บล.ฟินันเซีย คาด SET แกว่ง Sideways ในกรอบ 1,375-1,390 จุด ขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นหลังจากที่ตอบรับเชิงบวกต่อผลการประชุม FED สัปดาห์ก่อนไปแล้วพอสมควร สำหรับปัจจัยสำคัญที่ตลาดรอติดตามสัปดาห์นี้อยู่ที่ตัวเลขเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯเดือน ก.พ. ช่วงปลายสัปดาห์ ส่วนงบประมาณประจำปี 2567 ล่าสุดสภาฯผ่านร่างพรบ.แล้ว โดยจะส่งต่อให้วุฒิสภาให้ความเห็นชอบวันที่ 26 มี.ค. และขึ้นทูลเกล้ำฯ 3 เม.ย. โดยเราเชื่อว่าจะหนุนความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนและทำให้โมเมนตั้มของกำรลงทุนภาครัฐให้เร่งตัวขึ้นหลังติดลบแรงในไตรมาสก่อนๆ หนุน GDP เร่งตัวใน 2Q24 เป็นต้นไป ขณะที่ บล.พาย ระบุ Upside ยังถูกจำกัด โดย SET เข้าใกล้แนวต้านสำคัญบริเวณ 1400 จุด และยังไม่ผ่านตลอดจนมีแรงขายเข้ามาอีกครั้ง และสัญญาณเทคนิคดูอ่อนแรง ทำให้กรอบบนยังถูกจำกัดที่แนวต้าน 1390 และ 1395 จุด ตามลำดับ ขณะที่มีแนวโน้มอ่อนตัวลงได้อยู่ โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1370 และ 1360 จุด ตามลาดับ
ส่วน บล.กรุงศรี ประเมิน SET อ่อนตัวแนวรับ 1,375 / 1,370 จุด เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุนโดยแม้ภาวะตลาดจะได้ sentiment บวกจาก FED ส่งสัญญาณลดอัตราดอกเบี้ยลง 3 ครั้งในปีนี้แต่ทิศทาง Fund flow ยังชะลอตัวส่งผลให้ภาวะตลาดผันผวนง่าย ประกอบกับแรงขายลดความเสี่ยงตามสัญญาณเทคนิคจะกดดันต่อดัชนี จึงแนะนำรอซื้อเล่นรีบาวด1แบบ Selective buy
หุ้นเด่น บล.ฟินันเซีย
TACC (แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 7.80 บาท แนวรับ 4.92-4.90//4.80 บาท แนวต้าน 5.15-5.20//5.40 บาท ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 2024 โต 10% y-y และแนวโน้มต้นทุนรวมค่อนข้างทรงตัวใกล้เคียงปีก่อน แม้น้ำตาลและกาแฟปรับขึ้น แต่ถูกหักล้างด้วยนมและครีมเทียมปรับลง ขณะที่ไม่ต้องรับรู้ขาดทุนบริษัทร่วม TCI ตั้งแต่ 1Q24 เป็นต้นไป หลังถอนการลงทุนแล้วเสร็จใน 4Q23 และหากขายได้แล้วเสร็จ คาดจะมีการกลับรายการด้อยค่าในระยะถัดไป ระยะสั้นคาดกำไร 1Q24 จะโตทั้ง q-q, y-y จากรายได้ที่ขายไป 7-Eleven ยังโตสดใสต่อเนื่อง คาดกำไรปี 2024 กลับมาโต +16% ราคาหุ้นปัจจุบันเทรดเพียง 13 เท่า และคาด dividend yield 7-8% ต่อปี
หุ้นเด่น บล.กรุงศรี
ITC (ปิด 19.70 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 23.50 บาท) ได้ Sentiment บวกค่าเงินบาทอ่อนค่าแตะระดับ 36.4 บาท อ่อนค่ามากสุดในรอบ 5 เดือน เป็นบวก ITC เพราะมีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกคิดเป็น 90% ของรายได้รวม, ต้นทุนทูน่าลดลงต่อเนื่อง, ยอดส่งออกมีลุ้นเป็นบวก 5 เดือน ติดต่อกัน
MINT (ปิด 33.25 ซื้อ/เป้า 42 บาท) MINT หุ้นโรงแรมที่ราคาถูกที่สุดในกลุ่มสะท้อนผ่าน EV/EBITDA ต่ำเพียง 8 เท่าเทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 13 เท่าแนวโน้มกำไรเข้าสู่โหมดขาขึ้นตามจำนวนนักท่องเที่ยวในยุโรปซึ่งเป็นรายได้หลัก 70% ของ MINT มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงก่อนโควิด-19 แล้ว
หุ้นเด่น บล.พาย
GPSC ช่วงสั้นมองได้ Sentiment บวกจากราคาก๊าซในยุโรปและ Bond Yield ของสหรัฐที่ปรับตัวลง ขณะที่เชื่อว่าปีที่เลวร้ายที่สุดสาหรับ GPSC ได้ผ่านพ้นไปแล้ว โดยแรงกดดันที่ลดน้อยลงจากต้นทุนพลังงานและกำไรที่ดีขึ้นจากโรงไฟฟ้าทั่วไป จะหนุนให้ปี 2567 กำไรปกติจะเติบโตแข็งแกร่ง 49%YoY
KCE มองเป็นหุ้นเด่นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ จากกำไรจะเติบโตแข็งแกร่งสุดในกลุ่ม โดยปี 2567 คาดกำไรสุทธิจะเติบโต 32%YoY จากการเติบโตที่ดีของ EV และเริ่มบริหารจัดการต้นทุนได้ดีมากขึ้น ขณะที่ valuation น่าสนใจ โดยปัจจุบันซื้อขายที่ PE ปี 2567 เพียง 21.1 เท่า ซึ่งเท่ากับระดับ -1SD ของ PE mean