Talk of The Town

ประเมินกำไรแบงก์ Q1/67 เพิ่มขึ้นแค่ 2% จากปีก่อน


02 เมษายน 2567
บล.บัวหลวงระบุว่า เราคาดกำไรสุทธิกลุ่มธนาคาร 1Q24 เท่ากับ 5.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% YoY (NIM สูงขึ้น) และ 20% QoQ (การตั้งสำรองหนี้ฯ และค่าใช้ดำเนินงานลดลง) โดยเราคาดธนาคารที่จะรายงานกำไรเติบโตได้ดี YoY นำโดย TTB, KTB, BBL และ KBANK ขณะที่คาดธนาคารที่จะรายงานกำไรสุทธิ 1Q24 ลดลง YoY นำโดย KKP และ SCB ส่วน TISCO คาดจะรายงานกำไรค่อนข้างทรงตัว YoY 

คาดกำไรแบงก์ 1-1 copy.jpg

เราคาดกำไรสุทธิ 2Q24 ของกลุ่มธนาคารจะอยู่ที่ราว 5 หมื่นล้านบาท ลดลง 5% YoY (ค่าใช้จ่ายดำเนินงานสูงขึ้นและกำไรจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนลดลง) และ 3% QoQ (NIM อ่อนตัวลง) โดยเราคาดธนาคารที่จะรายงานกำไรลดลง YoY นำโดย KKP, SCB และ TISCO

Fundamental View : Top picks ของกลุ่มธนาคาร เราเลือก KTB และ KBANK

บล.ฟินันเซียไซรัส คาดกำไรสุทธิของ ธ.พ.7 แห่งที่ศึกษาเท่ากับ 5.06 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยฯ ถึง 18.6% q-q และ 1.1% y-y หนุนด้วย 1) การลดลงของค่าใช้จ่ายดำเนินงานหลังพ้นช่วงฤดูกาล และ 2) การลดลงของค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ฯ (ECL) และ credit costs ทำให้ช่วยชดเชยผลกระทบจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย non-NII ที่คาดหดตัวลง และรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิ (NII) ที่ยังค่อนข้างทรงตัวในงวดนี้ ซึ่งเป็นไปตามสถานการณ์สินเชื่อที่คาดหดตัว 0.3% q-q (แต่ยังเพิ่มขึ้น 0.4% y-y) และคาด NIM ยังบวกได้เล็กน้อย 2bp มาที่ 3.62%  
 
เราคาด ธ.พ.ส่วนใหญ่จะแสดงการเติบโตของกำไรสุทธิ 1Q24 q-q ยกเว้น TISCO ที่คาดหดตัวเล็กน้อย โดย KTB และ KKP จะแสดงการเติบโตของกำไรสุทธิที่โดดเด่นสุด q-q (พลิกจากที่แย่สุดใน 4Q23 ซึ่งการเติบโตเป็นผลมาจากฐานกำไรที่ลงไปต่ำมากใน 4Q23) ขณะที่การเปลี่ยนแปลง y-y เราคาด ธ.พ.ส่วนใหญ่แสดงการเติบโตของกำไรสุทธิที่สูงขึ้น ยกเว้น KKP (ผลกระทบจากคาดการณ์การบันทึกผลขาดทุนจากการขายรถยึดที่ระดับสูงต่อเนื่อง) และ TISCO (คาด ECL ไต่ระดับสูงขึ้น) ที่คาดกำไรหดตัวลง สวนทางกับ TTP คาดกำไรฟื้นตัวเด่นสุดเมื่อเทียบกับ 1Q23  
 
ภาพรวมคุณภาพสินทรัพย์ยังเป็นปัจจัยกดดันหลักของกลุ่มฯ อย่างต่อเนื่องอีกใน 1Q24 แต่ส่วนใหญ่อยู่ในวิสัยที่บริหารจัดการได้ โดยคาดยังเห็นการเพิ่มขึ้นของ NPL รายใหม่ๆ จากกลุ่มสินเชื่อ SME และรายย่อยที่เป็นปัญหาต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ภายหลังหมดมาตรการช่วยเหลือของ ธปท. ตั้งแต่สิ้นปี 2023 นอกจากนี้ กรณีของสินเชื่อรายใหญ่ ITD ธ.พ.ส่วนใหญ่ได้จัดชั้นสินเชื่อรายนี้เป็นสินเชื่อ stage 2 แล้ว พร้อมกันสำรองส่วนเกินเผื่อไว้ด้วย น่าจะช่วยลดความกังวลต่อประเด็นนี้ไปได้มาก สำหรับคาดการณ์ NPL ratio ณ สิ้น 1Q24 ขึ้นมาเล็กน้อยที่ 3.61% credit costs เท่ากับ 157bp ลดลงจาก 178bp ใน 4Q23 ทำให้คาดการณ์ coverage ratio เพิ่มขึ้นมาที่ 194% จาก 189% ใน 4Q23  
 
คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2024 เราประเมินว่าจะหดตัวลง 2% y-y และกลับมาเติบโตเฉลี่ยราว 5% p.a. ในปี 2025-26 ภายใต้สมมติฐานที่ conservative และยึด guidance ปี 2024 ของ ธ.พ.ส่วนใหญ่ที่เป็นไปอย่างระมัดระวัง โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากการเติบโตของสินเชื่อสุทธิที่ประเมินไว้ 2.7% y-y NIM ทรงตัวที่ราว 3.41% และคาดการณ์รายได้ค่าธรรมเนียมฯ เติบโต 2% y-y 

จากภาพรวมที่กล่าวมา ทำให้เรายังคงให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่ม bank ที่น้อยกว่าตลาด โดยเลือก TTB (TP@THB2.19) จากปัจจัยบวกเฉพาะตัวเรื่องคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2024-26 ที่เติบโตโดดเด่นเหนือค่าเฉลี่ยกลุ่มฯ จากการบริหารจัดการสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่คงเหลือกว่า 1.50 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ เรายังชอบ KTB (TP@THB19.90) จากความกังวลเรื่องคุณภาพสินทรัพย์ที่ลดลง อีกทั้งราคาหุ้นปรับฐานไปมากสะท้อนปัจจัยลบต่างๆ ไปมากแล้ว และยังมีปันผลจูงใจกว่า 5% p.a.