Talk of The Town

บจ.รายใหญ่ลุยต่างแดนต่อยอดธุรกิจหลัก


07 มีนาคม 2567
จากการสำรวจข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่า บริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ได้มีการแจ้งการตั้งบริษัทย่อยในต่างประเทศอย่างคึกคัก โดยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน จะเห็นว่าบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งได้เตรียมความพร้อมเพื่อรุกขยายธุรกิจออกไป ซึ่งวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งเพื่อต่อยอด แตกไลน์จากธุรกิจเดิม เพื่อผลักดันการเติบโตและสร้างแหล่งรายได้เพิ่มขึ้น โดยสะท้อนให้เห็นว่าเมื่อภาวะเศรษฐกิจในประเทศยังคงชะลอตัว จึงต้องหาช่องทางเพื่อเข้าไปลงทุนเพิ่มเติมจากปัจจุบัน สำหรับบริษัทที่มีการไปลงทุนในต่างประเทศในครั้งนี้ประกอบด้วย 

บจ.บิ๊กไซส์ สยายปีกลงทุนตปท. 1-1 copy.jpg

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN แจ้งให้ทราบว่า บริษัท ซีพีเอ็น โกบอล จำกัด (บริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นรวมร้อยละ 100) ได้จัดตั้งบริษัทย่อยใหม่ในประเทศเวียดนาม โดยชื่อบริษัท บริษัท ซีพีเอ็น โกบอล เวียดนาม จำกัด (“ซีพีเอ็น โกบอล เวียดนาม”) ลักษณะธุรกิจ บริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศเวียดนาม

วัตถุประสงค์ในการจัดตั้ง เพื่อสนับสนุนธุรกิจหลักของบริษัทฯ และจะมี ทุนจดทะเบียน 20,000,000,000 เวียดนามดอง (สองหมื่นล้านเวียดนามดอง)

บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) DUSIT แจ้งให้ทราบว่า บริษัท เอ็บเพอร์คิวร์เคเทอริ่งจ ากัด (“ECC”)บริษัทย่อย
ซึ่งถือหุ้นโดยบริษัท ดุสิต ฟู้ดส์ จำกัด ร้อยละ 70ของจำนวนหุ้นที่ออกท้ังหมดของ ECC ได้จดทะเบียนจัดต้ังบริษัทย่อยใหม่ที่มีชื่อว่า บริษัท เอ็บเพอร์คิวร์เคเทอริ่ง ฮ่องกง จำกัดที่ฮ่องกง เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2567 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการอาหารและเครื่องดื่มแก่โรงเรียนนานาชาติที่ฮ่องกง ทุนจดทะเบียน : 100,000 ดอลลาร์ฮ่องกง (หนึ่งแสน) ประกอบด้วยหุ้นสามัญ 100,000 หุ้น (หนึ่งแสน) มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 (หนึ่ง) ดอลลาร์ฮ่องกง

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด (มหาชน) MINT ขอแจ้งการจัดตั้งบริษัทใหม่ชื่อ PT Minor Food Group Indonesia วันที่จัดตั้งเดือนกุมภาพันธ์2567 มีโครงสร้างการถือหุ้น: MFG International Holding (Singapore) Pte. Ltd.* ถือหุ้นร้อยละ 100 ด้วยทุนจดทะเบียน: 1 หมื่นล้านรูปียะฮ์อินโดนีเซีย (หรือเทียบเท่า 22.87 ล้านบาท โดยประมาณ)
แหล่งที่มาของเงินทุนมาจากกระแสเงินสดภายในบริษัท และวัตถุประสงค์ของการจัดตั้ง: เพื่อดําเนินธุรกิจแฟรนไชส์ในประเทศอินโดนีเซีย

บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) BGRIM ล่าสุดได้แจ้งว่า B.Grimm Power Korea Limited ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ได้เข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งเกาหลีใต้ จำนวน 2 แห่ง กำลังผลิตติดตั้ง รวม 740 เมกะวัตต์(MW) โดยได้มีการเข้าซื้อหุ้นในบริษัทดังต่อไปนี้

1. Nakwol Blueheart Co., Ltd. ภายหลังจากมีการบรรลุเงื่อนไขภายใต้สัญญาซื้อขายหุ้น B.Grimm Power Korea ได้เข้าซื้อ (1) หุ้นจำนวน 2,538,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 28.2 ของ หุ้นที่ออกทั้งหมดใน Nakwol Blueheart Co., Ltd. (“Nakwol Wind”) จาก Myungwoon Industry Development Co., Ltd. (“Myungwoon”) โดยมีมูลค่าการซื้อขายหุ้นทั้งหมด จำนวน 22,572,000 ดอลลาร์สหรัฐ และ (2) หุ้นจำนวน 564,282 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 29 ของ หุ้นที่ออกทั้งหมดใน Myungwoon (บริษัทที่ถือหุ้นใน Nakwol Wind ในสัดส่วนร้อยละ 71.8) จาก Mr. Kim Kang Hak โดยมีมูลค่าการซื้อขายหุ้นอยู่ที่ 13,178,400 ดอลลาร์สหรัฐ
 
