รายงานพิเศษ : SA รับอานิสงส์นายกฯตั้งเป้าไทยเป็น Tourism Hub หนุนต่างชาติเที่ยวไทยดันธุรกิจโรงแรมบูม
นายกรัฐมนตรีตั้งเป้าหมายให้ไทยเป็น ศูนย์กลางเมืองท่องเที่ยว (Tourism Hub) อานิสงส์กลุ่มธุรกิจโรงแรม ที่ได้รับผลดีจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับการทำธุรกิจของ บมจ.ไซมิส แอสเสท (SA) ที่ผู้บริหารมั่นใจรายได้จากกลุ่มธุรกิจโรงแรม หนุนผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมาย
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เป็นประธานในพิธีเปิดงาน "เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ครั้งที่ 42 ประจำปี 2567" (Thailand Tourism Festival : TTF 2024) โดยระบุว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการท่องเที่ยว และได้ตั้งเป้าหมายให้ไทยเป็นศูนย์กลางเมืองท่องเที่ยว (Tourism Hub) ยกระดับเมืองรองให้เป็นเมืองหลักด้านการท่องเที่ยว ขยายโอกาสในการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว เพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน
ด้วยศักยภาพของเมืองไทย ที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม มีอัตลักษณ์ ศิลปวัฒนธรรม และวิถีชีวิตของชุมชนอันเป็นเอกลักษณ์ และยังมี Soft Power หลายสาขาที่สามารถชูเป็นจุดขายของไทยได้ ศักยภาพต่าง ๆ เหล่านี้จะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนให้ประเทศไทยก้าวสู่ความเป็น Tourism Hub ได้สำเร็จ
น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงจำนวนนักท่องเที่ยวในสัปดาห์ที่ 18-24 มี.ค. 67 ที่ผ่านมาว่า เป็นช่วงที่มีวันหยุดต่อเนื่องในหลายประเทศ โดยเฉพาะวันหยุดต่อเนื่องในช่วงเทศกาลโฮลีของประเทศอินเดีย ส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวอินเดียเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก หรือเพิ่มขึ้นถึง 4,411 คน จากสัปดาห์ก่อนหน้า อีกทั้งนักท่องเที่ยวชาวจีนยังคงเดินทางเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากการได้รับความเชื่อมั่นในการเดินทางจากมาตรการวีซ่าฟรี
สำหรับภาพรวมการท่องเที่ยวปีนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-24 มี.ค. 67 (ข้อมูล ณ วันที่ 25 มี.ค 67) ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมทั้งสิ้น 8,725,969 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 422,922 ล้านบาท โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน 1,628,624 คน มาเลเซีย 1,106,155 คน รัสเซีย 582,537 คน เกาหลีใต้ 533,387 คน และอินเดีย 439,355 คน
จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระตุ้นการให้บริการในธุรกิจเกี่ยวเนื่อง โดยเฉพาะโรงแรมที่พัก ที่มีการเติบโตต่อเนื่อง สะท้อนจากมุมมองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไซมิส แอสเสท (SA)ที่ ระบุว่าแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2567 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้อยู่ที่ประมาณ 7,000 ล้านบาท โดยคาดการณ์รายได้หลักจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ประมาณ 90% มาจากโครงการ Landmark At MRTA Station และโครงการหมู่บ้าน 4 โครงการ และส่วนของธุรกิจอื่นๆ ประมาณ 10% มาจากกลุ่มธุรกิจโรงแรม และกลุ่มธุรกิจสนับสนุน อาทิ ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการบริการ ธุรกิจเกี่ยวกับ Spa & Wellness ธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีของการพักอาศัย เป็นต้น
โดยในส่วนของกลุ่มธุรกิจโรงแรมเปิดให้บริการแล้วจำนวน 5 โรงแรม มียอดผู้เข้าใช้บริการกระจายตัวค่อนข้างดีจากลูกค้าในประเทศและต่างประเทศ ทั้งกลุ่มเอเชีย โดยเฉพาะ จีน เกาหลีใต้ รวมถึงนักท่องเที่ยวยุโรป และรัสเซียด้วย และที่เกินความคาดหมายคือลูกค้าจากอินเดียที่มีการตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้เชื่อมั่นว่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปีนี้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้
แม้ว่าแนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ปีนี้มีความท้าทายอย่างมาก ด้วยการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ หรืออัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ส่งผลกระทบต่อความต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้วางแผนการเตรียมความพร้อมรับมือในหลายๆ กรณี และมีการกระจายความเสี่ยงไปสู่ธุรกิจการให้บริการ เช่น ธุรกิจโรงแรม เพื่อสร้างกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ อีกทั้งจากการวางรากฐานในปีก่อน ทำให้ปีนี้มียอดรอโอนโครงการ Landmark At MRTA Station ประมาณ 4,000 ล้านบาท เป็นเหตุสนับสนุนให้คาดว่าจะสามารถสร้างผลงานเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปีนี้
ทั้งนี้ ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทฯ ณ ปัจจุบัน อยู่ระหว่างก่อสร้างประมาณ 7 โครงการแบ่งเป็น ประเภทแนวสูง 2 โครงการ ประกอบด้วย 1. Landmark At Grand Station และ 2. Landmark At Kaset TSH Station ประเภทแนวราบ 5 โครงการ ประกอบด้วย 1. Monsane Exclusive Villa Ratchapruek-Pinklao 2. Siamese Holm Phahol-Vibhavadi 3. Siamese Blossom Phahol-Vibhavadi 4. Monsane Ratchapruek-Chaeng Watthana และ 5. Island Collection Phuket (JV) มียอดขายรอโอนรวม (Backlog) มูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ถึงปี 2569