SABUY งบปี 66 รายได้รวม 9.6 พันลบ. เติบโต 80% เผยเตรียมปรับโครงสร้างครั้งใหญ่
บมจ. สบาย เทคโนโลยี หรือ “SABUY” เผยเตรียมปรับกลยุทธ์โครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ พร้อมเผยแผนเดินหน้าขยายการลงทุนใหม่ มั่นใจช่วยเสริมพอร์ตแกร่ง โดยมุ่งเน้นธุรกิจหลัก 5 ตัวคือ SABUY, SBNEXT, PTECH, SABUY SPEED (กลุ่มธุรกิจ Drop-Off) และ Asphere
นายชูเกียรติ รุจนพรพจี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “กลุ่มบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 9.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 80% จากปีก่อน โดยแบ่งเป็น
- รายได้จากการให้บริการอยู่ที่ 2.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% จากธุรกิจ SPEED, SABUY Alliance, BzB, iSoftel และ Marketing Oops ในขณะที่ธุรกิจเดิมเช่น ตู้เติมเงินค่อนข้างตึงตัวอย่างต่อเนื่องประกอบกับรายได้ตู้เติมเงินจะมาจาก banking agent เพิ่มขึ้นทำให้รายได้ที่ SABUY Money เพิ่มขึ้นพอควร
- รายได้จากการขายอยู่ที่ 6.2 พันล้าน เพิ่มขึ้น 131% จากธุรกิจ SBNEXT, VDP, SABUY Market & Food, บัตรพลาสติค (PTECH), BzB, LOVLS
- รายได้จากการให้บริการตามสัญญาและดอกเบี้ยรับอยู่ที่ 577 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59% โดยหลักจากธุรกิจ LOVLS ที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด และ SBNEXT ที่เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัว ในขณะที่ SBT ลดลงเล็กน้อย
แม้ว่าผลการขาดทุนในไตรมาส 4 ที่ 574 ล้านบาท ส่งผลให้เกิดผลการขาดทุนในปี 2566 ที่ 190 ล้านบาท แต่เป็นผลมาจากสภาวะสภาพคล่องของบริษัทจดทะเบียนหลายบริษัทในตลท. ส่งผลให้สถานการณ์ตลาดเงินและตลาดหุ้นกู้ที่บจ. หลายบริษัทไม่ชำระ หรือเลื่อนการชำระออกไป ประกอบกับธนาคารพาณิชย์คุมเข้มเรื่องการปล่อยสินเชื่อและคอยดูว่าบจ.ต่างๆ สามารถคืนหุ้นกู้ได้หรือไม่ SABUY จึงเลือกขายเงินลงทุนที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก (non-core) ตลอดจนธุรกิจที่อาจต้องใช้เวลาในการสร้างมูลค่า และได้ขายเงินลงทุน 12% ใน TKC ในไตรมาส 4/2566 และ 4% ที่เหลือในไตรมาส 1/2567 โดยมุ่งเน้นการรักษาสภาพคล่องของกลุ่มบริษัทเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ส่งผลให้บริษัทขาดทุนจากการลงทุนดังกล่าวเป็นจำนวนประมาณ 640ล้านบาท และมีการบันทึกไว้ในไตรมาส 4/2566 แล้ว
สำหรับบริษัท SBNEXT ตลอดจนบริษัทในกลุ่มเช่น Alpine, Safe Trade และ เธียรสุรัตน์ลิสซิ่ง (TSRL) กลุ่มบริษัทตัดสินใจเพิ่มระดับความเข้มงวดในการให้สินเชื่อลูกหนี้รายย่อย ส่งผลให้เกิดการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญในปี 2566 ในปริมาณถึง 140 ล้านบาท อีกทั้งเป็นการตั้งสำรองที่อาจเกิดผลกระทบในปี 2567
ในส่วนของ SBNEXT มีการเปลี่ยนวิธีบันทึกมูลค่าที่ดินจากราคาทุนเป็นมูลค่าที่ตีใหม่ในไตรมาส 3/66 ส่งผลให้มีการรับรู้การขาดทุนจากการตีมูลค่าที่ดินในไตรมาส 4/2566 จำนวน 43 ล้านบาท ทั้งนี้ SBNEXT อยู่ในระหว่างการดำเนินการปรับปรุงการใช้ประโยชน์ของที่ดิน (คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 1/2567) ซึ่งคาดว่าจะสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้ในปี 2567
นอกจากนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน กลุ่มบริษัทฯ ได้ลงทุนในการพัฒนาระบบต่างๆ เพื่อลดการพึ่งพาและเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านบุคคลากร การลงทุนดังกล่าวสามารถทำให้กลุ่มบริษัทฯ สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต โดยค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นค่าใช้จ่ายในส่วนของการพัฒนาระบบ IT ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนอยู่ประมาณ 150-200 ล้านบาท และทยอยรับรู้ตั้งแต่ไตรมาส 4/2566 เป็นต้นไป
ด้านเป้าหมายการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทฯ มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร ลดค่าใช้จ่ายและลดความซ้ำซ้อน กลุ่มจะมุ่งเน้นและบริหารจัดการอย่างเข้มงวด โดยตัดสินใจปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ ซึ่งมุ่งเน้นธุรกิจหลัก 5 ตัวคือ SABUY, SBNEXT, PTECH, SABUY SPEED (กลุ่มธุรกิจ Drop-Off) และ Asphere ขยายตลาดไปยัง segment อื่น ขยายผลิตภัณฑ์ และการขยาย cross sell ภายในกลุ่มบริษัทฯ เพื่อครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภคได้รอบด้านมากขึ้นนั้น จึงส่งผลให้กระแสรายได้ของบริษัทฯ (Revenue Momentum) ให้มีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต และตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายพนักงานลงไปได้ประมาณ 200-250 ล้านบาท ในปี 2567 เช่น ค่าบุคลากร อาคารสถานที่ ซึ่งค่าใช้จ่ายดังกล่าวมีอยู่ประมาณ 35 ล้านบาท
ทั้งนี้จากการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 5/2567 เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา คณะกรรมการฯ มีมติเห็นชอบงดจัดสรรกำไรสุทธิเป็นทุนสำรองตามกฎหมายและงดจ่ายเงินปันผลประจำปี 2566
ยอดนิยม

VIH ซื้อหุ้นคืน 26.66 ล้านหุ้น ใช้เงินสดส่วนเกิน ยืนยันไม่เกี่ยวเงินเพิ่มทุน สาเหตุราคาหุ้นไม่สะท้อนปัจจัยพื้นฐาน ตั้งเป้าทำนิวไฮใหม่ปีนี้

13 มีนาคมนี้!!! ผู้ถือหุ้น MC รับเงินปันผลบานฉ่ำ !!!
.jpg)
“นิปปอนเพนต์” ก้าวล้ำวงการสีด้วยพลัง AI! ส่งสุดยอดแพ็กคู่โซลูชัน “น้องนิปปอน” และ “Colour Design”

เบเยอร์ เขย่าวงการธุรกิจสีทาอาคาร สำเร็จเจ้าแรก! ใช้เทคโนโลยีล้ำ AI OCR อ่านบิลเขียนมือได้ รันแคมเปญใหญ่ "ลดเดือดรับ Summer แจกไม่ยั้ง!"
