เรื่องเด่นวันนี้
SM สุดสตรอง! ปี 67 เป้าพอร์ตสินเชื่อออลไทม์ไฮดึงไอทีคุมคุณภาพหนี้-เพิ่มลูกค้าใหม่
21 กุมภาพันธ์ 2567
บมจ.สตาร์ มันนี่ (SM) สัญญาณแจ่ม! ปี 67 ตั้งเป้าการขายและสินเชื่อใหม่เติบโตรวมไม่ต่ำกว่า 10% มั่นใจพอร์ตสินเชื่อและรายได้รวมเติบโตแตะออลไทม์ไฮ ฟากบิ๊กบอส “ชูศักดิ์ วิวัฒน์วงศ์เกษม” เปิดกลยุทธ์ใช้ระบบไอทีควบคุมคุณภาพหนี้ และเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ เดินหน้าสกรีนคุณภาพลูกค้าอย่างเข้มข้น ประเดิมไตรมาส 1/67 ได้รับอานิสงส์ มาตรการ Easy E-Receipt หนุนผลงานทรงดี ตั้งแต่ต้นปี
นายชูศักดิ์ วิวัฒน์วงศ์เกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตาร์ มันนี่ จำกัด (มหาชน) หรือ SM ผู้ประกอบธุรกิจปล่อยสินเชื่อแบบมีหลักประกัน รวมถึงสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่าภาพรวมแผนธุรกิจปี 2567 บริษัทฯ ตั้งเป้าการขายสินค้าและสินเชื่อใหม่เติบโตรวมไม่ต่ำกว่า 10 % จากปีก่อน ช่วยให้พอร์ตสินเชื่อเติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ (All Time High) ของบริษัทฯ จากสิ้นปีก่อน 2,500 ล้านบาท และส่งผลให้รายได้รวมเติบโต All Time High เช่นเดียวกัน
โดย SM จะเน้นกลยุทธ์ในการนำระบบเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพมาเป็นเครื่องมือสำคัญในการขยายธุรกิจ ให้สามารถรองรับการให้บริการลูกค้าได้ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการด้านการขายและการให้สินเชื่อ โดยมีการนำเอา Data Analytic มาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลและพัฒนาระบบให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับความต้องการและคุณสมบัติของลูกค้า รวมถึงความสามารถในการชำระหนี้ ทั้งข้อมูลด้านอาชีพ รายได้ ที่อยู่อาศัย เพื่อช่วยเพิ่มคุณภาพหนี้ รวมถึงยังช่วยอำนวยความสะดวกรวดเร็วให้กับลูกค้า โดยตั้งเป้าหมายในการช่วยลดระยะเวลาในการให้บริการลง 40% จากปัจจุบัน
ที่สำคัญบริษัทยังได้พัฒนาระบบ Machine Learning เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการอนุมัติสินเชื่อซึ่งระบบนี้จะสามารถช่วยพยากรณ์คุณภาพหนี้ที่จะเกิดขึ้นของลูกค้าทั้งก่อนและหลังการอนุมัติสินเชื่อ ช่วยพยากรณ์ชั้นหนี้และการไหลตกชั้นหนี้ของลูกหนี้แต่ละรายที่เกิดขึ้น โดยวิเคราะห์จากพฤติกรรมการผ่อนชำระที่ผ่านมา ซึ่งระบบดังกล่าวจะช่วยทำให้บริษัทสามารถจัดกลุ่มลูกค้า เพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดให้กับกลุ่มลูกค้าที่มีประวัติดี พร้อมเป็นการเฝ้าระวังกลุ่มลูกค้าที่คาดว่าจะมีพฤติกรรมการชำระหนี้ไม่ดี ประโยชน์โดยรวมจึงช่วยทำให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจ เพิ่มสินเชื่อที่มีคุณภาพและยังสามารถช่วยในการบริหารหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย
ปีนี้บริษัทฯ จะปรับกลยุทธ์โดยมุ่งเน้นการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อจากการขายสินค้ามากขึ้น โดยเฉพาะหมวดสินค้าโทรศัพท์มือถือ ซึ่งบริษัทฯ ได้นำเอาระบบเทคโนโลยีการล๊อคโทรศัพท์มือถือมาใช้ หากพบว่าลูกค้าขาดการชำระค่างวด บริษัทฯจะดำเนินการล๊อคโทรศัพท์มือถือของลูกค้าทันที เพื่อให้ลูกค้าติดต่อเข้ามาเพื่อชำระค่างวด และบริษัทฯ จะดำเนินการปลดล๊อคให้ จากที่ผ่านมาพบว่า การชำระหนี้ของลูกค้าหมวดโทรศัพท์มือถือปรับตัวดีขึ้นได้ผลเป็นที่น่าพอใจ และบริษัทฯ ยังมีแผนการพัฒนาระบบเทคโนโลยีดังกล่าวไปใช้กับหมวดสินค้าประเภทอื่น ๆ เพื่อเพิ่มคุณภาพในการชำระหนี้ของสินเชื่อเช่าซื้อให้ดีมากยิ่งขึ้นด้วย
“ส่วนภาพรวมของผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2567 คาดว่าจะมีทิศทางที่ดี เนื่องจากส่วนหนึ่งได้รับอานิสงส์มาตรการ Easy E-Receipt ของภาครัฐ ที่ให้ประชาชนสามารถซื้อสินค้า และบริการเพื่อนำมาลดหย่อนภาษีปี 2567 (ยื่นปี 2568) ได้สูงสุด 50,000 บาท โดยซื้อสินค้าหรือบริการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ 2567 กับร้านค้าที่สามารถออกใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Tax Invoice ได้เท่านั้น รวมถึงรายได้จากธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยที่จะเติบโตควบคู่ไปกับธุรกิจการให้สินเชื่อ ตลอดจนการเดินหน้าเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ให้เพิ่มมากขึ้นจากจำนวน 60,000 รายที่มีอยู่ในปัจจุบัน พร้อมเป้าหมายควบคุมคุณภาพหนี้ บริหารจัดการ NPL ให้อยู่ในระดับไม่เกิน 3.6% นอกจากนี้ยังคงเดินหน้าสำรวจพื้นที่ในทำเลที่มีศักยภาพเพื่อเปิดสาขาเพิ่มเติมต่อไป “ นายชูศักดิ์ กล่าวที่สุด
อย่างไรก็ตาม SM ยังได้รับประโยชน์จากการมีสาขาเกือบทั้งหมดอยู่ในพื้นที่เขต EEC ที่กำลังเติบโตตามอุตสาหกรรมและการลงทุน ทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศ อาทิเช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่มีผู้ประกอบการระดับโลกมาลงทุนสร้างฐานการผลิต ก่อให้เกิดการจ้างงานจำนวนมาก และจะสนับสนุนให้ธุรกิจของ SM มีโอกาสเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยปัจจุบันธุรกิจหลักของ SM ได้แก่ 1. จำหน่ายสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ เช่น โทรทัศน์ ตู้เย็น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ รถจักรยานยนต์ และ 2. ธุรกิจให้บริการปล่อยสินเชื่อแบบมีหลักประกัน และสินเชื่อบุคคล โดยหลักประกันเงินให้กู้ยืม เช่น เล่มทะเบียนรถจักรยานยนต์ โฉนดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และให้บริการอื่นเพิ่มเติม เช่น การเป็นนายหน้าประกันวินาศภัย หรือ ประกันชีวิต เป็นต้น
นายชูศักดิ์ วิวัฒน์วงศ์เกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตาร์ มันนี่ จำกัด (มหาชน) หรือ SM ผู้ประกอบธุรกิจปล่อยสินเชื่อแบบมีหลักประกัน รวมถึงสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่าภาพรวมแผนธุรกิจปี 2567 บริษัทฯ ตั้งเป้าการขายสินค้าและสินเชื่อใหม่เติบโตรวมไม่ต่ำกว่า 10 % จากปีก่อน ช่วยให้พอร์ตสินเชื่อเติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ (All Time High) ของบริษัทฯ จากสิ้นปีก่อน 2,500 ล้านบาท และส่งผลให้รายได้รวมเติบโต All Time High เช่นเดียวกัน
โดย SM จะเน้นกลยุทธ์ในการนำระบบเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพมาเป็นเครื่องมือสำคัญในการขยายธุรกิจ ให้สามารถรองรับการให้บริการลูกค้าได้ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการด้านการขายและการให้สินเชื่อ โดยมีการนำเอา Data Analytic มาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลและพัฒนาระบบให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับความต้องการและคุณสมบัติของลูกค้า รวมถึงความสามารถในการชำระหนี้ ทั้งข้อมูลด้านอาชีพ รายได้ ที่อยู่อาศัย เพื่อช่วยเพิ่มคุณภาพหนี้ รวมถึงยังช่วยอำนวยความสะดวกรวดเร็วให้กับลูกค้า โดยตั้งเป้าหมายในการช่วยลดระยะเวลาในการให้บริการลง 40% จากปัจจุบัน
ที่สำคัญบริษัทยังได้พัฒนาระบบ Machine Learning เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการอนุมัติสินเชื่อซึ่งระบบนี้จะสามารถช่วยพยากรณ์คุณภาพหนี้ที่จะเกิดขึ้นของลูกค้าทั้งก่อนและหลังการอนุมัติสินเชื่อ ช่วยพยากรณ์ชั้นหนี้และการไหลตกชั้นหนี้ของลูกหนี้แต่ละรายที่เกิดขึ้น โดยวิเคราะห์จากพฤติกรรมการผ่อนชำระที่ผ่านมา ซึ่งระบบดังกล่าวจะช่วยทำให้บริษัทสามารถจัดกลุ่มลูกค้า เพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดให้กับกลุ่มลูกค้าที่มีประวัติดี พร้อมเป็นการเฝ้าระวังกลุ่มลูกค้าที่คาดว่าจะมีพฤติกรรมการชำระหนี้ไม่ดี ประโยชน์โดยรวมจึงช่วยทำให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจ เพิ่มสินเชื่อที่มีคุณภาพและยังสามารถช่วยในการบริหารหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย
ปีนี้บริษัทฯ จะปรับกลยุทธ์โดยมุ่งเน้นการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อจากการขายสินค้ามากขึ้น โดยเฉพาะหมวดสินค้าโทรศัพท์มือถือ ซึ่งบริษัทฯ ได้นำเอาระบบเทคโนโลยีการล๊อคโทรศัพท์มือถือมาใช้ หากพบว่าลูกค้าขาดการชำระค่างวด บริษัทฯจะดำเนินการล๊อคโทรศัพท์มือถือของลูกค้าทันที เพื่อให้ลูกค้าติดต่อเข้ามาเพื่อชำระค่างวด และบริษัทฯ จะดำเนินการปลดล๊อคให้ จากที่ผ่านมาพบว่า การชำระหนี้ของลูกค้าหมวดโทรศัพท์มือถือปรับตัวดีขึ้นได้ผลเป็นที่น่าพอใจ และบริษัทฯ ยังมีแผนการพัฒนาระบบเทคโนโลยีดังกล่าวไปใช้กับหมวดสินค้าประเภทอื่น ๆ เพื่อเพิ่มคุณภาพในการชำระหนี้ของสินเชื่อเช่าซื้อให้ดีมากยิ่งขึ้นด้วย
“ส่วนภาพรวมของผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2567 คาดว่าจะมีทิศทางที่ดี เนื่องจากส่วนหนึ่งได้รับอานิสงส์มาตรการ Easy E-Receipt ของภาครัฐ ที่ให้ประชาชนสามารถซื้อสินค้า และบริการเพื่อนำมาลดหย่อนภาษีปี 2567 (ยื่นปี 2568) ได้สูงสุด 50,000 บาท โดยซื้อสินค้าหรือบริการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ 2567 กับร้านค้าที่สามารถออกใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Tax Invoice ได้เท่านั้น รวมถึงรายได้จากธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยที่จะเติบโตควบคู่ไปกับธุรกิจการให้สินเชื่อ ตลอดจนการเดินหน้าเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ให้เพิ่มมากขึ้นจากจำนวน 60,000 รายที่มีอยู่ในปัจจุบัน พร้อมเป้าหมายควบคุมคุณภาพหนี้ บริหารจัดการ NPL ให้อยู่ในระดับไม่เกิน 3.6% นอกจากนี้ยังคงเดินหน้าสำรวจพื้นที่ในทำเลที่มีศักยภาพเพื่อเปิดสาขาเพิ่มเติมต่อไป “ นายชูศักดิ์ กล่าวที่สุด
อย่างไรก็ตาม SM ยังได้รับประโยชน์จากการมีสาขาเกือบทั้งหมดอยู่ในพื้นที่เขต EEC ที่กำลังเติบโตตามอุตสาหกรรมและการลงทุน ทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศ อาทิเช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่มีผู้ประกอบการระดับโลกมาลงทุนสร้างฐานการผลิต ก่อให้เกิดการจ้างงานจำนวนมาก และจะสนับสนุนให้ธุรกิจของ SM มีโอกาสเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยปัจจุบันธุรกิจหลักของ SM ได้แก่ 1. จำหน่ายสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ เช่น โทรทัศน์ ตู้เย็น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ รถจักรยานยนต์ และ 2. ธุรกิจให้บริการปล่อยสินเชื่อแบบมีหลักประกัน และสินเชื่อบุคคล โดยหลักประกันเงินให้กู้ยืม เช่น เล่มทะเบียนรถจักรยานยนต์ โฉนดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และให้บริการอื่นเพิ่มเติม เช่น การเป็นนายหน้าประกันวินาศภัย หรือ ประกันชีวิต เป็นต้น