‘บมจ. เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล’ หรือ HENG หนึ่งในผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการสินเชื่อรายใหญ่ของประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ ‘เฮงลิสซิ่ง’ เปิดแผนธุรกิจปี 67 รุกขยายพอร์ตสินเชื่อรวมเติบโต 15-20% มุ่งโฟกัสบริหารจัดการพอร์ตสินเชื่อให้มีคุณภาพ รับดีมานด์เติบโตท่ามกลางความท้าทายจากภาระหนี้ครัวเรือนสูง เดินหน้าลุยขยายพอร์ตสินเชื่อจำนำทะเบียนรถต่อเนื่อง เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าเกษตรกร พร้อมเล็งออก Social Bond
นายวิชัย ศุภสาธิตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ HENG หนึ่งในผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการสินเชื่อรายใหญ่ของประเทศไทยภายใต้แบรนด์ ‘เฮงลิสซิ่ง’ เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทฯ มีเป้าหมายขยายพอร์ตสินเชื่อรวมเติบโต 15-20% จากปีก่อนที่มีพอร์ตสินเชื่อรวม 15,100 ล้านบาท โดยมุ่งเน้นการบริหารจัดการคุณภาพพอร์ตสินเชื่อ และใช้เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการพิจารณาสินเชื่อ บริหารจัดการความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระและลดปัญหาหนี้สงสัยจะสูญ (NPLs) รับมือความท้าทายจากความเสี่ยงของภาระหนี้สินในครัวเรือนที่อยู่ในเกณฑ์สูง
ทั้งนี้ บริษัทฯ พร้อมเพิ่มลานประมูลรถยนต์เป็น 12 ลาน จากเดิมที่มี 8 ลาน ช่วยบริหารสต๊อกและระบายรถยึดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากราคารถมือสองในตลาดที่ปรับลดลง ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่การดำเนินงานของ HENG ในปีนี้
ส่วนแผนขยายธุรกิจในเวียดนามเพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมากหลังจากบริษัทฯ เข้าลงทุนซื้อกิจการ S68 Capital Investment LLC ผู้ดำเนินธุรกิจโรงรับจำนำในประเทศเวียดนาม ปัจจุบันอยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาของภาครัฐในการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นเดิม คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/2567 และจะสามารถเริ่มให้บริการได้ภายในครึ่งปีหลังของปีนี้ โดย HENG พร้อมนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจให้บริการสินเชื่อเข้าไปตอบสนองความต้องการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถที่มีดีมานด์สูง จากปัจจัยเชิงบวกด้านเศรษฐกิจที่มีอัตราการขยายตัวสูงกว่าไทยและประชากรที่เป็นสัดส่วนคนหนุ่มสาวมากกว่า 50% ของจำนวนประชากรทั้งหมด ซึ่งเป็นแรงสนับสนุนการบริโภค รวมถึงปริมาณรถจักรยานยนต์ และรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น
ดร.ธีรวัฒน์ ธวัลรัตน์โภคิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบัญชีและการเงิน HENG กล่าวว่า บริษัทฯ จะมุ่งขยายพอร์ตสินเชื่อจำนำทะเบียนรถอย่างต่อเนื่องจากปัจจุบันที่มีสัดส่วนคิดเป็น 65% ของพอร์ตสินเชื่อที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยปีนี้จะมุ่งโฟกัสลูกค้าที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความต้องการสินเชื่อเพื่อนำไปใช้ในการเพาะปลูก หลังจาก HENG ได้ทดลองปล่อยสินเชื่อแก่ลูกค้ากลุ่มนี้พร้อมปรับวิธีการจัดเก็บหนี้ที่แบ่งค่างวดตามฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิต จากเดิมที่มีการจัดเก็บค่างวดชำระเป็นรายเดือน พบว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าและมีประวัติการชำระหนี้ที่ดี ถือเป็นลูกหนี้ที่มีคุณภาพ โดยจากแผนงานดังกล่าวส่งผลให้ฐานลูกค้าที่เป็นกลุ่มเกษตรกรในปีนี้มีโอกาสเพิ่มขึ้น จากเดิมที่มีสัดส่วน 30% ของพอร์ตสินเชื่อรวม พร้อม ยังเตรียมออกหุ้นกู้ Social Bond เพื่อรองรับการขยายสินเชื่อเพื่อการเกษตรภายในไตรมาส 2 ปีนี้อีกด้วย
ส่วนแผนลงทุนในปีนี้ จะเพิ่มจำนวนสาขาเป็น 1,202 สาขา จากเดิมที่มี 872 สาขา รองรับความต้องการสินเชื่อในแต่ละภูมิภาคที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการผนึกกำลังกับเครือข่ายพันธมิตรผู้ประกอบการเต็นท์รถมือสองที่มีกว่า 7,200 รายทั่วประเทศ เพื่อดึงลูกค้าเข้ามาใช้บริการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถผ่านสาขา ‘เฮงลิสซิ่ง’ และจะส่งผลดีต่อรายได้จากค่านายหน้าประกันชีวิตและนายหน้าประกันวินาศภัยในปีนี้ที่จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย
นอกจากนี้ HENG จะยึดมั่นหลักการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดี คำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายรอบด้านและเปิดเผยข้อมูลให้แก่ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนได้รับทราบเพื่อสร้างความโปร่งใสในการดำเนินงานและสามารถตรวจสอบได้ ตอกย้ำถึงการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสร้างการเติบโตบนพื้นฐานการกำกับกิจการที่ดีและการพัฒนาอย่างยั่งยืน
นายวิชัย ศุภสาธิตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ HENG หนึ่งในผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการสินเชื่อรายใหญ่ของประเทศไทยภายใต้แบรนด์ ‘เฮงลิสซิ่ง’ เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทฯ มีเป้าหมายขยายพอร์ตสินเชื่อรวมเติบโต 15-20% จากปีก่อนที่มีพอร์ตสินเชื่อรวม 15,100 ล้านบาท โดยมุ่งเน้นการบริหารจัดการคุณภาพพอร์ตสินเชื่อ และใช้เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการพิจารณาสินเชื่อ บริหารจัดการความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระและลดปัญหาหนี้สงสัยจะสูญ (NPLs) รับมือความท้าทายจากความเสี่ยงของภาระหนี้สินในครัวเรือนที่อยู่ในเกณฑ์สูง
ทั้งนี้ บริษัทฯ พร้อมเพิ่มลานประมูลรถยนต์เป็น 12 ลาน จากเดิมที่มี 8 ลาน ช่วยบริหารสต๊อกและระบายรถยึดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากราคารถมือสองในตลาดที่ปรับลดลง ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่การดำเนินงานของ HENG ในปีนี้
ส่วนแผนขยายธุรกิจในเวียดนามเพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมากหลังจากบริษัทฯ เข้าลงทุนซื้อกิจการ S68 Capital Investment LLC ผู้ดำเนินธุรกิจโรงรับจำนำในประเทศเวียดนาม ปัจจุบันอยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาของภาครัฐในการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นเดิม คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/2567 และจะสามารถเริ่มให้บริการได้ภายในครึ่งปีหลังของปีนี้ โดย HENG พร้อมนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจให้บริการสินเชื่อเข้าไปตอบสนองความต้องการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถที่มีดีมานด์สูง จากปัจจัยเชิงบวกด้านเศรษฐกิจที่มีอัตราการขยายตัวสูงกว่าไทยและประชากรที่เป็นสัดส่วนคนหนุ่มสาวมากกว่า 50% ของจำนวนประชากรทั้งหมด ซึ่งเป็นแรงสนับสนุนการบริโภค รวมถึงปริมาณรถจักรยานยนต์ และรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น
ดร.ธีรวัฒน์ ธวัลรัตน์โภคิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบัญชีและการเงิน HENG กล่าวว่า บริษัทฯ จะมุ่งขยายพอร์ตสินเชื่อจำนำทะเบียนรถอย่างต่อเนื่องจากปัจจุบันที่มีสัดส่วนคิดเป็น 65% ของพอร์ตสินเชื่อที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยปีนี้จะมุ่งโฟกัสลูกค้าที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความต้องการสินเชื่อเพื่อนำไปใช้ในการเพาะปลูก หลังจาก HENG ได้ทดลองปล่อยสินเชื่อแก่ลูกค้ากลุ่มนี้พร้อมปรับวิธีการจัดเก็บหนี้ที่แบ่งค่างวดตามฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิต จากเดิมที่มีการจัดเก็บค่างวดชำระเป็นรายเดือน พบว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าและมีประวัติการชำระหนี้ที่ดี ถือเป็นลูกหนี้ที่มีคุณภาพ โดยจากแผนงานดังกล่าวส่งผลให้ฐานลูกค้าที่เป็นกลุ่มเกษตรกรในปีนี้มีโอกาสเพิ่มขึ้น จากเดิมที่มีสัดส่วน 30% ของพอร์ตสินเชื่อรวม พร้อม ยังเตรียมออกหุ้นกู้ Social Bond เพื่อรองรับการขยายสินเชื่อเพื่อการเกษตรภายในไตรมาส 2 ปีนี้อีกด้วย
ส่วนแผนลงทุนในปีนี้ จะเพิ่มจำนวนสาขาเป็น 1,202 สาขา จากเดิมที่มี 872 สาขา รองรับความต้องการสินเชื่อในแต่ละภูมิภาคที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการผนึกกำลังกับเครือข่ายพันธมิตรผู้ประกอบการเต็นท์รถมือสองที่มีกว่า 7,200 รายทั่วประเทศ เพื่อดึงลูกค้าเข้ามาใช้บริการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถผ่านสาขา ‘เฮงลิสซิ่ง’ และจะส่งผลดีต่อรายได้จากค่านายหน้าประกันชีวิตและนายหน้าประกันวินาศภัยในปีนี้ที่จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย
นอกจากนี้ HENG จะยึดมั่นหลักการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดี คำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายรอบด้านและเปิดเผยข้อมูลให้แก่ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนได้รับทราบเพื่อสร้างความโปร่งใสในการดำเนินงานและสามารถตรวจสอบได้ ตอกย้ำถึงการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสร้างการเติบโตบนพื้นฐานการกำกับกิจการที่ดีและการพัฒนาอย่างยั่งยืน