จับประเด็นหุ้นเด่น

สัมภาษณ์พิเศษ : “สมโภชน์ อาหุนัย” ผู้ท้าชิง ประธาน ส.อ.ท.คนที่ 17


01 มีนาคม 2567
สัมภาษณ์พิเศษ “สมโภชน์ อาหุนัย”ผู้ท้าชิง .jpg

“สมโภชน์ อาหุนัย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA)  ประกาศลงท้าชิงประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)   ซึ่งเหตุผลในการลงชิงตำแหน่ง และความตั้งใจในการพัฒนาองค์กรจะเป็นอย่างไร ไปติดตามแนวคิดและมุมมองเหล่านี้กัน


สาเหตุที่ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานสภาอุตสาหกรรม
วันนี้ผมพร้อมสมัครเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เพราะเป็นโอกาสที่ดี ที่จะได้นำความรู้ประสบการณ์ความสามารถมาแบ่งปันและช่วยเพื่อนสมาชิกในอุตสาหกรรมอื่นๆ และอยากเป็นคนที่จะนำเสนอ  เป็นฟันเฟืองตัวหนึ่งที่จะไปเชื่อมส.อ.ท.กับภาครัฐ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้ Thailand Team ที่จะต้องเกิดขึ้นในประเทศไทย  เพื่อให้ประเทศไทย หลุดพ้นจากประเทศที่มีรายได้ปานกลางในวันนี้

นโยบายของทีมคุณสมโภชน์ จะเป็นอย่างไร
ผมอยากเห็นความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  ความสามัคคี  และเห็นความเท่าเทียมระหว่างอุตสาหกรรมต่างๆทั้งภายในจังหวัด  ต่างจังหวัด  และกระทั่งส่วนกลาง ทุกคนจะต้องร่วมมือกัน ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์สุงสุดของส.อ.ท.และของประเทศชาติร่วมกัน   

ผมจะทำหน้าที่เป็นคนกลางในการประสาร เพื่อหาจุดสมดุลระหว่างอุตสาหกรรมต่างๆ  และระหว่างสมาชิกต่างๆ เพื่อให้เกิดบทสรุปที่ชัดเจน และนำสิ่งเหล่านี้ไปปฎิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรม 

ที่ผ่านมาการทำงานยังขาดความเป็นเอกภาพหรือไม่
สภาอุตสาหกรรมเกิดจากการร่วมตัวของอุตสาหกรรมต่างๆ เหมือนกับการเล่นวงดนตรี  ที่มีทั้งกีตาร์ กลอง เปียโน  ซึ่งหากไม่สามารถควบคุมให้การเล่นดนตรี เกิดเป็นเพลงที่เพาะได้  ก็เหมือนสภาอุตสาหกรรมวันนี้ ทุกคนมีความสามารถแต่ไม่มีคนกลางที่จะรวบรวมความเก่งของแต่ละอุตสาหกรรม หรือจังหวัด ให้เกิดความเป็นหนึ่ง และเกิดยุทธศาสตร์ที่สำคัญและต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของประเทศที่รัฐบาลมีดีด้วย และต้องเป็นคนกลางที่สามารถสื่อสารสิ่งเหล่านี้ให้รัฐบาลเข้าใจหรือเข้าไปต่อรอง  หรือคุยกับรัฐบาล เพื่อให้เดินไปในทางเดียวกัน ให้เกิดThailand Team  ให้ได้

นโยบายหลักหากได้รับการเลือกเป็นประธานสภาอุตฯ
สิ่งที่อยากเห็นคือ อยากเห็นสภาอุตฯ เป็นที่พึ่งหลักของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรม ซึ่งการที่จะพึ่งเราได้ เราต้องมีความแข็งแรงจากภายในก่อน และเราต้องมีไอเดียที่ดีที่ต้องปฏิบัติได้ และต้องเป็นแขนขาให้กับทางภาครัฐในการทำให้นโยบายภาครัฐประสบความสำเร็จเป็นรูปธรรม   

ซึ่งคนที่มาทำต้องเป็นคนที่มีจิตอาสาและเป็นคนที่มีใจเป็นกลาง ยึดประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่าส่วนตน และเป็นคนที่ทุกคนยอมรับ  ถ้าทำได้สภาฯก็จะเป็นหนึ่งและมียุทธศาสตร์ที่แข็งแกร่งและชัดเจน และต้องเป็นคนที่สามารถไปคุยกับรัฐบาลหรือรับนโยบายรัฐบาลมาแล้ว ต้องมาแจกแจงว่า ทำอย่างไรให้นโยบายนี้เป็นรูปธรรมเป็นแขนขาให้รัฐบาลให้ได้  และผมเชื่อว่า ผมพร้อมที่จะเป็นคนคนนี้ ถ้าสภาอุตสาหกรรมยังไม่มีแคนดิเดทคนไหนที่สามารถทำตรงนี้ได้ ผมก็พร้อมยินดีที่จะทำ  และผมก็เชื่อว่าถ้ามีคนที่ดีกว่า ในฐานะที่ผมเป็นสมาชิกคนหนึ่ง ผมก็ยินดีที่จะสนับสนุนคนคนนั้น และวันนี้ก็ไม่ใช่มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน แต่เป็นการช่วยกันให้สภาอุตสาหกรรมเจริญรุ่งเรือง เป็นเสาหลักของประเทศ  เป็นที่พึ่งของสมาชิกทุกคน 

