ไม่กี่วันที่ผ่านมา “ราคาทองคํา” แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ล้อไปกับบิตคอยน์ที่ปรับตัวทะลุ 2 ล้านบาทต่อหนึ่งบิตคอยน์ไปเรียบร้อย
โดยสำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) เปิดเผยสาเหตุหลักของการปรับตัวขึ้นของทองคำวันนี้ (6 มี.ค.67) ว่าเนื่องจากเม็ดเงินจากบรรดากองทุนไหลเข้าสินทรัพย์ดังกล่าว, คาดการณ์การลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed), สงครามภูมิรัฐศาสตร์ และความเสี่ยงทางด้านการเงินตลอดปี 2567
ทั้งนี้ “ราคาทองคําแท่งวันนี้” เพิ่มขึ้นมากถึง 1.3% เป็น 2,141.79 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่จะรักษาระดับการเคลื่อนไหว ขณะที่สถิติสูงสุดช่วงสามเดือนก่อนหน้าคือ 2,135.39 ดอลลาร์
สาเหตุทองคำพุ่งสูงขึ้น
ไรอัน แมคเคย์ (Ryan McKay) นักยุทธศาสตร์สินค้าโภคภัณฑ์ของ TD Securities กล่าวว่า ราคาทองคําล่าสุดเพิ่มขึ้นมากกว่า 4% ตั้งแต่วันพฤหัสบดีเนื่องจาก
-แรงหนุนจากความคาดหวังในการผ่อนคลายทางการเงิน
-ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
-ความเสี่ยงฟองสบู่ในตลาดหุ้นสหรัฐ
-แรงซื้อของกองทุนที่เน้นการลงทุนโดยมองภาพรวมของเศรษฐกิจมหภาค (Macro Funds)
ด้านบทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก เผยว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวสร้างความประหลาดใจให้กับผู้เฝ้าดูตลาดบางคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่นักลงทุนลดความคาดหวังว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยเร็วๆ นี้ รวมทั้งยังไม่มีปัจจัยเชิงมหภาคที่เข้ามาขับเคลื่อนตลาด
"ความเร็ว และเร่งของการปรับตัวขึ้นนั้น กะทันหันมาก มันเร็วมาก" เจมส์ สตีล (James Steel) นักวิเคราะห์จาก HSBC Holdings Plc กล่าว พร้อมเสริมว่า “เหมือนตอนนี้จะยังไม่มีข้อสรุปอย่างชัดเจน”
โอเล่ แฮนเซ่น (Ole Hansen) นักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ของ Saxo Bank A/S กล่าวว่า ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการปรับฐานของตลาดหุ้นเพราะข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแอของสหรัฐในวันศุกร์ อาจทำให้นักลงทุนบางส่วนย้ายเงินออกจากหุ้น และเข้าสู่ทองคํา
ในขณะที่ช่วงเวลาของการกลับนโยบายของเฟดยังคงไม่แน่นอน แต่สัญญาณที่ว่าเฟดกําลังเข้าใกล้ได้จุดดังกล่าวก็เข้ามาพยุงราคาทองคําตั้งแต่กลางเดือนก.พ. โดยตลาดซื้อขายสวอป (Swaps Market) แสดงโอกาส 64% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงกว่าต้นเดือนที่แล้ว
กองทุนแห่ตุนทอง
ขณะที่รายงานของ TD's McKay เปิดเผยว่า กองทุนแมคโครซึ่งไม่ได้เคลื่อนไหวในตลาดทองคําจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ เป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนใหม่ในการซื้อจนทำให้ราคาทองปรับตัวสูงขึ้น
นอกจากนี้ข้อมูลคณะกรรมการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า หรือ Commodity Futures Trading Commission (CFTC) ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า กองทุนเฮดจ์ฟันด์ และผู้จัดการเงินเพิ่มการเดิมพันทองคําขาขึ้นสุทธิ ณ วันที่ 27 ก.พ.67 แม้ว่าจะเป็นที่น่าสังเกตว่านักลงทุนกลุ่มนี้เพิ่มตําแหน่งขายเพียงชั่วคราวซึ่งชี้ให้เห็นถึงความไม่แน่นอนในตลาดในระยะยาว
ส่วนรายงานของ HSBC's Steel เผยว่า นักลงทุนเข้าซื้อขายสัญญาออปชั่นทองคำมากกว่า 2,100 ดอลลาร์ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ราคาทองปรับตัวสูงขึ้น
กองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนทองคำ (Gold ETFs)
ตามข้อมูลที่รวบรวมโดยบลูมเบิร์ก พบว่า การเพิ่มขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ของราคาทองคํายังเน้นย้ำถึงความลักลั่น (Disconnect) ที่เพิ่มขึ้นระหว่างราคาสปอต และการไหลออกจากกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนที่ค้ำโดยทองคําแท่ง โดยสัดส่วนการถือครองหุ้นทองคํา SPDR ซึ่งเป็น ETF ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ลดลง 0.3% ในวันจันทร์ ทําให้ยอดรวมแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2019
การไหลออกเหล่านั้นส่วนหนึ่งถูกชดเชยด้วยความต้องการทองคำของเฟดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยให้ราคาสูงขึ้นแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงจะพุ่งสูงขึ้นในปีที่แล้ว ความต้องการทางกายภาพจากทองคําแท่งยังดูดซับความต้องการทองคําของกองทุน ETF ที่น้อยลง รวมทั้งทองคําแท่งยังได้รับแรงหนุนในช่วงเทศกาลตรุษจีน เนื่องจากผู้บริโภคชาวจีนพยายามป้องกันความวุ่นวาย (เฮดจ์) ในตลาดหุ้น และภาคอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ
ในช่วงเดือนแรกของปีนี้บทบาทของทองคําในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยสำคัญ และเด่นชัดมากขึ้นด้วยความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่สูงขึ้นโดยการโจมตีการขนส่งในทะเลแดงแสดงให้เห็นถึงความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงขึ้น ความวิบัติทางเศรษฐกิจของจีน และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐช่วงปลายปี
"การเก็งกําไรเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างต่อเนื่องทําให้ทองคําเปล่งประกาย" เอวา มานเทย์ (Ewa Manthey) นักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ของ ING Groep กล่าว
พร้อมเสริมว่า "เราคาดว่าราคาทองคําจะซื้อขายสูงขึ้นในปีนี้ เนื่องจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยยังคงได้รับการสนับสนุนท่ามกลางความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์จากสงครามที่กําลังดําเนินอยู่ และการเลือกตั้งสหรัฐที่กําลังจะมาถึง"
ที่มา : https://today.line.me/th/v2/article/zNB9lPg