จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : PTG ดันธุรกิจ NON Oil บุกตลาด CLMV หนุนยอดขายแบรนด์กาแฟไทยโตแกร่ง
05 มีนาคม 2567
บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) ดันธุรกิจ Non Oil โดยเฉพาะกาแฟพันธุ์ไทย เติบโตในตลาดต่างประเทศ นำร่องสาขาแรก สปป.ลาว มั่นใจยอดขายเติบโตตามเป้า
CLMV คือกลุ่มประเทศที่ประกอบไปด้วย 4 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา (Cambodia) ลาว (Laos) เมียนมาร์ (Myanmar) และเวียดนาม (Vietnam) ต่อมา CLMV ได้รวมประเทศไทย (Thailand) เพิ่มเข้ามาเป็นประเทศที่ 5 กลายเป็น CLMVT เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญทางเศรษฐกิจและการเมืองในภูมิภาคและอนุภูมิภาคดังกล่าว
ซึ่งกลุ่มประเทศ CLMV มีประชากรรวมกันกว่า 175 ล้านคน และกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยส่วนใหญ่อยู่ในวัยหนุ่มสาว ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงทางด้านประชากร นับเป็นกำลังผลักดันความต้องการสินค้าและบริการ และสร้างโอกาสใหม่สำหรับธุรกิจและนักลงทุน
การเติบโตอย่างต่อเนื่องของประเทศเพื่อนบ้าน อย่างสปป.ลาว เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี หรือPTG ตัดสินใจขยายธุรกิจ Non Oil โดยเฉพาะร้านกาแฟพันธุ์ไทย ไปเปิดสาขาแรกในต่างประเทศที่สปป.ลาว โดยร่วมมือกับบริษัท มัลติเพล็กซ์ จำกัด สปป.ลาว ผู้ได้รับสิทธิ์บริหารร้านกาแฟแบรนด์ "ปันคาเฟ่" ภายใต้การบริหารของ บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด เปิดสาขาแรกบนทำเลศักยภาพภายในสถานีรถไฟความเร็วสูงเวียงจันทน์ ขบวนรถไฟโดยสารข้ามประเทศระหว่างนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว กับ นครคุนหมิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน
ซึ่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด “สุขวสา ภูชัชวนิชกุล” ระบุว่า กาแฟพันธุ์ไทย เติบโตอย่างก้าวกระโดดจากการขยายสาขาทั่วประเทศไทย ในปัจจุบันพันธุ์ไทยมีจำนวนกว่า 900 สาขา
การเปิดประตูสู่ตลาดอาเซียน โดยปักหมุดที่ สปป.ลาว เป็นประเทศแรกนี้ เพราะเล็งเห็นศักยภาพทางเศรษฐกิจ เป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกัน มีความคล้ายคลึงกันทั้งด้านภาษาและวัฒนธรรม ทำให้การติดต่อสื่อสารและการเดินทางขนส่งเป็นไปได้ง่าย อีกทั้งยังมีโอกาสเติบโตในระยะยาวจากหลากหลายปัจจัย ทั้งการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว การเปิดให้บริการรถไฟความเร็วสูง สปป.ลาว-จีน ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย เป็นส่วนหนึ่งของระเบียงเศรษฐกิจจีน-อินโดจีนที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ประกอบกับรัฐบาลของ สปป. ลาวได้ตั้งเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจถึง 4.5% ในปี 2567 เพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์ที่ 4.2% ในปี 2566 กาแฟพันธุ์ไทยจึงเชื่อมั่นว่า จะสามารถขยายกลุ่มตลาดลูกค้าใหม่ๆ และสร้างยอดขายให้เติบโต พร้อมผลักดันให้แบรนด์กาแฟไทยก้าวไปไกลขึ้นอีกขั้น
นางสาวอิงคลดา ไชเจริญทรัพย์ กรรมการ บริษัท มัลติเพล็กซ์ จำกัด (สปป.ลาว) ผู้ได้รับสิทธิ์บริหารร้านกาแฟแบรนด์ ปันคาเฟ่ กล่าวว่า ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มองหาแบรนด์ต่างประเทศใหม่ๆ ที่มีศักยภาพทั้งด้านคุณภาพ ความนิยม และการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ เพื่อนำมาบุกเบิกเปิดตลาดใน สปป. ลาว ซึ่งกาแฟพันธุ์ไทยตอบโจทย์ทั้งด้านรสชาติที่อร่อย ถูกปากลูกค้ากลุ่มประเทศ CLMV ราคาเป็นมิตรจับต้องได้ และระบบการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทำการตลาด แนะนำกลยุทธ์ต่างๆ เรียกได้ว่ามาแบบสำเร็จรูปพร้อมเสิร์ฟให้ลูกค้าอย่างสะดวกสบาย
"สำหรับการตัดสินใจเลือกโลเคชันนี้ในการเปิดสาขาเป็นแห่งแรก เนื่องจากมองเห็นโอกาสและศักยภาพของทำเลที่มีความพร้อม ซึ่งจากข้อมูลของศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS เปิดเผยว่าจีนและลาว เป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่เปิดให้บริการรถไฟความเร็วสูงข้ามประเทศจากเวียงจันทน์ สปป.ลาว ถึงนครคุนหมิงของจีน ในเดือนธันวาคม 2564-ธันวาคม 2566 มีการขนส่งผู้โดยสารมากถึง 24.2 ล้านคน และมีปริมาณการขนส่งสินค้ามากถึง 29.1 ล้านตัน ซึ่งเป็นการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน 6 ล้านตัน
ดังนั้นการขนส่งทั้งสินค้าและผู้โดยสารระหว่างจีน ลาว และไทย จึงเป็นแรงสนับสนุนในการขยายโอกาสทางการค้า การบริการ และการลงทุน กระจายตัวภายในภูมิภาคเดียวกันมากขึ้น ปันคาเฟ่ จึงเชื่อมั่นว่าทำเลดังกล่าวมีศักยภาพที่แข็งแกร่ง ประกอบกับชื่อเสียงของแบรนด์ที่ดีและคุณภาพของสินค้าที่เป็นที่นิยม จะสามารถผลักดันยอดขายและสร้างการเติบโตทางธุรกิจได้ในอนาคต
CLMV คือกลุ่มประเทศที่ประกอบไปด้วย 4 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา (Cambodia) ลาว (Laos) เมียนมาร์ (Myanmar) และเวียดนาม (Vietnam) ต่อมา CLMV ได้รวมประเทศไทย (Thailand) เพิ่มเข้ามาเป็นประเทศที่ 5 กลายเป็น CLMVT เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญทางเศรษฐกิจและการเมืองในภูมิภาคและอนุภูมิภาคดังกล่าว
ซึ่งกลุ่มประเทศ CLMV มีประชากรรวมกันกว่า 175 ล้านคน และกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยส่วนใหญ่อยู่ในวัยหนุ่มสาว ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงทางด้านประชากร นับเป็นกำลังผลักดันความต้องการสินค้าและบริการ และสร้างโอกาสใหม่สำหรับธุรกิจและนักลงทุน
การเติบโตอย่างต่อเนื่องของประเทศเพื่อนบ้าน อย่างสปป.ลาว เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี หรือPTG ตัดสินใจขยายธุรกิจ Non Oil โดยเฉพาะร้านกาแฟพันธุ์ไทย ไปเปิดสาขาแรกในต่างประเทศที่สปป.ลาว โดยร่วมมือกับบริษัท มัลติเพล็กซ์ จำกัด สปป.ลาว ผู้ได้รับสิทธิ์บริหารร้านกาแฟแบรนด์ "ปันคาเฟ่" ภายใต้การบริหารของ บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด เปิดสาขาแรกบนทำเลศักยภาพภายในสถานีรถไฟความเร็วสูงเวียงจันทน์ ขบวนรถไฟโดยสารข้ามประเทศระหว่างนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว กับ นครคุนหมิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน
ซึ่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด “สุขวสา ภูชัชวนิชกุล” ระบุว่า กาแฟพันธุ์ไทย เติบโตอย่างก้าวกระโดดจากการขยายสาขาทั่วประเทศไทย ในปัจจุบันพันธุ์ไทยมีจำนวนกว่า 900 สาขา
การเปิดประตูสู่ตลาดอาเซียน โดยปักหมุดที่ สปป.ลาว เป็นประเทศแรกนี้ เพราะเล็งเห็นศักยภาพทางเศรษฐกิจ เป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกัน มีความคล้ายคลึงกันทั้งด้านภาษาและวัฒนธรรม ทำให้การติดต่อสื่อสารและการเดินทางขนส่งเป็นไปได้ง่าย อีกทั้งยังมีโอกาสเติบโตในระยะยาวจากหลากหลายปัจจัย ทั้งการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว การเปิดให้บริการรถไฟความเร็วสูง สปป.ลาว-จีน ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย เป็นส่วนหนึ่งของระเบียงเศรษฐกิจจีน-อินโดจีนที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ประกอบกับรัฐบาลของ สปป. ลาวได้ตั้งเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจถึง 4.5% ในปี 2567 เพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์ที่ 4.2% ในปี 2566 กาแฟพันธุ์ไทยจึงเชื่อมั่นว่า จะสามารถขยายกลุ่มตลาดลูกค้าใหม่ๆ และสร้างยอดขายให้เติบโต พร้อมผลักดันให้แบรนด์กาแฟไทยก้าวไปไกลขึ้นอีกขั้น
นางสาวอิงคลดา ไชเจริญทรัพย์ กรรมการ บริษัท มัลติเพล็กซ์ จำกัด (สปป.ลาว) ผู้ได้รับสิทธิ์บริหารร้านกาแฟแบรนด์ ปันคาเฟ่ กล่าวว่า ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มองหาแบรนด์ต่างประเทศใหม่ๆ ที่มีศักยภาพทั้งด้านคุณภาพ ความนิยม และการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ เพื่อนำมาบุกเบิกเปิดตลาดใน สปป. ลาว ซึ่งกาแฟพันธุ์ไทยตอบโจทย์ทั้งด้านรสชาติที่อร่อย ถูกปากลูกค้ากลุ่มประเทศ CLMV ราคาเป็นมิตรจับต้องได้ และระบบการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทำการตลาด แนะนำกลยุทธ์ต่างๆ เรียกได้ว่ามาแบบสำเร็จรูปพร้อมเสิร์ฟให้ลูกค้าอย่างสะดวกสบาย
"สำหรับการตัดสินใจเลือกโลเคชันนี้ในการเปิดสาขาเป็นแห่งแรก เนื่องจากมองเห็นโอกาสและศักยภาพของทำเลที่มีความพร้อม ซึ่งจากข้อมูลของศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS เปิดเผยว่าจีนและลาว เป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่เปิดให้บริการรถไฟความเร็วสูงข้ามประเทศจากเวียงจันทน์ สปป.ลาว ถึงนครคุนหมิงของจีน ในเดือนธันวาคม 2564-ธันวาคม 2566 มีการขนส่งผู้โดยสารมากถึง 24.2 ล้านคน และมีปริมาณการขนส่งสินค้ามากถึง 29.1 ล้านตัน ซึ่งเป็นการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน 6 ล้านตัน
ดังนั้นการขนส่งทั้งสินค้าและผู้โดยสารระหว่างจีน ลาว และไทย จึงเป็นแรงสนับสนุนในการขยายโอกาสทางการค้า การบริการ และการลงทุน กระจายตัวภายในภูมิภาคเดียวกันมากขึ้น ปันคาเฟ่ จึงเชื่อมั่นว่าทำเลดังกล่าวมีศักยภาพที่แข็งแกร่ง ประกอบกับชื่อเสียงของแบรนด์ที่ดีและคุณภาพของสินค้าที่เป็นที่นิยม จะสามารถผลักดันยอดขายและสร้างการเติบโตทางธุรกิจได้ในอนาคต