Wealth Sharing

PRAPAT ท็อปฟอร์ม งบปี 66 กำไรโต 111%


19 กุมภาพันธ์ 2567
PRAPAT ประกาศผลประกอบการปี 2566 กวาดรายได้รวม 1,072.04 ล้านบาท โต 11.8% กำไรสุทธิ 51.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111% เตรียมจ่ายปันผลเป็นเงินสด อัตราหุ้นละ 0.04 บาท พ่วงปันผลเป็นหุ้น 25:1 มูลค่ากว่า 22.43 ล้านบาท เผยทิศทางขับเคลื่อนธุรกิจปี 2567 ขยายช่องทางตลาดในประเทศ-ต่างประเทศ เสริมแกร่งธุรกิจ ตั้งเป้ารายได้โต 18%

PRAPAT ท็อปฟอร์ม.jpg

นายวีระพงค์ ลือสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีรพัฒน์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ PRAPAT เปิดเผยว่า บริษัทฯรายงานผลการดำเนินงานงบปี 2566 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2566 มีรายได้รวม 1,072.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนมีรายได้รวม 958.70 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 51.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 24.24 ล้านบาท

ขณะที่ ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2566 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 275.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อนมีรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 266.77% ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 15.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 12.52 ล้านบาท 

สำหรับ ไตรมาส 4/2566 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวของปีก่อน 4.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.86% ประกอบด้วยการเพิ่มขึ้นรายได้กลุ่มผลิตภัณฑ์ซักรีดจำนวน 4.08 ล้านบาท รายได้กลุ่มผลิตภัณฑ์ด้วยครัวจำนวน 2.56 ล้านบาท รายได้ผลิตภัณฑ์แม่บ้านและทำความสะอาดพื้นจำนวน 0.98 ล้านบาท และรายได้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในครับเรือนจำนวน 2.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากกลุ่มลูกค้าธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท และกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร รวมถึงมีรายได้จากค่าเช่าและบริการเพิ่มขึ้นจำนวน 5.15 ล้านบาท หรือ 10.33% เป็นการเพิ่มขึ้นรายได้ค่าเช่าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านครัว จำนวน 7.17 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากบริษัทในเครือมีการให้เช่าเครื่องล้างจานเพิ่มขึ้นจากธุรกิจร้านอาหาร

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติจ่ายปันผลเป็นหุ้นและเงินสด จากผลการดำเนินงานงวดปี 2566 ให้แก่ผู้ถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 22,439,982.50 บาท แบ่งเป็นจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.04 บาท คิดเป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 14,959,989 บาท  และปันผลเป็นหุ้นสามัญของบริษัท จำนวนไม่เกิน 14,959,989 หุ้น ในอัตราส่วน 25 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นปันผล (25:1) โดยมีมูลค่าหุ้นปันผลที่จ่ายในอัตรา 0.02 บาท  รวมมูลค่าหุ้นปันผลจำนวนทั้งสิ้น 7,479,994.50 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้สิทธิรับเงินปันผล (XD) วันที่ 5 มีนาคม 2567  และกำหนดวันจ่ายเงินปันผลในวันที่ 27 พฤษภาคม  2567

นายวีระพงค์ กล่าวอีกว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2567 ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะยอดขายในประเทศไทยจากยอดนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างคึกคักนับตั้งแต่ต้นปี ซึ่งช่วยหนุนให้ยอดขายสินค้าเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องด้วยบริษัทฯมีศูนย์ขายสินค้ากระจายทั่วภูมิภาคจำนวน 9 แห่ง แยกเป็น 7 ศูนย์ธุรกิจอยู่ที่ กรุงเทพฯ, ภูเก็ต, พัทยา, ชะอำ, สมุย, เชียงใหม่ และหาดใหญ่ รวมถึงอีก 2 สาขาในจังหวัดกาญจนบุรี และกระบี่ อย่างไรก็ดี ยอดขายในประเทศไทยกว่า 50% มาจากศูนย์ธุรกิจกรุงเทพฯ ภูเก็ต และพัทยา  

นอกจากนี้ ในปี 2567 บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากยอดขายในตลาดต่างประเทศ อย่างเช่นโชว์รูมและคลังสินค้าบนเกาะฟู้โกว๊ก ประเทศเวียดนาม คาดว่าจะทยอยเข้ามาช่วยหนุนอย่างเป็นทางการตั้งแต่ไตรมาส 1/2567 เป็นต้นไป ส่วนบริษัทร่วมทุน "แคลวาทิส" ผู้ประกอบธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดฆ่าเชื้อ และอุปกรณ์ภายในโรงงานอาหารและเครื่องดื่มที่ประเทศกัมพูชา คาดว่าจะเริ่มมีรายได้เชิงพาณิชย์ ตั้งแต่ไตรมาส 2/2567 นอกจากนี้ ยังมีแผนรุกขยายตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืน โดยตั้งเป้าบุกตลาดที่มีศักยภาพ เพิ่มสัดส่วนรายได้และยอดการส่งออก โดยเน้นขยายตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมและบริการ และการเติบโตของตลาด Cleaning Hygiene Solutions รวมถึงการเตรียมกลับไปดำเนินธุรกิจในตลาดประเทศอินโดนีเซียอีกครั้ง หลังจากที่หยุดไปในช่วงโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2564

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังเตรียมลุยธุรกิจการค้าสู่เอเชียใต้ ทั้งการแสวงหาตลาด การขยายฐานการลงทุนและการผลิตในประเทศศรีลังกาและประเทศบังกลาเทศ เป็นตลาดใหญ่ที่มีความน่าสนใจมีศักยภาพในหลายมิติ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายไปยังพื้นที่ ที่ยังไม่เคยเข้าถึงมาก่อน และขยายส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มประเทศเอเชียใต้ เพิ่มรายได้และการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต 

“บริษัทฯ เชื่อมั่นว่า ปี 2567 ยอดขายต่างประเทศจะโตต่อเนื่องรับดีมานด์พุ่ง พร้อมตั้งเป้ารายได้จากต่างประเทศเติบโต 20-25% และมีทิศทางการเติบโตได้ดีต่อเนื่องในทุกๆ ปี อย่างไรก็ตามตั้งเป้ารายได้รวมในปี 2567 เติบโตที่ระดับ 18%” นายวีระพงค์ กล่าว