จับประเด็นหุ้นเด่น
สัมภาษณ์พิเศษ : CH เดินหน้าบุกตลาดขนมเพื่อสุขภาพ สร้างการเติบโตที่ยั่งยืนหนุนเป็นหุ้น Safe Heaven
27 กุมภาพันธ์ 2567
สถานการณ์เอลนีโญที่ส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตร และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจที่เกี่ยวสินค้าเกษตรอย่างไร เราไปติดตามแนวทางและกลยุทธ์การรับมือกับสถานการณ์นี้กับ "ศักดา ศรีแสงนาม" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจริญอุตสาหกรรม (CH)
บมจ.เจริญอุตสาหกรรมทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร
บริษัทของเราทำสินค้าอยู่ 3 ประเภท ได้แก่
1.ปลากระป๋อง ปลาซาดีนส์ ในซอสมะเขือเทศ ในน้ำมันมะกอก
2.ผลไม้อบแห้ง มะม่วง สับปะรด มะระกอ แตงโม แก้วมังกร อบแห้ง
3.สินค้าใหม่เป็น S Curve ของบริษัท ได้แก่ สแน็คเพื่อสุขภาพ เช่น กานูราบอล แพลนเบส และล่าสุดที่ออกปีที่แล้ว เป็น ขนมไทยอบกรอบ
3 ธุรกิจนี้มีสัดส่วนรายได้อย่างไร
รายได้หลักยังมาจากผลไม้อบแห้ง มีสัดส่วนประมาณ 70-80% ส่วนปลากระป๋องมีสัดส่วนประมาณ 10% ส่วนสินค้าใหม่สแน็คยังมีสัดส่วนที่น้อยประมาณ 0.5-1%
สินค้าเราส่งออกกี่ประเทศ
เราส่งออกไป 55 ประเทศ ทั่วโลก มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 75%ของสินค้าที่เราส่งออก ในประเทศ 25% ซึ่งเราต้องการให้สัดส่วนการขายสินค้าของเราในประเทศเพิ่มขึ้น โดยมีสัดส่วนในประเทศเพิ่มเป็น 40% และต่างประเทศมีสัดส่วน 60% เนื่องจากการควบคุมคุณภาพสินค้าทำได้ง่ายกว่า แต่เนื่องจากคนไทยนิยมทานผลไม้สดมากกว่าผลไม้อบแห้ง
ลูกค้าหลักของบริษัทเป็นกลุ่มไหน
ลูกค้าหลักส่วนใหญ่เป็นประเทศสหรัฐอเมริกามีสัดส่วนประมาณ 50%ของรายได้ ส่วนอันดับ 2 เป็นประเทศไทยและอาเซียน อันดับ 3 เป็นประเทศญี่ปุ่น จีน และ EU
จุดแข็งของสินค้าเราคืออะไร
โปรดักส์แชมป์เปี้ยนปัจจุบันของเราคือ มะม่วงซอฟท์ หรือมะม่วงอบแห้งที่มีความนุ่มนวลใกล้เคียงธรรมชาติ ซึ่งลูกค้าให้การตอบรับที่ดี ปัจจุบันคนผลิตมะม่วงประเภทนี้มีมากขึ้น แต่สิ่งที่ผูกใจลูกค้า ไม่ใช่เรื่องของผลิตภัณฑ์ แต่เป็นเรื่องความสัมพันธ์ การบริการของพนักงาน การรักษาคำพูด การส่งมอบสินค้าได้ตรงตามเวลา ทำให้เราเหนือคู่แข่ง และหากลูกค้าต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่างจากที่มีอยู่ บริษัทก็มีแผนก R&D ในการทำวิจัยให้กับลูกค้าเป็นการเฉพาะ
ปี 67 มีแผนการทำธุรกิจเป็นอย่างไร
ปีนี้เราคงเติบโตจากปีก่อน 10% แต่ปี 67 น่าจะเป็นปีที่ทำธุรกิจยากขึ้น เพราะจากสถานการณ์โลกที่ไม่สงบ และในแถบประเทศไทยเกิดสถานการณ์เอลนีโญ ทำให้เกิดสภาวะแห้งแล้ง ซึ่งการทำธุรกิจของบริษัทต้องพึ่งพาวัตถุดิบทางการเกษตร ทำให้ได้ราคาสินค้าอาจสูงขึ้น หรือมาร์จิ้นลดลง แต่คิดว่าสิ่งที่เราทำไปแล้ว น่าจะชดเชยเรื่องรายได้ ส่งผลให้รายได้เติบโตได้ตามเป้าหมายจากปี66 ประมาณ 10% หรือประมาณ 1,900 ล้านบาท
ปีที่แล้วเราแนะนำสินค้าใหม่เข้าตลาด
สินค้าใหม่ของเราคือมะม่วงดิบอบแห้ง ซึ่งมีรสชาติไม่หวาน เป็นสิ่งที่คนไทยชอบ และมะม่วงคลุกพริก ซึ่งผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เราแนะนำเข้าตลาด เชื่อว่าจะทำให้รายได้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 1,900 ล้านบาท
สินค้าเรือธงปี 67
สินค้าที่เป็น โปรดักส์แชมป์เปี้ยนยังคงเป็นตัวเดิม คือ มะม่วงซอฟท์ แต่สินค้าที่จะเป็นตัวเสริมหรือดาวรุ่ง คือมะม่วงเขียว และมะม่วงคลุกพริก
มาตรการเปิดฟรีวีซ่าของรัฐบาลกระตุ้นยอดขายอย่างไร
ตลาดในประเทศของเรา มีทั้งที่ลูกค้าซื้อเป็นจำนวนมากแล้วไปทำแบรนด์ของตัวเอง กับตลาดที่เราทำแบรนด์ของเราเอง ซึ่งในส่วนที่ลูกค้าซื้อเป็นจำนวนก็ชะลอลงตามภาวะเศรษฐกิจ แต่สำหรับสินค้าที่เราสร้างแบรนด์เอง เช่น Bangkok Tasty ปีนี้ก็เติบโตขึ้น จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่กลับเข้ามา แต่ต้องยอมรับว่า นักท่องเที่ยวที่มีการใช้จ่ายครั้งละมากๆ ยังไม่เข้ามามาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ที่เป็นลูกค้าหลักของกลุ่มมะม่วงอบแห้ง
การรับมือกับภาวะเอลนีโญ
บริษัทมีการรับมือกับต้นทุนสินค้าที่อาจเพิ่มขึ้นจากภาวะเอลนีโญ เช่น ต้นทุนด้านน้ำตาลเราได้วางแผนทำสัญญาล็อคราคาต้นทุนไว้ ส่วนมะม่วง หรือวัตถุดิบ เราก็ปล่อยให้ราคาปรับตามต้นทุนที่ผันแปร เนื่องจากปริมาณที่เราซื้อมีจำนวนมาก จนเกินกว่าที่บริษัทจะไปผูกสินค้าไว้กับสวนใดสวนหนึ่ง ซึ่งปีนี้บริษัทคาดว่าจะต้องใช้วัตถุดิบมะม่วงสูงถึง 5,000 ตัน
การรับมือกับมาตรการภาษีเพื่อลดภาวะโลกร้อน
บริษัทเรามีการรับมือตลอดเวลา ทั้งการใช้ Solar ในการผลิตไฟฟ้า การใช้วัสดุบรรจุภัณฑ์ที่รีไซเคิลได้มากขึ้น ซึ่งเราไม่ได้นิ่งนอนใจ ทำต่อเนื่องตลอดเวลา เพื่อให้อยู่ในกรอบที่ผู้นำเข้าสินค้ากำหนด ซึ่งต้องใช้เวลาในการดำเนินการ
ฝากนักลงทุน
หุ้นของเราบริษัทของเรา เป็นบริษัทที่เติบโตช้าๆๆ ไม่หวือหวามาก แต่มีการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน เป็นSafe Heaven เป็นหุ้นที่มีความปลอดภัย
บมจ.เจริญอุตสาหกรรมทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร
บริษัทของเราทำสินค้าอยู่ 3 ประเภท ได้แก่
1.ปลากระป๋อง ปลาซาดีนส์ ในซอสมะเขือเทศ ในน้ำมันมะกอก
2.ผลไม้อบแห้ง มะม่วง สับปะรด มะระกอ แตงโม แก้วมังกร อบแห้ง
3.สินค้าใหม่เป็น S Curve ของบริษัท ได้แก่ สแน็คเพื่อสุขภาพ เช่น กานูราบอล แพลนเบส และล่าสุดที่ออกปีที่แล้ว เป็น ขนมไทยอบกรอบ
3 ธุรกิจนี้มีสัดส่วนรายได้อย่างไร
รายได้หลักยังมาจากผลไม้อบแห้ง มีสัดส่วนประมาณ 70-80% ส่วนปลากระป๋องมีสัดส่วนประมาณ 10% ส่วนสินค้าใหม่สแน็คยังมีสัดส่วนที่น้อยประมาณ 0.5-1%
สินค้าเราส่งออกกี่ประเทศ
เราส่งออกไป 55 ประเทศ ทั่วโลก มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 75%ของสินค้าที่เราส่งออก ในประเทศ 25% ซึ่งเราต้องการให้สัดส่วนการขายสินค้าของเราในประเทศเพิ่มขึ้น โดยมีสัดส่วนในประเทศเพิ่มเป็น 40% และต่างประเทศมีสัดส่วน 60% เนื่องจากการควบคุมคุณภาพสินค้าทำได้ง่ายกว่า แต่เนื่องจากคนไทยนิยมทานผลไม้สดมากกว่าผลไม้อบแห้ง
ลูกค้าหลักของบริษัทเป็นกลุ่มไหน
ลูกค้าหลักส่วนใหญ่เป็นประเทศสหรัฐอเมริกามีสัดส่วนประมาณ 50%ของรายได้ ส่วนอันดับ 2 เป็นประเทศไทยและอาเซียน อันดับ 3 เป็นประเทศญี่ปุ่น จีน และ EU
จุดแข็งของสินค้าเราคืออะไร
โปรดักส์แชมป์เปี้ยนปัจจุบันของเราคือ มะม่วงซอฟท์ หรือมะม่วงอบแห้งที่มีความนุ่มนวลใกล้เคียงธรรมชาติ ซึ่งลูกค้าให้การตอบรับที่ดี ปัจจุบันคนผลิตมะม่วงประเภทนี้มีมากขึ้น แต่สิ่งที่ผูกใจลูกค้า ไม่ใช่เรื่องของผลิตภัณฑ์ แต่เป็นเรื่องความสัมพันธ์ การบริการของพนักงาน การรักษาคำพูด การส่งมอบสินค้าได้ตรงตามเวลา ทำให้เราเหนือคู่แข่ง และหากลูกค้าต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่างจากที่มีอยู่ บริษัทก็มีแผนก R&D ในการทำวิจัยให้กับลูกค้าเป็นการเฉพาะ
ปี 67 มีแผนการทำธุรกิจเป็นอย่างไร
