จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : BKGI หุ้นน้ำดีไบโอเทคตัวแรกของไทย ฐานะแข็งแกร่งไร้หนี้ -เงินที่ระดมเน้นขยายธุรกิจ
19 มีนาคม 2567
ธุรกิจด้านการแพทย์จีโนมิกส์เป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์ของโลกที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบมจ. แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น หรือ BKGI นับเป็นหุ้นที่มีความน่าสนใจ โดยมีจุดแข็งการให้บริการโดยใช้เทคโนโลยีการตรวจพันธุกรรม ที่มีงานวิจัยรองรับจากกลุ่มบริษัทBGI ทำให้ผลการวิเคราะห์ มีความแม่นยำสูง
บมจ. แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น หรือ BKGI หุ้นน้องใหม่ที่กำลังเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 20 มี.ค.67 นี้ มีจำนวนหุ้นสามัญที่เสนอขายต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 160,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาท ซึ่งต้องยอมรับว่า BKGI เป็นหุ้นที่มีความน่าสนใจมาก เนื่องจากจะเป็นหุ้นธุรกิจไบโอเทครายแรกของไทย ที่มีความพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
และ BKGI ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีในการถอดรหัสพันธุกรรม ที่เรียกว่า Next-Generation Sequencing จากกลุ่ม BGI ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ซึ่งเป็นผู้นำด้านการวิจัยและการใช้เทคโนโลยีทางพันธุศาสตร์ระดับโลก มาใช้ในการให้บริการ ทำให้ผลการวิเคราะห์ต่างๆ ของบริษัทฯ มีความแม่นยำสูง และเชื่อว่าหลังการเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนแล้ว จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด รองรับการเติบโตของธุรกิจการแพทย์จีโนมิกส์ (Genomics) ซึ่งอยู่ในเมกะเทรนด์โลก
ขณะเดียวกันการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย หรือ Aging Society ปัจจัยเหล่านี้กระตุ้นให้ประชาชนมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้มีความใส่ใจในการดูแลสุขภาพเพิ่มขึ้น ต้องการที่จะหาวิธีป้องกันโรค ไม่ว่าจะเป็นการตรวจพันธุกรรม หรือตรวจคัดกรองโรคต่างๆ เพื่อวางแผนการใช้ชีวิต มั่นใจว่าธุรกิจของบริษัทฯ จะเติบโตตามแนวโน้มการแพทย์สมัยใหม่ที่เป็น New S-Curve
ส่วนราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทที่เสนอขายในครั้งนี้ กำหนดที่ราคาหุ้นละ 1.63 บาท
สำหรับเม็ดเงินที่ได้จากการระดมในครั้งนี้ “เสาวลักษณ์ ด่านสกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BKGI ระบุว่าจะนำเงินที่ได้มาใช้ในการผลักดันการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว โดยเฉพาะแผนการขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์จีโนมิกส์ (Genomics) และด้วยการสนับสนุนของกลุ่ม BGI จะยิ่งเพิ่มศักยภาพของบริษัทฯ ช่วยสนับสนุนผลงานเติบโตอย่างก้าวกระโดด และเพิ่มความสามารถในการทำกำไรได้มากขึ้น สอดรับธุรกิจเมกะเทรนด์ที่กำลังได้รับความนิยมสูงในยุคปัจจุบัน
ภาพรวมผลการดำเนินงานของ BKGI ในช่วงที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากการที่ บริษัทฯ มีการให้บริการครอบคลุมทุกช่วงชีวิต ในราคาที่เข้าถึงได้ โดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจหลักคือ การให้บริการตรวจคัดกรองความผิดปกติทางพันธุกรรมด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ โดยรายได้ในการให้บริการด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ของบริษัทฯ ดังกล่าว ในช่วงปี 2563 - 2566 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 23.40% ต่อปี
ขณะที่ในปี 67 คาดเติบโตต่อเนื่องจากปี 66 สอดคล้องกับการเติบของอุตสาหกรรม และความต้องการใช้บริการที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการที่ภาครัฐให้การสนับสนุนแผนจีโนมิกส์ประเทศไทย หนุนการเติบโตของธุรกิจการให้บริการด้านการตรวจพันธุกรรม
ความน่าสนใจของ BKGI ยังอยู่ที่ผู้ถือหุ้น 3 อันดับแรก ได้แก่ 1. BGI Health (HK) Co., Ltd หลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) จะถือหุ้นในสัดส่วน 37.40% อันดับ 2 นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะถือหุ้น12.22% และอันดับ 3 นายรัชพล อัศวินวิจิตร ถือหุ้น 7.73% ซึ่ง 3 อันดับ รวมกันถือหุ้นถึง 57.35% สะท้อนถึงความมั่นคงแข็งแกร่งของบริษัท
บมจ. แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น หรือ BKGI หุ้นน้องใหม่ที่กำลังเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 20 มี.ค.67 นี้ มีจำนวนหุ้นสามัญที่เสนอขายต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 160,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาท ซึ่งต้องยอมรับว่า BKGI เป็นหุ้นที่มีความน่าสนใจมาก เนื่องจากจะเป็นหุ้นธุรกิจไบโอเทครายแรกของไทย ที่มีความพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
และ BKGI ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีในการถอดรหัสพันธุกรรม ที่เรียกว่า Next-Generation Sequencing จากกลุ่ม BGI ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ซึ่งเป็นผู้นำด้านการวิจัยและการใช้เทคโนโลยีทางพันธุศาสตร์ระดับโลก มาใช้ในการให้บริการ ทำให้ผลการวิเคราะห์ต่างๆ ของบริษัทฯ มีความแม่นยำสูง และเชื่อว่าหลังการเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนแล้ว จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด รองรับการเติบโตของธุรกิจการแพทย์จีโนมิกส์ (Genomics) ซึ่งอยู่ในเมกะเทรนด์โลก
ขณะเดียวกันการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย หรือ Aging Society ปัจจัยเหล่านี้กระตุ้นให้ประชาชนมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้มีความใส่ใจในการดูแลสุขภาพเพิ่มขึ้น ต้องการที่จะหาวิธีป้องกันโรค ไม่ว่าจะเป็นการตรวจพันธุกรรม หรือตรวจคัดกรองโรคต่างๆ เพื่อวางแผนการใช้ชีวิต มั่นใจว่าธุรกิจของบริษัทฯ จะเติบโตตามแนวโน้มการแพทย์สมัยใหม่ที่เป็น New S-Curve
ส่วนราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทที่เสนอขายในครั้งนี้ กำหนดที่ราคาหุ้นละ 1.63 บาท
สำหรับเม็ดเงินที่ได้จากการระดมในครั้งนี้ “เสาวลักษณ์ ด่านสกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BKGI ระบุว่าจะนำเงินที่ได้มาใช้ในการผลักดันการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว โดยเฉพาะแผนการขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์จีโนมิกส์ (Genomics) และด้วยการสนับสนุนของกลุ่ม BGI จะยิ่งเพิ่มศักยภาพของบริษัทฯ ช่วยสนับสนุนผลงานเติบโตอย่างก้าวกระโดด และเพิ่มความสามารถในการทำกำไรได้มากขึ้น สอดรับธุรกิจเมกะเทรนด์ที่กำลังได้รับความนิยมสูงในยุคปัจจุบัน
ภาพรวมผลการดำเนินงานของ BKGI ในช่วงที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากการที่ บริษัทฯ มีการให้บริการครอบคลุมทุกช่วงชีวิต ในราคาที่เข้าถึงได้ โดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจหลักคือ การให้บริการตรวจคัดกรองความผิดปกติทางพันธุกรรมด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ โดยรายได้ในการให้บริการด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ของบริษัทฯ ดังกล่าว ในช่วงปี 2563 - 2566 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 23.40% ต่อปี
ขณะที่ในปี 67 คาดเติบโตต่อเนื่องจากปี 66 สอดคล้องกับการเติบของอุตสาหกรรม และความต้องการใช้บริการที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการที่ภาครัฐให้การสนับสนุนแผนจีโนมิกส์ประเทศไทย หนุนการเติบโตของธุรกิจการให้บริการด้านการตรวจพันธุกรรม
ความน่าสนใจของ BKGI ยังอยู่ที่ผู้ถือหุ้น 3 อันดับแรก ได้แก่ 1. BGI Health (HK) Co., Ltd หลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) จะถือหุ้นในสัดส่วน 37.40% อันดับ 2 นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะถือหุ้น12.22% และอันดับ 3 นายรัชพล อัศวินวิจิตร ถือหุ้น 7.73% ซึ่ง 3 อันดับ รวมกันถือหุ้นถึง 57.35% สะท้อนถึงความมั่นคงแข็งแกร่งของบริษัท