จากการรวบรวมข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่าการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป) 100 อันดับแรกในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 หุ้น CPAXT หรือ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) เป็นหุ้นที่มีราคาปรับตัวขึ้นมากสุด 16.67% ปัจจัยที่สนับสนุนน่าจะเป็นผลประกอบการออกมาดีกว่าที่โบรกเกอร์คาดการณ์ไว้ และมีการปรับประมาณการกำไรปีนี้เพิ่มขึ้นอีกด้วย
ทั้งนี้ยังพบว่าหุ้นใหญ่ที่มีราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินกว่า 10% มีจำนวน 5 บริษัท ประกอบด้วย
หุ้น | ราคาเพิ่มขึ้น(%) |
---|---|
CPAXT | 16.67 |
TRUE | 16.53 |
PTTGC | 13.43 |
GLOBAL | 11.84 |
CPALL | 10.05 |
ขณะที่โบรกเกอร์ได้สรุปภาพรวมตลาดหุ้นไทยในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 และประเมินแนวโน้มในเดือนมีนาคม 2567 น่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น โดย บล.บัวหลวง ระบุว่า ภาพรวมเดือนก.พ. ดัชนีปิดที่ 1,370.67 จุด ผลตอบแทนรายเดือน +0.19% แทบไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่วอลุ่มซื้อขายเฉลี่ยลดลงจากเดือนที่แล้วเล็กน้อยอยู่ที่ 6 หมื่นล้านบาท โดยดัชนีทำจุดสูงสุดที่ 1,381.37 และจุดต่ำสุดที่ 1,366.93......“ปิดใกล้ low”
สถานการณ์ปัจจุบัน SET Index ภาพรายเดือนปิดต่ำลงมาสู้ที่ low อย่างไรก็ตามโครงสร้างระยะกลาง ผ่านมาแล้ว 3 เดือนยังคงเคลื่อนที่ sideway ออกข้าง ขณะที่ MACD alert! ส่งสัญญาณเตือนการปรับฐาน ดังนั้นแนวรับ 1,350 ต้องยืนให้ได้ ห้ามหลุดเป็นอันขาด ต้าน 1,400 จุด และ 1,430 จุด ตามลำดับ
ด้าน บล.ทรีนีตี้ประเมินว่า ภาพตลาดหุ้นไทยในเดือนมีนาคม คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ได้ไม่ยาก โดยมีปัจจัยหนุนอยู่หลายปัจจัยดังนี้
1) การเริ่มต้นบังคับใช้มาตรการฟรีวีซ่าระหว่างไทย-จีน ซึ่งน่าจะทําให้มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อย
2) ความคาดหวังต่อการใช้จ่ายภาครัฐที่สูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการลงทุน หลังพ.ร.บ.งบประมาณฉบับใหม่มีโอกาสถูกประกาศใช้เร็วขึ้น โดยทั้งเดือนมีนาคมนี้ คาดว่าจะเห็นพัฒนาการเชิงบวกจากสภาล่างและสภาสูงอย่างต่อเนื่อง
3) ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่สูงขึ้น โดยเฉพาะนักลงทุนทั่วไปในประเทศ หลังตลท.เริ่มมีการปรับตัวที่ Active มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นมาตรการจํากัดธุรกรรม Short selling หรือ Program trading รวมไปถึงการเปิดเผยข้อมูลที่สําคัญต่างๆ
4) Fund flow ที่น่าจะเริ่มกลับเข้ามาเป็นบวกมากขึ้น หลังผ่านพ้นการปรับตะกร้าของดัชนี MSCI ในช่วงสิ้นเดือนที่ผ่านมา ซึ่งในรอบนี้ตลาดหุ้นไทยถูกลดนํ้าหนักลงเล็กน้อยในตะกร้า MSCI EM
5) Valuation ของตลาดหุ้นไทยที่ลงมาอยู่ในโซนที่น่าสนใจแล้ว สะท้อนผ่าน Earning yield gap ที่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง และ Relative PE ระหว่างหุ้นไทยกับหุ้น ASEAN ที่ลงมาอยู่ตํ่ากว่าค่าเฉลี่ยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
6) การปรับลดประมาณการกําไรบริษัทจดทะเบียนของไทยที่น่าจะสิ้นสุดลงชั่วคราว หลังผ่านพ้นเทศกาลประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/66 ไปเป็นที่เรียบร้อย
- Fed : สําหรับปัจจัยอื่นที่น่าติดตามในเดือนมีนาคมนี้ ได้แก่ การประชุม FOMC ซึ่งจะทราบผลในช่วงดึกคืนวันที่ 20 มี.ค.ตามเวลาบ้านเรา ซึ่งคงจะไม่มี Surprise อะไรมากนักแล้ว หลังจากที่ปัจจุบันนักลงทุนได้ Price in เกือบ 100% แล้วว่า Fed จะมีมติคงดอกเบี้ยในรอบนี้ อย่างไรก็ดี มีปัจจัยที่ต้องติดตามได้แก่ คาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจและประมาณการ Dot plots รอบใหม่ที่จะออกมาในครั้งนี้
- Strategy : ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของ SET ในเดือนนี้จะมีแนวรับแรกอยู่ที่ 1370 จุด และแนวรับสําคัญอยู่ที่ 1340 จุด ในทางกลับกัน ประเมินแนวต้านแรกที่ 1410 จุด และแนวต้านสําคัญ 1440 จุด ในเชิงกลยุทธ์ แนะนํานักลงทุนที่เพิ่มนํ้าหนักหุ้นไทยไปแล้วเมื่อวานนี้ที่ระดับดัชนี 1370 จุด สามารถถือครองหุ้นในส่วนดังกล่าวได้ มองระดับดัชนีปัจจุบันมีระดับ Risk-Reward ที่เริ่มน่าสนใจแล้ว
- Theme & Picks : มองกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจประจําเดือนนี้ ได้แก่ กลุ่มที่เห็นโมเมนตัมของการปรับเพิ่มประมาณการกําไรปีนี้อย่างแข็งแกร่งในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางเข้ามาของชาวต่างชาติ และ Mobility ของผู้คนที่สูงขึ้น ได้แก่
. 1) กลุ่มโรงแรม ได้แก่ MINT, CENTEL, ERW
. 2) กลุ่มค้าปลีก ได้แก่ CPALL, CPAXT, BJC
. 3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, BCH, PR9
. 4) กลุ่มสื่อสาร ADVANC, TRUE
- Trading buy : ส่วนกลุ่มที่น่าสนใจสําหรับการเก็งกําไรไปตามปัจจัยแวดล้อม ได้แก่ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (ตามความคาดหวังการเบิกจ่ายภาครัฐ) และกลุ่มธุรกิจหลักทรัพย์ (ตามวอลุ่มการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยที่สูงขึ้น)