จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : TACC ฐานะแกร่ง ROEกว่า 30% ปี 67 ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้โต10%
06 มีนาคม 2567
สภาพอากาศที่ร้อนจัดในปีนี้กระตุ้นยอดขายเครื่องดื่มให้เติบโตขึ้น โดยเฉพาะเครื่องดื่มเย็นในโถกด (Jet Spray) และเครื่องดื่ม Non-Coffee Menu ใน All Cafe ร้าน 7-Eleven ของ บมจ.ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) ที่ได้รับการตอบรับอย่างดี ขณะที่ผลิตภัณฑ์อื่นๆก็ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่มีนวัตกรรมด้านสุขภาพ (Health and Wellness) ธุรกิจ License Business
บล.เคจีไอ วิเคราะห์ผลประกอบการ บมจ.ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) โดยระบุว่า กำไรสุทธิของ TACC ใน 4Q66 เพิ่มขึ้นเป็น 59 ล้านบาท (+32.3% YoY, +13.5% QoQ) สะท้อนถึง
i) ยอดขายที่เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ
II) อัตราภาษีที่ต่ำกว่าที่คาดเอาไว้เล็กน้อย อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายในการบริหารของบริษัทเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ จากค่าใช้จ่ายพนักงาน, ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน, ค่าใช้จ่ายเดินทาง และการกันสำรองการด้อยค่าของการลงทุนในบริษัทร่วม 30 ล้านบาทใน 4Q66
ทั้งนี้ กำไรสุทธิของ TACC ในปี 2566 อยู่ที่ 207 ล้านบาท (-12.1% YoY) ซึ่งเป็นไปตามประมาณการกำไรเต็มปีของเราที่ 206 ล้านบาท สำหรับใน 4Q66 รายได้จากการขายและบริการของ TACC อยู่ที่ 460ล้านบาท (+9.7% YoY, -8.0% QoQ)ในขณะที่ต้นทุนขายและบริการอยู่ที่ 308 ล้านบาท (+6.0% YoY, +8.2% QoQ)อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 33.1%จาก30.8% ใน 4Q65 และ 33.3% ใน 3Q66 นอกจากนี้ สัดส่วน SG&A/ยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 19.1% (จาก 17.9% ใน 4Q65 และ 17.8% ใน 3Q66)
โดยสรุปแล้ว ผลประกอบการของ TACC ฟื้นตัวได้ตามที่เราคาดไว้เนื่องจาก
i) ยอดขายเพิ่มขึ้น YoY
ii) เผชิญแรงกดดันน้อยลงจากราคาวัตถุดิบ
iii) คุมค่าใช้จ่ายSG&A ได้ดี
เมื่อมองต่อไปข้างหน้า เรายังคงมองบวกกับแนวโน้มระยะยาวของ TACC เพราะผ่านช่วงที่สถานการณ์เลวร้ายที่สุดจากการที่วัตถุดิบแพงไปแล้ว ซึ่งจะช่วยหนุนผลการดำเนินงานโดยรวมในปี 2567 โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 229 ล้านบาท (+10.6% YoY)
บล.เคจีไอ ระบุว่าชอบ TACC เนื่องจาก
i) ROE ค่อนข้างสูง (>30%) มาตั้งแต่ปี 2565
ii) ผลประกอบการฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง เรายังคงคำแนะนำซื้อ โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 5.95 บาท (PE ที่ 15.7x เท่ากับ -0.75 S.D.)
ขณะที่ “ชัชชวี วัฒนสุข” ประธานกรรมการบริหาร TACC ระบุปี 67 จะเป็นปีแห่งการสร้างฐานของ New Growth จากนวัตกรรมสินค้า Health and Wellness ต่อยอดธุรกิจเดิมที่มีความแข็งแกร่ง ผ่านความร่วมมือพันธมิตรควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน (ESG) โดยตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 10% จากปีก่อน และมีแผนออกผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่มีนวัตกรรมด้านสุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดี (Health and Wellness) สอดรับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่
TACC ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าร่วมกับ 7-Eleven ในฐานะ Key Strategic Partner ไม่ว่าเป็นเครื่องดื่มเย็นในโถกด (Jet Spray) และเครื่องดื่ม Non-Coffee Menu ในมุม All Cafe ทั้งร้าน 7-Eleven ในประเทศไทย ร้าน 7-Eleven ในประเทศกัมพูชา และในสปป.ลาว ที่คาดว่าจะช่วยผลักดันรายได้ของบริษัทฯเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้
ส่วนของธุรกิจ License Business ในปี 2567 บริษัทฯ จะมีคาแรคเตอร์ตัวใหม่ ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบัน License Business ของบริษัทฯ มีทั้งคาแรคเตอร์ต่างประเทศ และคาแรคเตอร์ของไทย เช่น หมาจ๋า , Warbie Yama , Line Creators เป็นต้น หลังจากปีก่อนได้รับลิขสิทธิ์เป็นตัวแทนดูแลลิขสิทธิ์ และทำการตลาดในประเทศไทย สำหรับ "Bellygom" หมีสีชมพูสุดคิวท์ตัวแรกจากประเทศเกาหลีเป็นระยะเวลา 4 ปี
ส่วนของ บริษัท เฮลธ์ อินสไปร์ด แพลนเนต จำกัด (HIP) ที่เป็นบริษัทย่อยนั้น ซึ่งมีแบรนด์ Bloss Natura ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ความงาม และอาหารเสริมชั้นนำที่ผลิตจากประเทศเกาหลี โดยคาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2567 เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นจากปีก่อน และมีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ เพื่อกระตุ้นยอดขาย รับกระแส Health and Wellness ซึ่งถือเป็นเมกะเทรนด์ที่กำลังมาแรงในขณะนี้
บล.เคจีไอ วิเคราะห์ผลประกอบการ บมจ.ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) โดยระบุว่า กำไรสุทธิของ TACC ใน 4Q66 เพิ่มขึ้นเป็น 59 ล้านบาท (+32.3% YoY, +13.5% QoQ) สะท้อนถึง
i) ยอดขายที่เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ
II) อัตราภาษีที่ต่ำกว่าที่คาดเอาไว้เล็กน้อย อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายในการบริหารของบริษัทเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ จากค่าใช้จ่ายพนักงาน, ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน, ค่าใช้จ่ายเดินทาง และการกันสำรองการด้อยค่าของการลงทุนในบริษัทร่วม 30 ล้านบาทใน 4Q66
ทั้งนี้ กำไรสุทธิของ TACC ในปี 2566 อยู่ที่ 207 ล้านบาท (-12.1% YoY) ซึ่งเป็นไปตามประมาณการกำไรเต็มปีของเราที่ 206 ล้านบาท สำหรับใน 4Q66 รายได้จากการขายและบริการของ TACC อยู่ที่ 460ล้านบาท (+9.7% YoY, -8.0% QoQ)ในขณะที่ต้นทุนขายและบริการอยู่ที่ 308 ล้านบาท (+6.0% YoY, +8.2% QoQ)อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 33.1%จาก30.8% ใน 4Q65 และ 33.3% ใน 3Q66 นอกจากนี้ สัดส่วน SG&A/ยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 19.1% (จาก 17.9% ใน 4Q65 และ 17.8% ใน 3Q66)
โดยสรุปแล้ว ผลประกอบการของ TACC ฟื้นตัวได้ตามที่เราคาดไว้เนื่องจาก
i) ยอดขายเพิ่มขึ้น YoY
ii) เผชิญแรงกดดันน้อยลงจากราคาวัตถุดิบ
iii) คุมค่าใช้จ่ายSG&A ได้ดี
เมื่อมองต่อไปข้างหน้า เรายังคงมองบวกกับแนวโน้มระยะยาวของ TACC เพราะผ่านช่วงที่สถานการณ์เลวร้ายที่สุดจากการที่วัตถุดิบแพงไปแล้ว ซึ่งจะช่วยหนุนผลการดำเนินงานโดยรวมในปี 2567 โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 229 ล้านบาท (+10.6% YoY)
บล.เคจีไอ ระบุว่าชอบ TACC เนื่องจาก
i) ROE ค่อนข้างสูง (>30%) มาตั้งแต่ปี 2565
ii) ผลประกอบการฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง เรายังคงคำแนะนำซื้อ โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 5.95 บาท (PE ที่ 15.7x เท่ากับ -0.75 S.D.)
ขณะที่ “ชัชชวี วัฒนสุข” ประธานกรรมการบริหาร TACC ระบุปี 67 จะเป็นปีแห่งการสร้างฐานของ New Growth จากนวัตกรรมสินค้า Health and Wellness ต่อยอดธุรกิจเดิมที่มีความแข็งแกร่ง ผ่านความร่วมมือพันธมิตรควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน (ESG) โดยตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 10% จากปีก่อน และมีแผนออกผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่มีนวัตกรรมด้านสุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดี (Health and Wellness) สอดรับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่
TACC ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าร่วมกับ 7-Eleven ในฐานะ Key Strategic Partner ไม่ว่าเป็นเครื่องดื่มเย็นในโถกด (Jet Spray) และเครื่องดื่ม Non-Coffee Menu ในมุม All Cafe ทั้งร้าน 7-Eleven ในประเทศไทย ร้าน 7-Eleven ในประเทศกัมพูชา และในสปป.ลาว ที่คาดว่าจะช่วยผลักดันรายได้ของบริษัทฯเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้
ส่วนของธุรกิจ License Business ในปี 2567 บริษัทฯ จะมีคาแรคเตอร์ตัวใหม่ ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบัน License Business ของบริษัทฯ มีทั้งคาแรคเตอร์ต่างประเทศ และคาแรคเตอร์ของไทย เช่น หมาจ๋า , Warbie Yama , Line Creators เป็นต้น หลังจากปีก่อนได้รับลิขสิทธิ์เป็นตัวแทนดูแลลิขสิทธิ์ และทำการตลาดในประเทศไทย สำหรับ "Bellygom" หมีสีชมพูสุดคิวท์ตัวแรกจากประเทศเกาหลีเป็นระยะเวลา 4 ปี
ส่วนของ บริษัท เฮลธ์ อินสไปร์ด แพลนเนต จำกัด (HIP) ที่เป็นบริษัทย่อยนั้น ซึ่งมีแบรนด์ Bloss Natura ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ความงาม และอาหารเสริมชั้นนำที่ผลิตจากประเทศเกาหลี โดยคาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2567 เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นจากปีก่อน และมีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ เพื่อกระตุ้นยอดขาย รับกระแส Health and Wellness ซึ่งถือเป็นเมกะเทรนด์ที่กำลังมาแรงในขณะนี้