ผลตอบแทนการลงทุนที่แรงสุดในพ.ศ.นี้ นอกจากบิทคอยน์แล้ว...ก็ราคาทองคำนี่ล่ะ!
...ขยันสร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
หากเปรียบเทียบตั้งแต่สิ้นปี 2566-29 มีนาคม 2567 หรือภายในเวลาประมาณ 3 เดือนราคา ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 4,850 บาท/บาททองคำ หรือเพิ่มขึ้น 14.41%
จากข้อมูลของสมาคมค้าทองคำ ระบุว่า ณ สิ้นปี 2566 ทองคำแท่งขายออกอยู่ที่ 33,650 บาท รูปพรรณขายออก 34,150 บาท
ล่าสุด วันที่ 29 มีนาคม 2567 ทองคำแท่งขายออกอยู่ที่ 38,500 บาท รูปพรรณขายออก 39,000 บาท
...แล้วทองคำมีโอกาสไปต่อ หรือพอแค่นี้
InterGOLD มองว่า หากค่าเงินบาทยังคอยพยุงและเกาะกรอบอยู่ในโซน 36.20-36.60 แบบนี้ ราคาทองคำแท่งบ้านเราจะลงยากมาก
...แต่ถ้าจู่ๆมีจังหวะบาทแข็งหนักๆหรือทองคำแท่งลงสัก 100-200 บาท ถือเป็นโอกาสในการที่จะเก็บของเพิ่มขึ้น เป้า 38,000-40,000 บาท ในปีนี้ก็ดูจะไม่ไกลเกินเอื้อมมากนัก
“ราคาทองหลังโดนตบจากจุดสูงสุดใหม่ $2,220 ลงมากว่า $70 ก็เริ่มสร้างฐานไต่ระดับราคาขึ้นเรื่อยๆ จนในอีก 1 วันก็จะปิดเดือนมีนาคม หากได้เห็นราคาทองปิดเหนือ $2,180-$2,200 นั่นหมายความว่าในเดือนเมษายน มีโอกาสที่ราคาทองจะพุ่งต่อไปสู่ระดับ $2,200-$2,300 ได้ไม่ยากเลย ก่อนที่กราฟและพื้นฐานจะเป็นใจมากไปกว่านี้”
InterGOLD แนะนำ สำหรับใครที่พอร์ตยังว่างหรือลังเลว่าจะเก็บทองดีไหมราคาสูงขนาดนี้ อาจจำเป็นที่ต้องจำใจทยอยเข้าบ้างแล้ว ไม่เช่นนั้นเราก็จะเห็นราคาทองไต่ระดับขึ้นแบบนี้ไปเรื่อยๆYLG Bullion แนะนำเสี่ยงซื้อ เมื่อราคาปรับตัวลงสามารถยืนเหนือ 2,173 พร้อมตัดขาดทุนหากหลุดแนวรับดังกล่าว เพื่อรอเข้าซื้อใหม่ หากราคาสามารถสร้างฐานได้บริเวณแนวรับถัดไป 2,158-2,144 ทยอยปิดสถานะซื้อทำกำไร หากราคาไม่ผ่านแนวต้านบริเวณ 2,200-2,223 หากผ่านได้ถือสถานะซื้อต่อ
ขณะที่ ศูนย์วิจัยทองคำ เผยการลงทุนทองคำในเดือนมีนาคม 2567 ผู้ค้าทองคำรายใหญ่ให้ความเห็นว่า หลังจากที่ราคาทองคำได้ทำจุดสูงสุดใหม่
“ในระยะสั้นอาจจะมีแรงขายทำกำไรสลับออกมาได้ แต่ภาพรวมของทองคำในระยะยาวยังอยู่ในทิศทางเชิงบวก”
....โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง และภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนในสหรัฐฯ ประกอบกับธนาคารกลางทั่วโลกที่ถือครองทองคำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง