จากการสำรวจข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในส่วนของพอร์ตการลงทุนในหุ้นของ "วิชัย วชิรพงศ์" หรือเสี่ยยักษ์ ล่าสุด ณ วันที่ 13 มีนาคม 2567 ได้เพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ขณะที่ผู้ลงทุนสถาบันทั้งใน และต่างประเทศลดสัดส่วนการถือครองหุ้นลง ดังนี้
รายชื่อ | จำนวนหุ้น มี.ค.67 (หุ้น) | จำนวนก่อนหน้า (หุ้น) |
---|---|---|
สำนักงานประกันสังคม | 429,623,600 | 499,714,000 |
SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES | 298,179,956 | 368,237,421 |
STATE STREET EUROPE LIMITED | 205,259,329 | 220,218,067 |
วิชัย วชิรพงศ์ | 342,740,157 | 295,980,057 |
สำหรับการเคลื่อนไหวราคาหุ้น BEM ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.14% จากราคา 7.90 บาทเพิ่มมาอยู่ที่ 8.20 บาท
บล.กรุงศรี ระบุว่า ยังคงประมาณการอัตราการเติบโตของกำไรไว้ที่ 11% yoy ไปก่อน หลังจากที่ BEM รายงานตัวเลขปริมาณการเดินทางเดือนกุมภาพันธ์ออกมา เรามอง ว่าประมาณการของเรามี downside อยู่บ้าง โดยเฉพาะในส่วนของทางด่วน ซึ่งตาม ประมาณการของเรา ใช้สมมติฐานว่าปริมาณรถใช้ทางด่วนจะเพิ่มขึ้น 3% และ จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น 15% ทั้งนี้ ในส่วนของรถไฟฟ้า ยังมีปัจจัย กระตุ้นที่จะช่วยหนุนให้จำนวนผู้โดยสารเติบโตได้อีก ได้แก่ นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ หลั่งไหลเข้ามา, การเปิดโครงการ One Bangkok ในเดือนมิถุนายน หรือ กรกฎาคม 2024 และ Dusit complex ใน 4Q24 ดังนั้น เราจึงไม่ห่วงทางด้านของรถไฟฟ้ามาก นัก แต่ที่น่าห่วงกว่าคือปริมาณรถใช้ทางด่วนซึ่งเท่าที่ผ่านมายังต่ำมาก
ทั้งนี้ เรายังคง ประมาณการกำไรปีนี้เอาไว้เท่าเดิมไปก่อนที่ 3.8 พันล้านบาท (+10.8% yoy) แต่ จากการวิเคราะห์ sensitivity เราพบว่าจำนวนรถใช้ทางด่วนที่ลดลง 1% จะทำให้ EPS ปี 2024 ลดลง 1.9% ในขณะที่จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าที่ลดลง 1% จะทำให้ EPS ปี 2024 ลดลง 1%