“สมโภชน์ อาหุนัย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ประกาศลงท้าชิงประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ซึ่งเหตุผลในการลงชิงตำแหน่ง และความตั้งใจในการพัฒนาองค์กรจะเป็นอย่างไร ไปติดตามแนวคิดและมุมมองเหล่านี้กัน
สาเหตุที่ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานสภาอุตสาหกรรม
วันนี้ผมพร้อมสมัครเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เพราะเป็นโอกาสที่ดี ที่จะได้นำความรู้ประสบการณ์ความสามารถมาแบ่งปันและช่วยเพื่อนสมาชิกในอุตสาหกรรมอื่นๆ และอยากเป็นคนที่จะนำเสนอ เป็นฟันเฟืองตัวหนึ่งที่จะไปเชื่อมส.อ.ท.กับภาครัฐ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้ Thailand Team ที่จะต้องเกิดขึ้นในประเทศไทย เพื่อให้ประเทศไทย หลุดพ้นจากประเทศที่มีรายได้ปานกลางในวันนี้
นโยบายของทีมคุณสมโภชน์ จะเป็นอย่างไร
ผมอยากเห็นความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ความสามัคคี และเห็นความเท่าเทียมระหว่างอุตสาหกรรมต่างๆทั้งภายในจังหวัด ต่างจังหวัด และกระทั่งส่วนกลาง ทุกคนจะต้องร่วมมือกัน ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์สุงสุดของส.อ.ท.และของประเทศชาติร่วมกัน
ผมจะทำหน้าที่เป็นคนกลางในการประสาร เพื่อหาจุดสมดุลระหว่างอุตสาหกรรมต่างๆ และระหว่างสมาชิกต่างๆ เพื่อให้เกิดบทสรุปที่ชัดเจน และนำสิ่งเหล่านี้ไปปฎิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรม
ที่ผ่านมาการทำงานยังขาดความเป็นเอกภาพหรือไม่
สภาอุตสาหกรรมเกิดจากการร่วมตัวของอุตสาหกรรมต่างๆ เหมือนกับการเล่นวงดนตรี ที่มีทั้งกีตาร์ กลอง เปียโน ซึ่งหากไม่สามารถควบคุมให้การเล่นดนตรี เกิดเป็นเพลงที่เพาะได้ ก็เหมือนสภาอุตสาหกรรมวันนี้ ทุกคนมีความสามารถแต่ไม่มีคนกลางที่จะรวบรวมความเก่งของแต่ละอุตสาหกรรม หรือจังหวัด ให้เกิดความเป็นหนึ่ง และเกิดยุทธศาสตร์ที่สำคัญและต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของประเทศที่รัฐบาลมีดีด้วย และต้องเป็นคนกลางที่สามารถสื่อสารสิ่งเหล่านี้ให้รัฐบาลเข้าใจหรือเข้าไปต่อรอง หรือคุยกับรัฐบาล เพื่อให้เดินไปในทางเดียวกัน ให้เกิดThailand Team ให้ได้
นโยบายหลักหากได้รับการเลือกเป็นประธานสภาอุตฯ
สิ่งที่อยากเห็นคือ อยากเห็นสภาอุตฯ เป็นที่พึ่งหลักของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรม ซึ่งการที่จะพึ่งเราได้ เราต้องมีความแข็งแรงจากภายในก่อน และเราต้องมีไอเดียที่ดีที่ต้องปฏิบัติได้ และต้องเป็นแขนขาให้กับทางภาครัฐในการทำให้นโยบายภาครัฐประสบความสำเร็จเป็นรูปธรรม
ซึ่งคนที่มาทำต้องเป็นคนที่มีจิตอาสาและเป็นคนที่มีใจเป็นกลาง ยึดประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่าส่วนตน และเป็นคนที่ทุกคนยอมรับ ถ้าทำได้สภาฯก็จะเป็นหนึ่งและมียุทธศาสตร์ที่แข็งแกร่งและชัดเจน และต้องเป็นคนที่สามารถไปคุยกับรัฐบาลหรือรับนโยบายรัฐบาลมาแล้ว ต้องมาแจกแจงว่า ทำอย่างไรให้นโยบายนี้เป็นรูปธรรมเป็นแขนขาให้รัฐบาลให้ได้ และผมเชื่อว่า ผมพร้อมที่จะเป็นคนคนนี้ ถ้าสภาอุตสาหกรรมยังไม่มีแคนดิเดทคนไหนที่สามารถทำตรงนี้ได้ ผมก็พร้อมยินดีที่จะทำ และผมก็เชื่อว่าถ้ามีคนที่ดีกว่า ในฐานะที่ผมเป็นสมาชิกคนหนึ่ง ผมก็ยินดีที่จะสนับสนุนคนคนนั้น และวันนี้ก็ไม่ใช่มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน แต่เป็นการช่วยกันให้สภาอุตสาหกรรมเจริญรุ่งเรือง เป็นเสาหลักของประเทศ เป็นที่พึ่งของสมาชิกทุกคน
