รายงานพิเศษ : รัฐบาล หนุน“คนมีลูก” ติดปีก SAFE ปีนี้ตั้งเป้ารายได้โต 25%
ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาเด็กเกิดน้อย จนกระทรวงสาธารณสุขต้องวางนโยบายส่งเสริมการมีบุตรให้เป็นวาระแห่งชาติ โดยการแก้ไขกฎหมายต่างๆ เพื่อช่วยผู้มีบุตรยากให้เข้าถึงการรักษาด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ หนุนการเติบโตของ บมจ. เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป (SAFE) ที่ปีนี้ตั้งเป้ารายได้โต 25%
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ระบุถึง"อนาคตระบบสาธารณสุขไทย" ว่า 9 ปัจจัยที่ส่งผลต่อการกำหนดระบบสาธารณสุขของไทย ได้แก่ 1.เศรษฐกิจ ปัญหาความเหลื่อมล้ำ และการเข้าถึงระบบบริการสุขภาพ 2.การเมือง ซึ่งจะมีผลต่อการกำหนดนโยบายประเทศ 3.ประชากรที่มีปัญหาเด็กเกิดน้อย ด้อยคุณภาพ และการเข้าสู่สังคมสูงวัย ทำให้มีความเสี่ยงที่จะขาดแคลนแรงงานในอนาคต 4.ลักษณะพฤติกรรมของคนไทยและพฤติกรรมเสี่ยงทางสุขภาพ ที่เป็นสาเหตุส่วนหนึ่งของการป่วยด้วยโรคเรื้อรัง และการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร 5.โรคอุบัติใหม่ อุบัติซ้ำ โรคระบาด โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดน ซึ่งแต่ละแห่งมีบริบททางสุขภาพและการเกิดโรคระบาดที่แตกต่างกัน 6.สิ่งแวดล้อม 7.อาหารและเกษตรกรรม ความมั่นคงปลอดภัยทางอาหาร การเข้าถึงโภชนาการ และการใช้สารเคมีทางการเกษตร 8.การขนส่ง โดยเฉพาะเขตเมืองที่มีปัญหาจราจรหนาแน่น เป็นสาเหตุของอุบัติเหตุ และมลพิษทางอากาศ 9.เทคโนโลยี ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการพัฒนาคุณภาพระบบบริการทางการแพทย์ให้ตอบสนองกับปัญหาและความต้องการของประชาชน
ดังนั้นการวางนโยบายการดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุข จึงมุ่งเน้นที่จะตอบสนองประเด็นปัญหาที่จะส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุข และอนาคตของประเทศ อาทิ การลดลงของเด็กเกิดใหม่ สวนทางกับจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น ซึ่งกระทบต่อโครงสร้างประชากรไทย ก็มีการผลักดันนโยบายส่งเสริมการมีบุตรให้เป็นวาระแห่งชาติ แก้ไขกฎหมายต่างๆ เพื่อช่วยเหลือผู้มีบุตรยากให้เข้าถึงการรักษาด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ เป็นต้น
รวมทั้งประเด็นปัญหาสำคัญอื่นๆ ทั้งด้านสุขภาพจิต และยาเสพติด เศรษฐกิจสุขภาพ (Healthy City Model) มะเร็งครบวงจร สถานชีวาภิบาล ทีมเชื่อมประสานใจ Care D+ โดยมีเป้าหมายให้พร้อมในการรับมือต่อความท้าทายด้านสุขภาพในอนาคต เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน และสร้างความมั่นคงทางสุขภาพในระยะยาว
ในส่วนของปัญหาการลดลงของเด็กเกิดใหม่ กรมอนามัยระบุถึงสาเหตุ เด็กเกิดน้อยว่า วิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป คนรุ่นใหม่แต่งงานช้าลง เรียนสูงขึ้น มีค่านิยมอยู่เป็นโสด มีความหลากหลายทางเพศ ความต้องการมีบุตรและจำนวนบุตรที่ต้องการเปลี่ยนไป มองเป็นภาระ อีกทั้ง มาตรการที่จูงใจให้คนต้องการมีบุตรมีน้อยและมาตรการที่มีอยู่ไม่สามารถจูงใจให้คนอย่างมีบุตรได้
รวมถึง สภาพสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมและโรคอุบัติใหม่ ส่งผลให้คนชะลอการมีบุตร และ คนที่อยากมีบุตรประสบปัญหา ภาวะมีบุตรยาก และไม่สามารถเข้าถึงบริการช่วยเหลือภาวะมีบุตรยากได้
การกระตุ้นให้คนมีลูกมากขึ้นโดยการกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ ส่งผลดีต่อธุรกิจ บมจ. เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป (SAFE) ที่ให้บริการด้านการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ตั้งแต่ให้คำแนะนำและคำปรึกษาตลอดจนติดตามผลการปฏิบัติการโดยผู้ดูแลลูกค้าส่วนบุคคล (personal assistant) ที่จะช่วยให้ผู้ที่ประสบปัญหามีบุตรยากมีบุตรตามความประสงค์และเติมเต็มครอบครัวโดยใช้เทคโนโลยีที่นำสมัยมีมาตรฐานและความปลอดภัย
ซึ่ง นพ.วิวัฒน์ กว้างคณานุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ระบุ แผนดำเนินงานของปีนี้บริษัทมุ่งเน้นสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกกลุ่มธุรกิจ พร้อมร่วมทุน (Joint Venture) กับโรงพยาบาลทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเปิดคลินิกรักษาผู้มีบุตรยาก และการให้บริการด้านห้องปฏิบัติการ (Lab Outsource) รวมถึงอยู่ระหว่างเจรจาร่วมลงทุนในธุรกิจที่ต่อยอดจากธุรกิจเดิมในส่วนของธุรกิจเสริมความงาม โดยบริษัทฯ คาดว่าจะสร้าง Synergy และเพิ่มการเติบโตได้มากยิ่งขึ้นในอนาคต และในปีนี้บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าการเติบโตประมาณ 25 %
นอกจากนี้ตลาดยังมีปัจจัยบวกที่สำคัญ เนื่องจากในปี 2567 เป็นปีมังกร ในปฏิทินจีน ซึ่งเชื่อว่าบุตรที่เกิดในปีนี้จะนำความโชคดีมาสู่ครอบครัว มีความกล้าหาญและเฉลียวฉลาด รวมถึงมาตรการฟรีวีซ่า เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทยให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีน คาซัคสถาน อินเดีย และไต้หวัน จะเป็นตัวช่วยส่งเสริมให้มีชาวต่างชาติเข้ามาใช้บริการรักษาภาวะมีบุตรยากในไทยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะสนับสนุนผลงานบริษัทฯให้เติบโตได้อย่างโดดเด่น ตามแผนที่วางไว้