บมจ. เอ็นแอล ดีเวลลอปเมนต์ (NL) ผู้ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้าง พร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 20 ก.พ. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,300 ล้านบาท ลุ้นสร้างความประทับเหนือราคาจองที่ 2.60 บาท บทวิเคราะห์ บล.เอสบีไอ ไทย ออนไลน์คาดกำไรปี 66 โตแรง 165 % และปีนี้ยังโตต่ออีก ด้านโบรกฯ ชี้ราคาพื้นฐานไกลถึง 5.90-7.50 บาท ในขณะที่กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมร่วมกัน Lock up หุ้นเดิมทั้งหมด 100% เป็นเวลา 2 เดือน
![TOT แนวนอน ตลท.ต้อนรับ NL เทรด 20 ก.พ_0.jpg](https://www.share2trade.com/storage/News%20Today/2024/190224/TOT%20%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%99%20%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%97.%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%20NL%20%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%94%2020%20%E0%B8%81.%E0%B8%9E_0.jpg)
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ. เอ็นแอล ดีเวลลอปเมนต์ เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดธุรกิจบริการรับเหมาก่อสร้าง โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “NL” ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567
NL ประกอบธุรกิจให้บริการรับเหมาก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งให้บริการคลอบคลุมอย่างครบวงจรตั้งแต่ขั้นตอนสำรวจ ออกแบบ และก่อสร้างงานอาคาร ในฐานะผู้รับเหมาหลัก โดยมีศักยภาพในการรับงานได้จากทั้งภาครัฐและเอกชน มีความเชี่ยวชาญในการก่อสร้างอาคารที่มีโครงสร้างพิเศษและมาตรฐานเฉพาะทาง โดยเฉพาะอาคารสถานพยาบาล โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้ส่วนใหญ่จากลูกค้าภาครัฐ จากงานประเภทสถานพยาบาล นอกจากนี้เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัท จึงจัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อดำเนินธุรกิจด้านแรงงาน รวมถึงมีโรงงานตัดและดัดเหล็กเส้นเพื่อบริหารการใช้เหล็กเส้นอย่างมีประสิทธิภาพ และโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้รองรับความต้องการของลูกค้าในงานตกแต่งภายในอาคาร ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 บริษัทมีงานที่ยังไม่ได้ส่งมอบ 10 โครงการ คิดเป็นมูลค่าที่ยังไม่รับรู้รายได้ 2,107 ล้านบาท
NL มีจำนวนหุ้นที่ออกและชาระแล้วหลัง IPO 500,000,000 หุ้น ประกอบด้วย หุ้นสามัญเดิม 370,000,000 หุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 130,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท รวมทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลัง IPO 500,000,000 บาท โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรกระหว่างวันที่ 12-14 กุมภาพันธ์ 2567 ในราคาหุ้นละ 2.60 บาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,300 ล้านบาท ทั้งนี้ ราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) เท่ากับ 8.44 เท่า โดยคำนวณจากผลประกอบการของบริษัทในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 ถึงไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 ซึ่งเท่ากับ 154.10 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเสนอขาย IPO โดยมี บริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ
นายศรันย์ โรจน์เลิศจรรยา กรรมการผู้จัดการ บมจ. เอ็นแอล ดีเวลลอปเมนต์ (NL) เปิดเผยว่า NL ดำเนินธุรกิจให้บริการรับเหมาก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างอย่างครบวงจร โดยมีประสบการณ์และผลงานเป็นที่ประจักษ์มาแล้วกว่า 43 ปี บริษัทมีทีมงานผู้บริหารและทีมวิศวกรซึ่งมีความชำนาญ ทำหน้าที่ควบคุมและตรวจสอบการปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิดเพื่อให้การก่อสร้างเป็นไปด้วยความถูกต้อง มีคุณภาพ และสามารถส่งมอบงานบริการที่มีคุณภาพที่ดีที่สุด ที่ผ่านมาบริษัทได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าภาครัฐบาลและภาคเอกชน ให้เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างในโครงการต่างๆ ทั้งนี้บริษัทมีแผนจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ในครั้งนี้ เพื่อซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์สำหรับดำเนินธุรกิจ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัทเพื่อรองรับงานก่อสร้างที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคต
NL มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท ภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองต่าง ๆ ทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัททั้งนี้ บริษัทอาจพิจารณาจ่ายเงินปันผลโดยคำนึงถึงปัจจัยอื่น ๆ เช่น ผลประกอบการ สภาพคล่องทางการเงิน กระแสเงินสด และแผนการขยายกิจการในอนาคต เพื่อผลประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้น
