บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) “TOA” ประกาศความสำเร็จ ตอกย้ำแชมป์เจ้าตลาดสีเบอร์หนึ่งในไทย ด้วยส่วนแบ่งการตลาดสูงที่สุดทิ้งห่างคู่แข่งขัน โดยปี 2566 กวาดรายได้รวมกว่า 22,479 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 8% และกำไรสุทธิกว่า 2,569 ล้านบาท เติบโต 81% ตั้งเป้าปี 2567 ยอดขายเติบโต 8% ทั้งนี้บอร์ดมีมติไฟเขียวจ่ายปันผลในอัตรา 0.35 บาท/หุ้น เผยแนวโน้มกำไรยังสดใส พร้อมเดินหน้าสู่ปีที่ 60 ด้วยกลยุทธ์การเติบโตอย่างยั่งยืนตามแนวทาง ESG
นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 22,479 ล้านบาท เติบโต 8% จากปีก่อน ในขณะที่ไตรมาส 4/2566 รายได้รวม 5,813ล้านบาท เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6% ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากทุกช่องทางการขายภายในประเทศ เพราะด้วยความแข็งแกร่งของแบรนด์ TOA การมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมมากที่สุด การมีสินค้า ครบทุกกลุ่มและบริการครบวงจร รวมถึงการปรับตัวการดำเนินธุรกิจในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา TOA สามารถสร้างการเติบโตเหนือคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันอย่างต่อเนื่อง
โดยปี 2566 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 2,569 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81% ในขณะที่กำไรสุทธิ รายไตรมาส 4/2566 เป็นเงิน 545 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87% จากงวดเดียวกันปีก่อน เป็นผลจากกำไรขั้นต้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วยการปรับแผนกลยุทธ์ด้านวัตถุดิบร่วมกับการจัดการภายในองค์กรตามหลักความยั่งยืน การนำระบบ Digital Transformation และ Automation เข้ามาช่วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ แนวโน้มผู้บริโภคยังให้การตอบรับที่เพิ่มมากขึ้นกับผลิตภัณฑ์กลุ่มนวัตกรรม ที่มีมาตรฐานการรับรอง ทั้งด้านคุณสมบัติและความปลอดภัยขั้นสูง ซึ่งถูกจัดอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์พรีเมียม ที่บริษัทฯ เป็นผู้นำตลาด จึงเป็นแรงส่งช่วยผลักดันยอดขายรวม และสร้างกำไรให้กับบริษัทฯ ได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 29 เมษายน 2567 พิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการครึ่งปีหลังของปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.35 บาท และเมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกที่ได้จ่ายไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.33 บาท จะรวมเป็นเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.68 บาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 61% จากกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของปี 2566
นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 22,479 ล้านบาท เติบโต 8% จากปีก่อน ในขณะที่ไตรมาส 4/2566 รายได้รวม 5,813ล้านบาท เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6% ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากทุกช่องทางการขายภายในประเทศ เพราะด้วยความแข็งแกร่งของแบรนด์ TOA การมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมมากที่สุด การมีสินค้า ครบทุกกลุ่มและบริการครบวงจร รวมถึงการปรับตัวการดำเนินธุรกิจในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา TOA สามารถสร้างการเติบโตเหนือคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันอย่างต่อเนื่อง
โดยปี 2566 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 2,569 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81% ในขณะที่กำไรสุทธิ รายไตรมาส 4/2566 เป็นเงิน 545 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87% จากงวดเดียวกันปีก่อน เป็นผลจากกำไรขั้นต้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วยการปรับแผนกลยุทธ์ด้านวัตถุดิบร่วมกับการจัดการภายในองค์กรตามหลักความยั่งยืน การนำระบบ Digital Transformation และ Automation เข้ามาช่วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ แนวโน้มผู้บริโภคยังให้การตอบรับที่เพิ่มมากขึ้นกับผลิตภัณฑ์กลุ่มนวัตกรรม ที่มีมาตรฐานการรับรอง ทั้งด้านคุณสมบัติและความปลอดภัยขั้นสูง ซึ่งถูกจัดอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์พรีเมียม ที่บริษัทฯ เป็นผู้นำตลาด จึงเป็นแรงส่งช่วยผลักดันยอดขายรวม และสร้างกำไรให้กับบริษัทฯ ได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 29 เมษายน 2567 พิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการครึ่งปีหลังของปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.35 บาท และเมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกที่ได้จ่ายไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.33 บาท จะรวมเป็นเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.68 บาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 61% จากกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของปี 2566