกค้าเดิมไปยังกลุ่ม B2B2C (Business-to-Business-to-Customer) ในอนาคตอีกด้วย
ขณะที่ความคืบหน้าความร่วมมือทางธุรกิจ หลังจากที่ลงนาม MOU กับบริษัท สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SAT ล่าสุด บริษัทฯ ได้เริ่มเข้าไปปรับปรุงและพัฒนาที่ดินของกลุ่มสมบูรณ์ฯ บริเวณโรงงานย่านถนนบางนา-ตราด กม.15 จังหวัดสมุทรปราการ นับเป็นโครงการนำร่องในการบริหารจัดการด้าน Green Logistics Hub โดยจะพัฒนาเป็นคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าที่ทันสมัยในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่อยอดสู่การพัฒนาในจังหวัดระยองต่อไป ซึ่งจะใช้ศักยภาพของทั้งสองฝ่ายมาบริหารจัดการร่วมกัน ทั้งนี้เพื่อการขยายธุรกิจคลังสินค้าและการให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจร