Wealth Sharing
“โนเบิล”ปี 67 ตั้งเป้ารายได้ 14,000 ลบ. จ่อเปิด 7 โครงการใหม่ 22,610 ลบ.
06 มีนาคม 2567
กรุงเทพฯ - บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ หรือ NOBLE ตั้งเป้ารายได้รวมปี2567ที่ระดับ 14,000 ล้านบาท ขณะที่เป้าหมายยอดขาย (Pre-Sales) ลุ้นแตะ 20,600 ล้านบาท ตั้งงบลงทุนไว้ที่ 3,000 ล้านบาท ซื้อที่ดินเพิ่ม 3 แปลง เพื่อขยายอาณาจักรการพัฒนาโครงการใหม่ๆ เพิ่มเติมในอนาคต พร้อมส่งมอบคอนโดฯ สร้างเสร็จใหม่ 4 โครงการซึ่งมียอดขายรวมเฉลี่ยเข้ามาแล้ว 70% เตรียมเสิร์ฟข่าวดีเล็งหา ธุรกิจใหม่ ๆ ร่วมกับพันธมิตร ต่อยอดการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตอบโจทย์ความครบวงจรของกลุ่ม โนเบิลฯ มากยิ่งขึ้น สู่การสร้างมูลค่าเพิ่ม (Synergy) สอดรับความมุ่งมั่นก้าวสู่ระดับ Top 5 ในฐานะผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ไทย
นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) หรือ NOBLE เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้รวมที่ระดับ 14,000 ล้านบาท และยอดขาย (Pre-sales) ไว้ที่ระดับ 20,600 ล้านบาท พร้อมทั้งยังคงมุ่งมั่นก้าวสู่ระดับ Top 5 ในฐานะผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ไทย จึงมีแผนเร่งเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 บริษัทฯ มีแผนซื้อที่ดินเพิ่มอีกจำนวน 3 แปลง โดยวางงบลงทุนไว้ที่ 3,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1. ที่ดินบนทำเล พระราม 9 เพื่อจะพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมแนวสูงมูลค่ากว่า 13,000 ล้านบาท 2. ที่ดินทำเลย่านประชาชื่น เพื่อจะพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียม Low Rise และ 3. ที่ดินบนทำเลบางนา-ตราด ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับกลุ่ม BTS และสหพัฒน์ เพื่อพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว ซึ่งตอกย้ำถึงความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ยังคงแข็งแกร่งและยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้ NOBLE มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 22,610 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบรวมถึงโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise จำนวน 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 6,710 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียมแนวสูงจำนวน 2 โครงการ มูลค่า โครงการรวมกว่า 15,900 ล้านบาท ซึ่งกระจายอยู่ทุกทิศของกรุงเทพฯ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีโครงการคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จใหม่ในปี 2567 จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการนิว โนเบิล รัชดา–ลาดพร้าว 2.โครงการโนเบิล ฟอร์ม ทองหล่อ 3.โครงการนิว คอนเน็กซ์ คอนโด ดอนเมือง และ 4.โครงการนิว คอร์ คูคต สเตชัน ซึ่งปัจจุบันทั้ง 4 โครงการมียอดขายรวมเฉลี่ยแล้ว 70%
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมองหาธุรกิจใหม่ ๆ ที่จะทำร่วมกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญโดยตรง เช่น ธุรกิจบริการพื้นที่เก็บของ (Self-Storage) คาดว่าจะสามารถเปิดเผยรายละเอียดได้เร็ว ๆ นี้ โดยแผนดังกล่าวจะต่อยอดการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้มีความครบวงจรเต็มรูปแบบมากขึ้น ควบคู่กับการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯ ในอนาคต โดยเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม (Synergy) จากวงจรธุรกิจของกลุ่ม โนเบิลฯ ให้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับผลการดำเนินการในปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวมที่ 9,978 ล้านบาท เติบโต 15% YoY และกำไรสุทธิที่ 910 ล้านบาท เติบโต 100% YoY มาจากกำไรของรายได้จากการให้เช่าและบริการที่เพิ่มขึ้น รวมถึงรายได้อื่นที่เพิ่มขึ้นจากการขายเงินลงทุนใน 2 โครงการร่วมทุน ได้แก่ โครงการนิว ดิสทริค อาร์ 9 และโครงการนิว ครอส คูคต สเตชัน ให้กับบริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) รวมถึงได้รับค่าธรรมเนียนการบริหารโครงการ (Management Fee) ค่าธรรมเนียมแรงจูงใจ (Incentive Fee) และค่าธรรมเนียมความสำเร็จของธุรกิจ (Success Fee)
ขณะที่ยอดขาย (Pre-sale) บริษัทฯ มียอดขาย จำนวน 14,929 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากสินค้าสร้างเสร็จพร้อมอยู่ (Inventory) จำนวน 6,633 ล้านบาท และ ยอดขายจากการเปิดตัวโครงการใหม่ รวมถึงโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีกจำนวน 8,296 ล้านบาท โดยปี2566 บริษัทฯ ได้มีการเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 18,900 ล้านบาท และสามารถสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือรวมมูลค่า 19,827 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ภายใน 3 ปีข้างหน้า
