บล.ดาโอ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า นักลงทุนฮึกเหิมหลังดัชนีฯ ยืนเหนือ 1380 จุดได้ โดยได้ตัวช่วยคือหุ้นน้ำมัน ปิโตรเคมี จุดทดสอบความแข็งแรงของตลาดจุดต่อไป คือ 1396 และ 1404 จุด ตามลำดับ กล่าวคือ “ผ่านได้ ก็ไปต่อ” แต่มีข้อสังเกตอย่างหนึ่ง คือ ไม่แน่ใจว่าแรงซื้อหุ้น 2 วันที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งมาจากการทำ rebalance หุ้นในดัชนีฯ FTSE หรือไม่ ถ้าใช่...วันนี้ความแรงของราคาหุ้นเหล่านี้จะลดลง พร้อมระบุแผนการเทรด หรือ จุด check point ของดัชนีฯ ยังเหมือนเดิม คือ ขาขึ้น 2 จุด ( 1396 และ 1404 จุด) ส่วนขาลง 3 จุด ( 1380 , 1376, 1362 จุด)
• Theme ลงทุน ตอนนี้ มี 3 theme คือ ปันผลสูง หุ้นชั้นดี หุ้นราคาลงมาลึก หุ้นเด่นที่สุดของแต่ละ theme คือ SCB-WHA-KCE
• หุ้นน้ำมัน ปิโตรเคมี หากดีดแรงต่อน่า ให้ระวังแรงขายทำกำไรช่วงสั้นเข้ามาด้วย หุ้นที่ top list ของกลุ่มนี้ คือ TOP, BCP, IVL, PTTEP
หุ้นแนะนำวันนี้
MENA แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 2.90 บาท อิงวิธี DCF (WACC 7.7%, TG 2.0%) ทั้งนี้เรามีมุมมองเป็นกลางจากงาน SET Opportunity Day เมื่อ 14 มี.ค. 2024 หลังธุรกิจเดินหน้าตามแผนงานเดิมและผลกระทบจาก TDM จำกัด โดยสรุปประเด็นคือ
1) บริษัทคงเป้ารายได้ในปี 2024E ที่ระดับ 900 ล้านบาท (+ 15% YoY) หนุนโดยการขยายกองรถต่อเนื่อง เบื้องต้นคาดช่วง 1H24E จะเพิ่มกองรถได้ราว 50 คัน
2) ยอดขายเบียร์คาราบาวพลาดเป้าไม่กระทบ TDM อย่างมีนัยสำคัญ หลังมีสัดส่วนรายได้เพียง 5% ทั้งนี้ TDM ยังคงเป้ารายได้ปี 2024E ในกรอบ 1.0-1.2 พันล้านบาท
โดยเบื้องต้นเรายังคงประมาณการกำไรปกติ 2024E ที่ 95 ล้านบาท (+ 33% YoY) เป้ารายได้ของ MENA และ TDM ยังอยู่ในกรอบประมาณการของเรา โดยเฉพาะ TDM ซึ่งเราทำประมาณการรายได้ 1.0 พันล้านบาท VS เป้าบริษัทที่ 1.0-1.2 พันล้านบาทในปี 2024E ในขณะที่ annualized revenue ปี 2023 อยู่ที่ 920 ล้านบาทยังเติบโตได้จากการขยายบริการเพิ่มเติมและคาดประมาณการของเรา conservative เพียงพอเมื่อเทียบกับเป้าของ TDMราคาหุ้น underperform SET ราว 23% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา คาดมาจากกรณียอดขายเบียร์ของคาราบาวต่ำกว่าเป้า กระทบ outlook ของ TDM
อย่างไรก็ตามประเมินผลกระทบจำกัด ในขณะที่การให้บริการเพิ่มเติมกับกลุ่มคาราบาวยังทำได้ เช่นการขนส่งสินค้าข้ามแดน ราคาหุ้นที่ปรับลงมาคาดว่าสะท้อนประเด็นดังกล่าวไปแล้ว และมีโอกาสกลับมา outperform ได้ใหม่ตามแนวโน้มผลประกอบการที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง
SYNEX แนะนำ “ถือ” ที่ราคาเป้าหมาย 10.00 บาท อิง 2024E PER ที่ 16x (-0.5 SD below 5-yr average core PER) เรามองเป็นบวกต่อการประชุมนักวิเคราะห์ ( 14 มี.ค.) จากเป้ารายได้ที่ขยายตัว + 10% YoY มากกว่าเราคาดที่ + 5% หนุนโดย
1) IT spending ในไทยที่เพิ่มขึ้น + 6% YoY,
2) ยอดขายกลุ่ม commercial ที่จะดีขึ้นหลังการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐในช่วงปลาย 2Q24E (สัดส่วนงานภาครัฐคิดเป็น 35% ของรายได้ commercial),
3) เพิ่มสินค้ามากขึ้น โดยบริษัทได้เป็น sole distributor ของ Autodesk และเตรียมจับมือ partner ทำร้าน Nintendo Flagship Store ที่บริษัทจะเป็นผู้ดูแลสินค้าคงคลัง
4) มีโอกา สขยายธุรกิจใหม่ๆ เช่น การขายรถ EV ของ Huawei ร่วมกับ partner ในช่วง 2-3 ปี ขณะที่ GPM จะดีขึ้นจากปี 2023 ที่ 4.0% เป็นไป
ตามที่เราคาด (เราคาด 4.3%)เราคงกำไรปกติปี 2024E ที่ 530 ล้านบาท (+23% YoY) ภายใต้สมมติฐาน 1) รายได้ที่ขยายตัวอย่างระมัดระวังที่ + 5% YoY โดยประเมินว่ารายได้ส่วนใหญ่จะเพิ่มขึ้นใน 2H24E เป็นหลักจากงานภาครัฐที่กลับมาเป็นปกติ และปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เริ่มคลี่คลายตามเศรษฐกิจ และ 2) GPM เพิ่มเป็น 4.3% จากระดับสินค้าที่เป็นปกติ ทำให้ไม่จำเป็นต้องเร่งการเคลียร์สต๊อกเหมือนปี 2023 นอกจากนี้เราประเมิน กำไรปกติ 1Q24E จะทรงตัว YoY/QoQ จากยอดขายที่ดี แต่จะยังกดดันจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่สูง ราคาหุ้นใกล้เคียง SET ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา จากยอดขายที่จะกลับมาดีขึ้นในปี 2024E
ทั้งนี้เราแนะนำเพียง “ถือ” จากรายได้กลุ่ม commercial ที่จะดีขึ้นตามการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ และรายได้กลุ่มสินค้า gaming และ Nintendo ที่จะสูงขึ้น โดยเฉพาะภายหลังการเปิด Nintendo Flagship store ขณะที่ยังมีความเสี่ยงจากการยืดอายุการใช้งานสินค้า IT มากขึ้นในช่วงที่หนี้ครัวเรือนสูงและกำลังซื้อต่ำ ซึ่งอาจส่งผลให้ยอดขายขยายตัวต่ำกว่าคาด ซึ่งเหมาะกับราคาหุ้นปัจจุบันที่เทรดที่ 2024E core PER ที่ 17x (-0.5 SD)