ทั้งนี้ภายหลังการเสนอขาย IPO NL จะมีผู้ถือหุ้นใหญ่คือกลุ่มของครอบครัวโรจน์เลิศจรรยา ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ก่อตั้งบริษัทถือหุ้นรวม 73.62% แบ่งเป็นการถือหุ้นผ่านบริษัท อาร์แอล จรรยา กรุ๊ป อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 30% และการถือหุ้น
รายบุคลรวม 43.62%
ขณะที่ กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของ NL ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ก่อตั้ง มีความมั่นใจในการเติบโต พร้อมใจร่วมกัน Lock up หุ้นเดิมทั้งหมด 100% เป็นระยะเวลา 2 เดือน
ด้านบทวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ ระบุว่า มอง NL เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่มีจุดเด่นในงานก่อสร้างประเภทที่มีความซับซ้อนสูง ตัวอย่างเช่น งานโครงการก่อสร้างสถานพยาบาล คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช,กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลราชวิถี,โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และ มูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารในพระสังฆราชูปถัมภ์ เป็นต้น ด้วยประสบการณ์ของทีมผู้บริหารกว่า 40 ปีในอุตสาหกรรม รวมถึงการบริหารจัดการควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านเทคโนโลยี BIM (Building Information Modeling) ซึ่งใช้ในการถอดแบบโครงสร้าง ออกแบบอาคาร 3 มิติ และ การมีโรงงานตัด ดัดเหล็กเส้น และ โรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ ใน จังหวัด นครปฐม เป็นของตนเอง ช่วยบริหารการใช้เหล็กเส้นอย่างเหมาะสมและช่วยลดความสูญเสียจากการตัดเหล็ก
พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 66 เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น 165.1% YoY อยู่ที่ 153 ล้านบาท ผลจากกลับมาเปิดประมูลโครงการงานก่อสร้าง ทั้งภาครัฐและเอกชน ได้ตามปกติหลังสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย และ คาดก าไรสุทธิ ปี 67 จะเติบโต 9.0% YoY อยู่ที่ 167 ล้านบาท หนุนด้วยการเข้าร่วมประมูลงานโครงการก่อสร้างที่มีความซับซ้อน(สถานพยาบาล)ซึ่งบริษัทมีความเชี่ยวชาญ
สอดคล้องกับ บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) (ปัจจุบัน "ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย)" เพิ่งเปลี่ยนชื่อเป็น "ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย)") คาดว่า NL จะมีการเติบโตเฉลี่ย CAGR ของ EPS สำหรับปีFY65-68 ที่สูงกว่าที่ 38.1% (เทียบค่าเฉลี่ยของคู่แข่งที่ 30.3%) จากการเข้าประมูลโครงการที่สูงขึ้น รวมถึงมีการบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพหนุนอัตรากำไรสุทธิและการเติบโตระยะยาว
รวบรวมราคาเป้าหมายพื้นฐานจาก 3 บริษัทหลักทรัพย์ดังนี้
BYD 7.50 บาท
SBITO 6.00 บาท
CGSI 5.90 บาท
![TOT แนวนอน ตลท.ต้อนรับ NL เทรด 20 ก.พ_0.jpg](https://www.share2trade.com/storage/News%20Today/2024/190224/TOT%20%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%99%20%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%97.%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%20NL%20%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%94%2020%20%E0%B8%81.%E0%B8%9E_0.jpg)
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ. เอ็นแอล ดีเวลลอปเมนต์ เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดธุรกิจบริการรับเหมาก่อสร้าง โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “NL” ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567
NL ประกอบธุรกิจให้บริการรับเหมาก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งให้บริการคลอบคลุมอย่างครบวงจรตั้งแต่ขั้นตอนสำรวจ ออกแบบ และก่อสร้างงานอาคาร ในฐานะผู้รับเหมาหลัก โดยมีศักยภาพในการรับงานได้จากทั้งภาครัฐและเอกชน มีความเชี่ยวชาญในการก่อสร้างอาคารที่มีโครงสร้างพิเศษและมาตรฐานเฉพาะทาง โดยเฉพาะอาคารสถานพยาบาล โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้ส่วนใหญ่จากลูกค้าภาครัฐ จากงานประเภทสถานพยาบาล นอกจากนี้เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัท จึงจัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อดำเนินธุรกิจด้านแรงงาน รวมถึงมีโรงงานตัดและดัดเหล็กเส้นเพื่อบริหารการใช้เหล็กเส้นอย่างมีประสิทธิภาพ และโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้รองรับความต้องการของลูกค้าในงานตกแต่งภายในอาคาร ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 บริษัทมีงานที่ยังไม่ได้ส่งมอบ 10 โครงการ คิดเป็นมูลค่าที่ยังไม่รับรู้รายได้ 2,107 ล้านบาท
NL มีจำนวนหุ้นที่ออกและชาระแล้วหลัง IPO 500,000,000 หุ้น ประกอบด้วย หุ้นสามัญเดิม 370,000,000 หุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 130,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท รวมทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลัง IPO 500,000,000 บาท โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรกระหว่างวันที่ 12-14 กุมภาพันธ์ 2567 ในราคาหุ้นละ 2.60 บาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,300 ล้านบาท ทั้งนี้ ราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) เท่ากับ 8.44 เท่า โดยคำนวณจากผลประกอบการของบริษัทในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 ถึงไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 ซึ่งเท่ากับ 154.10 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเสนอขาย IPO โดยมี บริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ
นายศรันย์ โรจน์เลิศจรรยา กรรมการผู้จัดการ บมจ. เอ็นแอล ดีเวลลอปเมนต์ (NL) เปิดเผยว่า NL ดำเนินธุรกิจให้บริการรับเหมาก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างอย่างครบวงจร โดยมีประสบการณ์และผลงานเป็นที่ประจักษ์มาแล้วกว่า 43 ปี บริษัทมีทีมงานผู้บริหารและทีมวิศวกรซึ่งมีความชำนาญ ทำหน้าที่ควบคุมและตรวจสอบการปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิดเพื่อให้การก่อสร้างเป็นไปด้วยความถูกต้อง มีคุณภาพ และสามารถส่งมอบงานบริการที่มีคุณภาพที่ดีที่สุด ที่ผ่านมาบริษัทได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าภาครัฐบาลและภาคเอกชน ให้เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างในโครงการต่างๆ ทั้งนี้บริษัทมีแผนจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ในครั้งนี้ เพื่อซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์สำหรับดำเนินธุรกิจ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัทเพื่อรองรับงานก่อสร้างที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคต
NL มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท ภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองต่าง ๆ ทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัททั้งนี้ บริษัทอาจพิจารณาจ่ายเงินปันผลโดยคำนึงถึงปัจจัยอื่น ๆ เช่น ผลประกอบการ สภาพคล่องทางการเงิน กระแสเงินสด และแผนการขยายกิจการในอนาคต เพื่อผลประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้น
ทั้งนี้ภายหลังการเสนอขาย IPO NL จะมีผู้ถือหุ้นใหญ่คือกลุ่มของครอบครัวโรจน์เลิศจรรยา ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ก่อตั้งบริษัทถือหุ้นรวม 73.62% แบ่งเป็นการถือหุ้นผ่านบริษัท อาร์แอล จรรยา กรุ๊ป อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 30% และการถือหุ้น
รายบุคลรวม 43.62%
ขณะที่ กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของ NL ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ก่อตั้ง มีความมั่นใจในการเติบโต พร้อมใจร่วมกัน Lock up หุ้นเดิมทั้งหมด 100% เป็นระยะเวลา 2 เดือน
ด้านบทวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ ระบุว่า มอง NL เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่มีจุดเด่นในงานก่อสร้างประเภทที่มีความซับซ้อนสูง ตัวอย่างเช่น งานโครงการก่อสร้างสถานพยาบาล คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช,กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลราชวิถี,โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และ มูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารในพระสังฆราชูปถัมภ์ เป็นต้น ด้วยประสบการณ์ของทีมผู้บริหารกว่า 40 ปีในอุตสาหกรรม รวมถึงการบริหารจัดการควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านเทคโนโลยี BIM (Building Information Modeling) ซึ่งใช้ในการถอดแบบโครงสร้าง ออกแบบอาคาร 3 มิติ และ การมีโรงงานตัด ดัดเหล็กเส้น และ โรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ ใน จังหวัด นครปฐม เป็นของตนเอง ช่วยบริหารการใช้เหล็กเส้นอย่างเหมาะสมและช่วยลดความสูญเสียจากการตัดเหล็ก
พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 66 เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น 165.1% YoY อยู่ที่ 153 ล้านบาท ผลจากกลับมาเปิดประมูลโครงการงานก่อสร้าง ทั้งภาครัฐและเอกชน ได้ตามปกติหลังสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย และ คาดก าไรสุทธิ ปี 67 จะเติบโต 9.0% YoY อยู่ที่ 167 ล้านบาท หนุนด้วยการเข้าร่วมประมูลงานโครงการก่อสร้างที่มีความซับซ้อน(สถานพยาบาล)ซึ่งบริษัทมีความเชี่ยวชาญ
สอดคล้องกับ บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) (ปัจจุบัน "ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย)" เพิ่งเปลี่ยนชื่อเป็น "ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย)") คาดว่า NL จะมีการเติบโตเฉลี่ย CAGR ของ EPS สำหรับปีFY65-68 ที่สูงกว่าที่ 38.1% (เทียบค่าเฉลี่ยของคู่แข่งที่ 30.3%) จากการเข้าประมูลโครงการที่สูงขึ้น รวมถึงมีการบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพหนุนอัตรากำไรสุทธิและการเติบโตระยะยาว
รวบรวมราคาเป้าหมายพื้นฐานจาก 3 บริษัทหลักทรัพย์ดังนี้
BYD 7.50 บาท
SBITO 6.00 บาท
CGSI 5.90 บาท