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจัดสรรกำไรสุทธิงวดปี 2566 เพื่อจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการงวด 3 เดือนของไตรมาส 4 ปี 2566 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.118 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นผลประกอบการทั้งปี 2566 ที่อัตรารวม 0.399 บาทต่อหุ้น และคิดเป็นอัตราการจ่ายปันผล (Dividend Payout Ratio) ที่ 60.0% โดยหากเทียบกับราคาหุ้นปัจจุบันจะคิดเป็นอัตราผลตอบแทน (Dividend Yield) เท่ากับ 10.5% โดยจะมีการนำเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในการพิจารณาอนุมัติ ในวันที่ 25 เมษายนนี้ เพื่อกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 3 พฤษภาคม และจ่ายเงินปันผลวันที่ 24 พฤษภาคม 2567
นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) หรือ NOBLE เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้รวมที่ระดับ 14,000 ล้านบาท และยอดขาย (Pre-sales) ไว้ที่ระดับ 20,600 ล้านบาท พร้อมทั้งยังคงมุ่งมั่นก้าวสู่ระดับ Top 5 ในฐานะผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ไทย จึงมีแผนเร่งเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 บริษัทฯ มีแผนซื้อที่ดินเพิ่มอีกจำนวน 3 แปลง โดยวางงบลงทุนไว้ที่ 3,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1. ที่ดินบนทำเล พระราม 9 เพื่อจะพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมแนวสูงมูลค่ากว่า 13,000 ล้านบาท 2. ที่ดินทำเลย่านประชาชื่น เพื่อจะพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียม Low Rise และ 3. ที่ดินบนทำเลบางนา-ตราด ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับกลุ่ม BTS และสหพัฒน์ เพื่อพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว ซึ่งตอกย้ำถึงความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ยังคงแข็งแกร่งและยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้ NOBLE มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 22,610 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบรวมถึงโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise จำนวน 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 6,710 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียมแนวสูงจำนวน 2 โครงการ มูลค่า โครงการรวมกว่า 15,900 ล้านบาท ซึ่งกระจายอยู่ทุกทิศของกรุงเทพฯ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีโครงการคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จใหม่ในปี 2567 จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการนิว โนเบิล รัชดา–ลาดพร้าว 2.โครงการโนเบิล ฟอร์ม ทองหล่อ 3.โครงการนิว คอนเน็กซ์ คอนโด ดอนเมือง และ 4.โครงการนิว คอร์ คูคต สเตชัน ซึ่งปัจจุบันทั้ง 4 โครงการมียอดขายรวมเฉลี่ยแล้ว 70%
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมองหาธุรกิจใหม่ ๆ ที่จะทำร่วมกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญโดยตรง เช่น ธุรกิจบริการพื้นที่เก็บของ (Self-Storage) คาดว่าจะสามารถเปิดเผยรายละเอียดได้เร็ว ๆ นี้ โดยแผนดังกล่าวจะต่อยอดการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้มีความครบวงจรเต็มรูปแบบมากขึ้น ควบคู่กับการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯ ในอนาคต โดยเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม (Synergy) จากวงจรธุรกิจของกลุ่ม โนเบิลฯ ให้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับผลการดำเนินการในปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวมที่ 9,978 ล้านบาท เติบโต 15% YoY และกำไรสุทธิที่ 910 ล้านบาท เติบโต 100% YoY มาจากกำไรของรายได้จากการให้เช่าและบริการที่เพิ่มขึ้น รวมถึงรายได้อื่นที่เพิ่มขึ้นจากการขายเงินลงทุนใน 2 โครงการร่วมทุน ได้แก่ โครงการนิว ดิสทริค อาร์ 9 และโครงการนิว ครอส คูคต สเตชัน ให้กับบริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) รวมถึงได้รับค่าธรรมเนียนการบริหารโครงการ (Management Fee) ค่าธรรมเนียมแรงจูงใจ (Incentive Fee) และค่าธรรมเนียมความสำเร็จของธุรกิจ (Success Fee)
ขณะที่ยอดขาย (Pre-sale) บริษัทฯ มียอดขาย จำนวน 14,929 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากสินค้าสร้างเสร็จพร้อมอยู่ (Inventory) จำนวน 6,633 ล้านบาท และ ยอดขายจากการเปิดตัวโครงการใหม่ รวมถึงโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีกจำนวน 8,296 ล้านบาท โดยปี2566 บริษัทฯ ได้มีการเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 18,900 ล้านบาท และสามารถสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือรวมมูลค่า 19,827 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ภายใน 3 ปีข้างหน้า
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจัดสรรกำไรสุทธิงวดปี 2566 เพื่อจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการงวด 3 เดือนของไตรมาส 4 ปี 2566 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.118 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นผลประกอบการทั้งปี 2566 ที่อัตรารวม 0.399 บาทต่อหุ้น และคิดเป็นอัตราการจ่ายปันผล (Dividend Payout Ratio) ที่ 60.0% โดยหากเทียบกับราคาหุ้นปัจจุบันจะคิดเป็นอัตราผลตอบแทน (Dividend Yield) เท่ากับ 10.5% โดยจะมีการนำเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในการพิจารณาอนุมัติ ในวันที่ 25 เมษายนนี้ เพื่อกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 3 พฤษภาคม และจ่ายเงินปันผลวันที่ 24 พฤษภาคม 2567