Nakwol Wind เป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายของสาธารณรัฐเกาหลี โดยเป็นเจ้าของและเป็นผู้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง Yeonggwang Nakwol ซึ่งมีกำลังผลิตติดตั้งประมาณ 365 เมกะวัตต์ ทั้งนี้ Nakwol Wind ได้ทำสัญญาเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้ากับ กับ Korea Electric Power Corporation (KEPCO) แล้ว เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 และมีสัญญาซื้อขาย REC ระยะยาวจาก Korea Southern Power Co., Ltd. (KOSPO) (ซึ่งถือหุ้นทั้งหมด โดย KEPCO) ในราคาคงที่ ที่ 307.144 วอน เกาหลี/กิโลวัตต์-ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 20 ปี นับจากวันที่เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการ (COD)

ทั้งนี้โครงการได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องแล้วพร้อมเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ โดยโครงการจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2568

2. Hanbit Wind Power Co., Ltd. ภายหลังจากมีการบรรลุเงื่อนไขภายใต้สัญญาซื้อขายหุ้น B.Grimm Power Korea ได้เข้าซื้อหุ้นจำนวน 893,324 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 49 ของหุ้นที่ออกทั้งหมดใน Hanbit Wind Power Co., Ltd. (Hanbit Wind) จาก Mr. Kim Kang Hak มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 25,284,000 ดอลลาร์สหรัฐ
Hanbit Wind เป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายของสาธารณรัฐเกาหลี โดยเป็นเจ้าของและเป็นผู้พัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมนอกชายฝั่ง Yeonggwang Hanbit ซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้งประมาณ 375 เมกะวัตต์ และได้ทำสัญญาการเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้ากับ KEPCO ไปเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2566 โดยโครงการนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการด้านใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง และพร้อมจะเริ่มดำเนินการก่อสร้าง และเริ่ม COD ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2569

โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมนอกชายฝั่งทั้งสองโครงการข้างต้น ตั้งอยู่ใน Nakwol-myeon, Yeonggwang-gun จังหวัดชอลลาใต้ สาธารณรัฐเกาหลี โดยความต้องการใช้ไฟฟ้าในสาธารณรัฐเกาหลี มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเป็นไปตามเป้าหมาย ดังนั้นความมั่นคงทางพลังงานจึงกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ

สาธารณรัฐเกาหลีได้ดาเนินกลยุทธ์การปฏิรูปพลังงาน โดยมีเป้าหมายเพื่อให้บรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปีพ.ศ. 2593 เพื่อให้พร้อมเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่า และการเติบโตสีเขียว โดยตั้งเป้าในการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานลมนอกชายฝั่งจำนวน 20 กิกะวัตต์ ภายในปีพ.ศ. 2573

ก่อนหน้านี้ได้แจ้งว่า บี.กริม เพาเวอร์ได้จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ในประเทศมาเลเซีย คือ B.Grimm Power 2 Sdn. Bhd. โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ ชื่อบริษทั B.Grimm Power 2 Sdn. Bhd. ทุนชำระแล้ว 1,000,000 ริงกิตมาเลเซีย แบ่งออกเป็น 1,000,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 1 ริงกิตมาเลเซีย มีสัดส่วนการถือหุ้น ถือหุ้นร้อยละ 100 โดยบี.กริม เพาเวอร์ วัตถุประสงค์ ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) แหล่งที่มาของเงินลงทุน เงินทุนหมุนเวียนของบี.กริม เพาเวอร์

บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) TTA ขอแจ้งให้ทราบว่าบริษัท วี เวนเจอร์ส อินท์ พีทีอี แอลทีดี (“VVI”) บริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นผ่านบริษัท วี เวนเจอร์ส เทคโนโลจีส์ จำกัด (“VVT”) ร้อยละ 99.99 ได้มีการจัดตั้งบริษัทย่อย โดยมีรายละเอียดดังนี้ ชื่อบริษัทย่อย : บริษัท วี เวนเจอร์ส พาร์ตเนอร์ส จ ากัด (“VVP”) ประเทศที่จดทะเบียนจัดตั้งหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน ประเภทธุรกิจหลักเพื่อการลงทุน ทุนจดทะเบียน : 50,000 USD (ห้าหมื่นดอลลาร์สหรัฐ) โดยแบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 50,000 หุ้น ทุนที่ออกและชำระแล้ว : 1 USD (หนึ่งดอลลาร์สหรัฐ)สัดส่วนการถือหุ้นของหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด: VVI ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100 แหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดสะสมภายในของ VVI