Wealth Sharing
ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้ มีแนวรับ 1,385-1,375 จุด แนวต้าน 1,410-1,420 จุด
27 กุมภาพันธ์ 2567
บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด ประเมินว่า ดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (27 ก.พ.-1 มี.ค.) มีแนวรับที่ 1,385 และ 1,375 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,410 และ 1,420 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และทิศทางเงินทุนต่างชาติ
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล ดัชนี PCE/Core PCE Price Indices เดือนม.ค. ดัชนี ISM/PMI ภาคการผลิตเดือนก.พ. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/66 รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.พ. ของญี่ปุ่น จีน ยูโรโซนและอังกฤษ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนม.ค. ของญี่ปุ่น รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.พ. ของยูโรโซน
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (19-23 ก.พ.) หุ้นไทยปรับตัวลงช่วงต้นสัปดาห์ หลังตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/66 ขยายตัวเพียง 1.7% YoY (ทั้งปี 2566 ขยายตัว 1.9%) ประกอบกับมีแรงขายหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากผิดหวังเรื่องผลประกอบการไตรมาส 4/66
อย่างไรก็ดี หุ้นไทยดีดตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ ตามแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มแบงก์จากข่าวการประกาศจ่ายเงินปันผลของธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง นอกจากนี้ การที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เตรียมออกมาตรการการกำกับดูแลการขายชอร์ต (short selling) และการใช้คอมพิวเตอร์ส่งคำสั่งซื้อขาย (program trading) รวมถึงมาตรการเพิ่มการเปิดเผยข้อมูลแก่สาธารณชน ก็เป็นปัจจัยบวกเพิ่มเติมที่ช่วยหนุนให้หุ้นไทยปรับตัวขึ้นผ่านระดับ 1,400 จุดได้อีกครั้ง
ทั้งนี้ หุ้นไทยย่อตัวลงหลุดระดับ 1,400 จุดในช่วงปลายสัปดาห์ เพราะแม้จะมีปัจจัยบวกจากตัวเลขการส่งออกของไทยเดือนม.ค. ที่ออกมาดีกว่าที่คาด แต่ก็มีแรงขายทำกำไรในหุ้นบิ๊กแคป โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์และไฟแนนซ์ซึ่งดีดตัวขึ้นแรงก่อนหน้านี้
โดยในวันศุกร์ที่ 23 ก.พ.67 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,398.14 จุด เพิ่มขึ้น 0.86% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 47,395.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.34% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.84% มาปิดที่ระดับ 421.72 จุด
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล ดัชนี PCE/Core PCE Price Indices เดือนม.ค. ดัชนี ISM/PMI ภาคการผลิตเดือนก.พ. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/66 รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.พ. ของญี่ปุ่น จีน ยูโรโซนและอังกฤษ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนม.ค. ของญี่ปุ่น รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.พ. ของยูโรโซน
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (19-23 ก.พ.) หุ้นไทยปรับตัวลงช่วงต้นสัปดาห์ หลังตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/66 ขยายตัวเพียง 1.7% YoY (ทั้งปี 2566 ขยายตัว 1.9%) ประกอบกับมีแรงขายหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากผิดหวังเรื่องผลประกอบการไตรมาส 4/66
อย่างไรก็ดี หุ้นไทยดีดตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ ตามแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มแบงก์จากข่าวการประกาศจ่ายเงินปันผลของธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง นอกจากนี้ การที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เตรียมออกมาตรการการกำกับดูแลการขายชอร์ต (short selling) และการใช้คอมพิวเตอร์ส่งคำสั่งซื้อขาย (program trading) รวมถึงมาตรการเพิ่มการเปิดเผยข้อมูลแก่สาธารณชน ก็เป็นปัจจัยบวกเพิ่มเติมที่ช่วยหนุนให้หุ้นไทยปรับตัวขึ้นผ่านระดับ 1,400 จุดได้อีกครั้ง
ทั้งนี้ หุ้นไทยย่อตัวลงหลุดระดับ 1,400 จุดในช่วงปลายสัปดาห์ เพราะแม้จะมีปัจจัยบวกจากตัวเลขการส่งออกของไทยเดือนม.ค. ที่ออกมาดีกว่าที่คาด แต่ก็มีแรงขายทำกำไรในหุ้นบิ๊กแคป โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์และไฟแนนซ์ซึ่งดีดตัวขึ้นแรงก่อนหน้านี้
โดยในวันศุกร์ที่ 23 ก.พ.67 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,398.14 จุด เพิ่มขึ้น 0.86% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 47,395.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.34% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.84% มาปิดที่ระดับ 421.72 จุด