“พรีเมียร์ ควอลิตี้ สตาร์ช” พบผู้ลงทุน ตอกย้ำความเชื่อมั่น”รายได้และกำไร”ปีนี้ฟื้นตัวเติบโตก้าวกระโดด จากโรงงานใหม่ที่กาฬสินธุ์เดินเครื่อง รวมทั้งโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังดัดแปรแห่งใหม่ ที่มุกดาหาร เพื่อต่อยอดผลิตภัณฑ์ไปยังธุรกิจปลายน้ำเพิ่มมาร์จินให้สูงขึ้น ขณะที่กำลังการผลิตรวมขยับมาอยูที่ 360,000 ตัน/ปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 240,000 ตัน/ปี พร้อมขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดใหม่ๆ ในต่างประเทศเพิ่มขึ้น
นายรัฐวิรุฬห์ ชาญจึงถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายปวินท์ เรืองวรบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท พรีเมียร์ ควอลิตี้ สตาร์ช จำกัด (มหาชน) หรือ PQS ผู้ผลิตและจำหน่ายแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (Premium Grade ) และแป้งดัดแปร (Modified Starch) นำเสนอผลการดำเนินงาน ในงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน Opportunity Day โดยระบุว่า ผลประกอบการในไตรมาส 4/2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 77.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 112.9% จากไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลมาจากรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากราคาขายมันสำปะหลัง ประกอบกับมีปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น
ส่วนผลการดำเนินงานงวดปี 2566 มีกำไรสุทธิ 135.83 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 283.7 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการขายรวมที่ลดลง สอดคล้องกับปริมาณแป้งที่ผลิตได้น้อยลง จากผลกระทบด้านการขาดแคลนวัตถุดิบ อันเกิดจากผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และโรคพืช ส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ นอกจากนี้ รายได้ของบริษัท ยังได้รับผลกระทบจากสภาวะการส่งออกหดตัว ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแรง และเปราะบางจากสงครามที่เกิดขึ้น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนต่ำกว่าคาดหมาย เรื่องเหล่านี้ กดดันการส่งออกของไทย ให้ต่ำลงในทุกอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่ารายได้และกำไรในปี 2567 จะสามารถฟื้นตัวกลับมาอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งประเทศไทย ถือเป็นผู้ผลิตและส่งออกแป้งมันสำปะหลังรายใหญ่ของโลก โดยมีการปลูกมันสำปะหลังราว 8 ล้านไร่ ใน 48 จังหวัดทั่วประเทศ มีผลผลิตมันสำปะหลังสดราว 30 ล้านตัน/ปี ซึ่งมากกว่า 80% นำไปแปรรูปเป็นแป้งมันสำปะหลัง โดยในปี 2566 ประเทศไทยมีมูลค่าการส่งออก 52,578 ล้านบาท
นายรัฐวิรุฬห์กล่าวอีกว่า มีการคาดการณ์ว่าในปี 2567-2569 ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังตลาดในประเทศ จะมีปริมาณขยายตัว 3-5% ต่อปี จากแรงหนุน ของภาคอุตสาหกรรมอาหารที่คาดว่าจะขยายตัวตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง
ขณะที่ Mordor Intelligence คาดว่า มูลค่าตลาดอนุพันธ์แป้งดัดแปร (Derivatives)และสารให้ความหวานทั่วโลก จะเติบโตเฉลี่ย (CAGR 2565 – 2568) ราว 5.2% ต่อปี ส่วนปริมาณมันสำปะหลังสด คาดว่าจะหดตัว 1-2% จากปีก่อนจากผลกระทบภัยแล้ง
ปัจจุบัน โรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังของบริษัท มีอัตราการใช้กำลังการผลิตเพียง 65-66% ของกำลังการผลิตทั้งหมด 252,000 ตัน/ปี ยังสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อีกเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันบริษัท มีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตรองรับแนวโน้มการเติบโตตามอุตสาหกรรม ประกอบด้วย
- การก่อสร้างโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังที่ จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่มอีก 120,000 ตัน/ปี
- การก่อสร้างโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังดัดแปร ที่จังหวัดมุกดาหาร เพื่อต่อยอดผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไปในธุรกิจปลายน้ำ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2567
- การก่อสร้างโรงไฟฟ้าจากก๊าซขีวภาพ กำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 2 เมกกะวัตต์ ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องจากโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังแห่งใหม่ เพื่อมุ่งเน้นการนำของเสียที่เกิดจากการผลิตมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและช่วยลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม
โดยทั้ง 3 โครงการคาดว่าจะแล้วเสร็จและพร้อมดำเนินการในปีนี้ ทำให้มียอดกำลังการผลิตรวม ของแป้งแปรรูปพื้นฐาน เพิ่มขึ้นเป็น 370,000 ตัน/ปี โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายจะเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตให้ได้ 75% ของกำลังการผลิตทั้งหมด ซึ่งจะทำให้บริษัทมียอดขาย และรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น
“บริษัทมั่นใจว่า จะสามารถสร้างการเติบโตของรายได้และกำไร ด้วยการขยายกิจการ ไปสู่ธุรกิจที่มีมูลค่าสูง เพื่อเพิ่มมาร์จินบริษัทเพิ่มขึ้น คือ ธุรกิจ แป้งมันสำปะหลังดัดแปร รวมทั้งขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดใหม่ในต่างประเทศที่มีศักยภาพสูง “ นายรัฐวิรุฬห์กล่าว