การหาเสียงสนับสนุน
หลังจากที่มีการประกาศความพร้อมแล้ว  เราจะไปคุยกับแต่ละกลุ่มสมาชิก  เพื่อให้เค้าเข้าใจผมมากขึ้น ว่าไอเดียของผมคืออะไร  การทำงานเชิงรุกเป็นอย่างไร  การทำงานที่โปร่งใสเป็นอย่างไร หรือแม้กระทั่งว่า ถ้าเราทำงานแบบนี้แล้วเราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง  หรือทำให้คนที่แข็งแรงแข็งแรงขึ้นได้อย่างไร ถ้าเค้าเข้าใจอย่างน้อยก็ทำให้เข้าใจไอเดีย และประสบการณ์ที่ต้องการแชร์ออกไป 
หลังจากนั้นสมาชิกทุกท่านก็ต้องใช้วิจารญาณของตนเอง  ใช้เสียงที่มี มาพิจารณาว่า คนที่เสนอตัวทำหน้าที่นี้ ใครบ้างที่มีคุณสมบัติตามที่สมาชิกอยากได้  ถ้าสมาชิกเห็นว่าผมเหมาะสม  ผมก็อยากทำสิ่งที่ผมตั้งใจไว้ให้สำเร็จเพื่อสภาอุตสาหกรรมทั้งหมด  ผมก็ยินดีที่จะเข้ามาทำงานนี้ เพื่อให้งานนี้ประสบความสำเร็จจริงจังอย่างมีเจตนารมณ์ไว้ 

สิ่งแรกที่จะทำหลังได้รับการเลือก
สิ่งแรกที่จะทำในการกำหนดนโยบายเร่งด่วน  คือการให้สมาชิกมาหารือกันก่อน วันนี้เราอาจมองว่าเรื่องพลังงานเป็นเรื่องสำคัญแต่อาจมีเรื่องอื่นสำคัญอีกก็ได้  ดังนั้นจะนำทุกคนทุกกลุ่ม ทั้งสมาชิกอุตสาหกรรมจังหวัดมานั่งคุยกันว่า อะไรเป็นสิ่งที่สำคัญ  นำมาชั่งน้ำหนักก่อน  ซึ่งเป็นได้แล้วจะกำหนดว่าเรื่องไหนสำคัญก่อนหลัง แล้วเราจะมาลงรายละเอียดกันว่า แต่ละเรื่องจะทำอย่างไร แล้วค่อยไปคุยกับรัฐบาลอย่างมีรูปแบบที่ชัดเจน ซึ่งจะใช้เวลาไม่นานในการหาข้อสรุป  เพราะสมาชิกทุกคนเป็นผู้ประกอบการที่เป็นมืออาชีพ  มีประสบการณ์   

การตัดสินใจมาครั้งนี้เรามาเองหรือมีคนสนับสนุน
การตัดสินใจมาตรงนี้ เพราะผมเห็นช่องว่างที่สภาอุตสาหกรรม น่าจะต้องมีการพัฒนาต่อไป  เลยอยากออกมาเสนอตรงนี้  และทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งก็มีทั้งคนสนับสนุนและไม่สนับสนุน ผมเองจริงๆก็โดนทาบทามมาหลายครั้งคิดหลายรอบ เพราะภาระหน้าที่ของตัวเองก็มากแต่คิดว่า ถ้าไม่ทำวันนี้ ภาพใหญ่ก็ต้องเดินลำบาก พอเรามาชั่งน้ำหนักหลายเรื่อง เลยคิดว่าเราควรที่จะต้องสมัคร เพื่อให้ทุกคนได้ยินและมาทำงานอย่างที่มีการเปลี่ยนแปลง 

เรามองการเลือกตั้งครั้งนี้จะรุนแรงเหมือนในอดีตหรือไม่ 
เรามองว่าการเลือกตั้งเป็นเรื่องที่สร้างสรรค์  เราไม่คิดว่าการสาดโคลนกันมาจะทำให้สภาอุตสาหกรรมเติบโตได้อย่างไร ถ้าเราเริ่มต้นจากที่ว่าคนนั้นดีคนนี้ไม่ดี มันก็แตกแยกตั้งแต่วันแรกที่เราเริ่ม  ดังนั้นวันนี้เราควรมาหารือกันว่า สภาอุตสาหกรรมควรเป็นอย่างไร จะทำอย่างไรให้สภาเดินไปข้างหน้า  ดังนั้นผมมั่นใจว่ามีแนวคิดนี้  และที่บอกไปแล้วว่า ถ้าได้เป็นประธานสภาอุตสาหกรรม จะSet Zero เรื่อง ใครพวกใครก่อน ทุกคนคือสมาชิก  ผมมีหน้าที่รับใช้สมาชิกทุกคน ทำให้เชื่อว่า ความแตกแยกไม่เกิดขึ้น  

จะแบ่งเวลาในการทำงานให้กับสภาฯอย่างไร
เนื่องจากสภาอุตสาหกรรมไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง  สภาฯเป็นของทุกคนและทุกคนที่อยู่ในสภาฯมีดีทุกคน ดังนั้นการทำงานในยุคของผม คือการกระจายให้ทุกคนได้ใช้ความรู้ประสบการณ์ของตัวเองในการแต่ละอุตสาหกรรมที่เค้าอยู่ ให้เป็นประโชน์ต่อสภาและประเทศชาติของเรา  ดังนั้นถ้าสามารถกระจายงานให้ไปอยู่กับคนที่มีความชำนาญในงานนั้นๆ  และผมทำหน้าที่เหมือนคนคุมวงให้วงดนตรีนี้เดินไปด้วยกัน  งานนี้จะเดินได้โดยที่ไม่ต้องไปโหลดคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นการกระจายโหลด  ส่วนงานที่ต้องเจอก็เตรียมใจแล้วว่าหนักก็ต้องสู้
EA