การหาเสียงสนับสนุน
หลังจากที่มีการประกาศความพร้อมแล้ว เราจะไปคุยกับแต่ละกลุ่มสมาชิก เพื่อให้เค้าเข้าใจผมมากขึ้น ว่าไอเดียของผมคืออะไร การทำงานเชิงรุกเป็นอย่างไร การทำงานที่โปร่งใสเป็นอย่างไร หรือแม้กระทั่งว่า ถ้าเราทำงานแบบนี้แล้วเราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง หรือทำให้คนที่แข็งแรงแข็งแรงขึ้นได้อย่างไร ถ้าเค้าเข้าใจอย่างน้อยก็ทำให้เข้าใจไอเดีย และประสบการณ์ที่ต้องการแชร์ออกไป
หลังจากนั้นสมาชิกทุกท่านก็ต้องใช้วิจารญาณของตนเอง ใช้เสียงที่มี มาพิจารณาว่า คนที่เสนอตัวทำหน้าที่นี้ ใครบ้างที่มีคุณสมบัติตามที่สมาชิกอยากได้ ถ้าสมาชิกเห็นว่าผมเหมาะสม ผมก็อยากทำสิ่งที่ผมตั้งใจไว้ให้สำเร็จเพื่อสภาอุตสาหกรรมทั้งหมด ผมก็ยินดีที่จะเข้ามาทำงานนี้ เพื่อให้งานนี้ประสบความสำเร็จจริงจังอย่างมีเจตนารมณ์ไว้
สิ่งแรกที่จะทำหลังได้รับการเลือก
สิ่งแรกที่จะทำในการกำหนดนโยบายเร่งด่วน คือการให้สมาชิกมาหารือกันก่อน วันนี้เราอาจมองว่าเรื่องพลังงานเป็นเรื่องสำคัญแต่อาจมีเรื่องอื่นสำคัญอีกก็ได้ ดังนั้นจะนำทุกคนทุกกลุ่ม ทั้งสมาชิกอุตสาหกรรมจังหวัดมานั่งคุยกันว่า อะไรเป็นสิ่งที่สำคัญ นำมาชั่งน้ำหนักก่อน ซึ่งเป็นได้แล้วจะกำหนดว่าเรื่องไหนสำคัญก่อนหลัง แล้วเราจะมาลงรายละเอียดกันว่า แต่ละเรื่องจะทำอย่างไร แล้วค่อยไปคุยกับรัฐบาลอย่างมีรูปแบบที่ชัดเจน ซึ่งจะใช้เวลาไม่นานในการหาข้อสรุป เพราะสมาชิกทุกคนเป็นผู้ประกอบการที่เป็นมืออาชีพ มีประสบการณ์
การตัดสินใจมาครั้งนี้เรามาเองหรือมีคนสนับสนุน
การตัดสินใจมาตรงนี้ เพราะผมเห็นช่องว่างที่สภาอุตสาหกรรม น่าจะต้องมีการพัฒนาต่อไป เลยอยากออกมาเสนอตรงนี้ และทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งก็มีทั้งคนสนับสนุนและไม่สนับสนุน ผมเองจริงๆก็โดนทาบทามมาหลายครั้งคิดหลายรอบ เพราะภาระหน้าที่ของตัวเองก็มากแต่คิดว่า ถ้าไม่ทำวันนี้ ภาพใหญ่ก็ต้องเดินลำบาก พอเรามาชั่งน้ำหนักหลายเรื่อง เลยคิดว่าเราควรที่จะต้องสมัคร เพื่อให้ทุกคนได้ยินและมาทำงานอย่างที่มีการเปลี่ยนแปลง
เรามองการเลือกตั้งครั้งนี้จะรุนแรงเหมือนในอดีตหรือไม่
เรามองว่าการเลือกตั้งเป็นเรื่องที่สร้างสรรค์ เราไม่คิดว่าการสาดโคลนกันมาจะทำให้สภาอุตสาหกรรมเติบโตได้อย่างไร ถ้าเราเริ่มต้นจากที่ว่าคนนั้นดีคนนี้ไม่ดี มันก็แตกแยกตั้งแต่วันแรกที่เราเริ่ม ดังนั้นวันนี้เราควรมาหารือกันว่า สภาอุตสาหกรรมควรเป็นอย่างไร จะทำอย่างไรให้สภาเดินไปข้างหน้า ดังนั้นผมมั่นใจว่ามีแนวคิดนี้ และที่บอกไปแล้วว่า ถ้าได้เป็นประธานสภาอุตสาหกรรม จะSet Zero เรื่อง ใครพวกใครก่อน ทุกคนคือสมาชิก ผมมีหน้าที่รับใช้สมาชิกทุกคน ทำให้เชื่อว่า ความแตกแยกไม่เกิดขึ้น
จะแบ่งเวลาในการทำงานให้กับสภาฯอย่างไร
เนื่องจากสภาอุตสาหกรรมไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง สภาฯเป็นของทุกคนและทุกคนที่อยู่ในสภาฯมีดีทุกคน ดังนั้นการทำงานในยุคของผม คือการกระจายให้ทุกคนได้ใช้ความรู้ประสบการณ์ของตัวเองในการแต่ละอุตสาหกรรมที่เค้าอยู่ ให้เป็นประโชน์ต่อสภาและประเทศชาติของเรา ดังนั้นถ้าสามารถกระจายงานให้ไปอยู่กับคนที่มีความชำนาญในงานนั้นๆ และผมทำหน้าที่เหมือนคนคุมวงให้วงดนตรีนี้เดินไปด้วยกัน งานนี้จะเดินได้โดยที่ไม่ต้องไปโหลดคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นการกระจายโหลด ส่วนงานที่ต้องเจอก็เตรียมใจแล้วว่าหนักก็ต้องสู้