ปีนี้เราคงเติบโตจากปีก่อน 10% แต่ปี 67 น่าจะเป็นปีที่ทำธุรกิจยากขึ้น เพราะจากสถานการณ์โลกที่ไม่สงบ และในแถบประเทศไทยเกิดสถานการณ์เอลนีโญ ทำให้เกิดสภาวะแห้งแล้ง ซึ่งการทำธุรกิจของบริษัทต้องพึ่งพาวัตถุดิบทางการเกษตร ทำให้ได้ราคาสินค้าอาจสูงขึ้น หรือมาร์จิ้นลดลง แต่คิดว่าสิ่งที่เราทำไปแล้ว น่าจะชดเชยเรื่องรายได้ ส่งผลให้รายได้เติบโตได้ตามเป้าหมายจากปี66 ประมาณ 10% หรือประมาณ 1,900 ล้านบาท
ปีที่แล้วเราแนะนำสินค้าใหม่เข้าตลาด
สินค้าใหม่ของเราคือมะม่วงดิบอบแห้ง ซึ่งมีรสชาติไม่หวาน เป็นสิ่งที่คนไทยชอบ และมะม่วงคลุกพริก ซึ่งผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เราแนะนำเข้าตลาด เชื่อว่าจะทำให้รายได้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 1,900 ล้านบาท
สินค้าเรือธงปี 67
สินค้าที่เป็น โปรดักส์แชมป์เปี้ยนยังคงเป็นตัวเดิม คือ มะม่วงซอฟท์ แต่สินค้าที่จะเป็นตัวเสริมหรือดาวรุ่ง คือมะม่วงเขียว และมะม่วงคลุกพริก
มาตรการเปิดฟรีวีซ่าของรัฐบาลกระตุ้นยอดขายอย่างไร
ตลาดในประเทศของเรา มีทั้งที่ลูกค้าซื้อเป็นจำนวนมากแล้วไปทำแบรนด์ของตัวเอง กับตลาดที่เราทำแบรนด์ของเราเอง ซึ่งในส่วนที่ลูกค้าซื้อเป็นจำนวนก็ชะลอลงตามภาวะเศรษฐกิจ แต่สำหรับสินค้าที่เราสร้างแบรนด์เอง เช่น Bangkok Tasty ปีนี้ก็เติบโตขึ้น จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่กลับเข้ามา แต่ต้องยอมรับว่า นักท่องเที่ยวที่มีการใช้จ่ายครั้งละมากๆ ยังไม่เข้ามามาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ที่เป็นลูกค้าหลักของกลุ่มมะม่วงอบแห้ง
การรับมือกับภาวะเอลนีโญ
บริษัทมีการรับมือกับต้นทุนสินค้าที่อาจเพิ่มขึ้นจากภาวะเอลนีโญ เช่น ต้นทุนด้านน้ำตาลเราได้วางแผนทำสัญญาล็อคราคาต้นทุนไว้ ส่วนมะม่วง หรือวัตถุดิบ เราก็ปล่อยให้ราคาปรับตามต้นทุนที่ผันแปร เนื่องจากปริมาณที่เราซื้อมีจำนวนมาก จนเกินกว่าที่บริษัทจะไปผูกสินค้าไว้กับสวนใดสวนหนึ่ง ซึ่งปีนี้บริษัทคาดว่าจะต้องใช้วัตถุดิบมะม่วงสูงถึง 5,000 ตัน
การรับมือกับมาตรการภาษีเพื่อลดภาวะโลกร้อน
บริษัทเรามีการรับมือตลอดเวลา ทั้งการใช้ Solar ในการผลิตไฟฟ้า การใช้วัสดุบรรจุภัณฑ์ที่รีไซเคิลได้มากขึ้น ซึ่งเราไม่ได้นิ่งนอนใจ ทำต่อเนื่องตลอดเวลา เพื่อให้อยู่ในกรอบที่ผู้นำเข้าสินค้ากำหนด ซึ่งต้องใช้เวลาในการดำเนินการ
ฝากนักลงทุน
หุ้นของเราบริษัทของเรา เป็นบริษัทที่เติบโตช้าๆๆ ไม่หวือหวามาก แต่มีการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน เป็นSafe Heaven เป็นหุ้นที่มีความปลอดภัย