จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : ดอกเบี้ยทิศทางขาลงหนุนผลงาน เบอร์ 1 จำนำทะเบียนรถ “TIDLOR”


07 มีนาคม 2567
แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เป็นไม่ปรับเพิ่มขึ้นไปมากกว่าปัจจุบัน และยังมีทิศทางขาลง ส่งผลดีต่อธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถที่จะมีต้นทุนทางการเงินลดต่ำลง โดยเฉพาะเบอร์ 1 ของธุรกิจ  บมจ.เงินติดล้อ  หรือ TIDLOR  

รายงานพิเศษ ดอกเบี้ยทิศทางขาลงหนุนผลงาน เ.jpg

บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ วิเคราะห์หุ้น บมจ.เงินติดล้อ  หรือ TIDLOR  โดยระบุว่า ปี67 ผู้บริหาร TIDLOR ตั้งเป้าสินเชื่อและเบี้ยประกันภัยโต 10-20% คุม NPL ที่ 1.4-1.8% และ credit cost ใกล้เคียงปีก่อน มีปัจจัยบวกจาก 

1) ภาพรวมตลาดทั้งธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนและธุรกิจนายหน้าประกันจะเอื้อต่อผู้นำตลาดที่มีส่วนแบ่งตลาดสูง 
2) การนำระบบดิจิทัลมาใช้จะช่วยสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และสร้างตลาดใหม่ๆ 
3) ภาพเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวขึ้นโดยเฉพาะจากการใช้จ่ายภาครัฐ ภาคการท่องเที่ยว รวมถึงการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น
4)มาตรการแก้หนี้ของภาครัฐช่วยยกระดับการเข้าถึงบริการทางการเงินและศักยภาพในการขยายฐานลูกค้า 

ขณะที่มีปัจจัยลบคือ

1) การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์อาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก การลงทุน และกำลังซื้อ รวมถึงความสามารถในการชำระหนี้ภาคครัวเรือน
2)อัตราดอกเบี้ยและหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้เกิดความเปราะบางต่อภาคครัวเรือนและธุรกิจ 
3) ราคารถเก่าที่ลดลงส่งผลต่อขาดทุนรถยึด
4) ความกดดันด้านกฎระเบียบอาจส่งผลกระทบต้นทุนการดำเนินงานและต้นทุนเครดิต

ขณะเดียวกันผู้บริหาร TIDLOR ได้ตั้งเป้าหมายทางการเงินปี 67 ดังนี้

1) เป้ าสินเชื่อโต 10-20% (ปี 66 ทำได้+20% YoY) 
2) เป้าเบี้ยประกันโต 10-20% (ปี 66 +25%) 3) เป้ า credit cost ที่ 3-3.35% (ปี 66 =3.34%) 4) เป้า NPL 1.4-
1.8% (ปี 66 ทำได้=1.45% ผลจากการเน้น clean up balance sheet และ write off หนี้สูญเป็นจำนวนมาก) ปีนี้
ยังคงตั้งเป้า clean up balance sheet ต่อเนื่อง 

บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ คาดการณ์กำไรสุทธิปี 67 ยังโตดี+15% เราประเมินผลประกอบการของ TIDLOR ปี 67 โดย conservative มากกว่าเป้าของบริษัท ภายใต้สมมติฐานสินเชื่อโต 15% เนื่องจากมองยังมีความต้องการสินเชื่ออยู่ ประกอบกับรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจประกันที่ยังโตได้ตามสินเชื่อที่โตขึ้น แต่ภาพเศรษฐกิจที่หนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง  ประกอบกับการตั้งเป้า clean up balance sheet ต่อเนื่อง คาด credit cost ที่ยังสูงถึง 3.35% ใกล้เคียงปีก่อน ทำให้คาด ปี 67 จะมีกำไร 4,363 ลบ. โต 15.1% YoY ซึ่งเชื่อว่ายังทำกำไรนิวไฮต่อเนื่องอีกปีได้ อย่างไรก็ดี จากการที่  TIDLOR ประกาศจ่ายหุ้นปันผล 27 หุ้นเดิม : 1 หุ้นใหม่ (XD(ST) 24 เม.ย.) ทำให้จำนวนหุ้นทั้งหมดในปีนี้เพิ่มขึ้น  3.7% เป็น 2,837.6 ล้านหุ้น ส่งผลให้EPS ปี 67จะยังเพิ่มขึ้นถึง 14% YoY

แต่ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” TIDLOR ถือเป็นผู้นำในธุรกิจจำนำทะเบียน มีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 30% และยังมีรายได้ค่าธรรมเนียมจากการขายประกันที่ยังโตดีต่อเนื่องช่วยหนุน ประกอบกับมี NPL Coverage ratio ที่สูงสุดถึง 282% เป็น  buffer เพียงพอรองรับหนี้เสียในอนาคตได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้เราปรับราคาเป้าหมายปี 67 ลงมาที่ 26.50 บาท  จากการปรับลด LT-ROE ลงมาที่ 15% ภายใต้การประเมินโดยวิธี GGM อิง 2.5XPBV24F ราคาปัจจุบันมี upside ราว20%

โดยแนะนำ ซื้อลงทุน เชื่อปีนี้ยังคงทำกำไรนิวไฮต่อเนื่องและมี EPS ที่โตขึ้นด้วย นอกจากนี้คาดหวังอัตราดอกเบี้ยเริ่มถึงจุดสูงสุดแล้ว ในอนาคตมีโอกาสที่จะทรงตัวถึงเริ่มปรับลดลง ซึ่งจะดีต่อต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายในอนาคต