จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : ผู้ว่าฯกฟผ.คนใหม่ประกาศภารกิจใหญ่ สร้างความมั่นคงไฟฟ้าหนุนผลงาน PCC โดดเด่น


04 เมษายน 2567

ผู้ว่าการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) "เทพรัตน์ เทพพิทักษ์" เดินหน้า 5 ภารกิจใหญ่ สร้างความมั่นคงด้านพลังงาน รองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น  ดันผลงาน บมจ.พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น (PCC) เติบโตแข็งแกร่งและยั่งยืน

รายงานพิเศษ ผู้ว่าฯกฟผ.คนใหม่ประกาศภารกิจ.jpg

ผู้ว่าการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) คนใหม่ "เทพรัตน์ เทพพิทักษ์" ระบุแนวทางการบริหารงาน หลังเข้ารับตำแหน่ง  เร่งเดินหน้า 5 ภารกิจหลัก โดยหนึ่งในภาระที่กฟผ.ให้ความสำคัญ ได้แก่  การรักษาความมั่นคงระบบไฟฟ้า ซึ่งต้องเผชิญความท้าทาย ทั้งจากการบริหารจัดการพลังงานหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและมีความผันผวนสูง

รวมถึงปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากการชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า ทำให้ กฟผ. จำเป็นต้องเร่งพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าให้มีความทันสมัย (Grid Modernization) เพื่อรองรับการบริหารจัดการปริมาณไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าหลัก อาทิ ปรับปรุงโรงไฟฟ้าของ กฟผ. ให้มีความยืดหยุ่น (Flexible Power Plant) การพัฒนาศูนย์การพยากรณ์การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Forecast Center)

และศูนย์ควบคุมการตอบสนองด้านโหลด (Demand Response Control Center) เพื่อลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าจากผู้ใช้ไฟฟ้าที่สมัครใจ ในช่วงความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงเพื่อสร้างความสมดุลให้ระบบไฟฟ้า และเตรียมพร้อมต่อยอดสู่โรงไฟฟ้าเสมือน (Virtual Power Plant) ในการบริหารจัดการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนได้อย่างต่อเนื่อง

รวมทั้งการออกแบบระบบไฟฟ้าของประเทศเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตามเป้าหมาย Carbon Neutrality ของประเทศ ทั้งการเดินหน้าพัฒนาโครงการโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดในเขื่อนของ กฟผ. และศึกษาพัฒนาเชื้อเพลิงทางเลือกอื่น ๆ โดยเฉพาะไฮโดรเจน ซึ่งเป็นได้ทั้งเชื้อเพลิงเผาไหม้เหมือนก๊าซธรรมชาติ และเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) รวมถึงมีแนวโน้มราคาที่ถูกลง

โดยในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ยังสามารถนำไฮโดรเจนมาใช้เป็นเชื้อเพลิงร่วมในโรงไฟฟ้าของ กฟผ. ที่มีอยู่เดิมโดยไม่ต้องปรับปรุงโรงไฟฟ้า รวมถึงศึกษาและนำเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอนมาใช้ด้วย

"กฟผ. เป็นกลไกของรัฐ เพื่อดำเนินนโยบายด้านพลังงาน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจในการพัฒนาประเทศ โดยในช่วงที่ประเทศไทยเดินหน้าเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ด้วยการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนมากขึ้นนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ระบบไฟฟ้าต้องมีประสิทธิภาพและความมั่นคงสูง พร้อมส่งต่อไฟฟ้าที่มีคุณภาพไฟไม่ตก ไม่ดับ ควบคู่กับการดูแลค่าไฟฟ้าให้สามารถแข่งขันได้และเป็นธรรม เพื่อเป็นปัจจัยดึงดูดนักลงทุน และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ" ผู้ว่าฯ กฟผ. กล่าว

ซึ่งหากนึกถึงระบบไฟฟ้า ต้องนึกถึงผู้นำอย่าง บมจ.พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น (PCC) ซึ่ง “กิตติ สัมฤทธิ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ระบุแนวโน้มผลประกอบการปี 67 ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีมูลค่างานในมือแล้ว 4,244 ล้านบาท  

นอกจากนี้บริษัทยังได้รับปัจจัยบวกจากการขยายตัวของระบบสมาร์ทกริด โดยตั้งเป้ารายได้ในปีนี้ เติบโต10% จากปีก่อน เนื่องจากรับประโยชน์จากการเติบโตของระบบสมาร์ทกริด ทำให้มีการลงทุนเพิ่มโดยหน่วยงานภาครัฐและเอกชน

และเมื่อกลางเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา  บริษัท พรีไซซ สมาร์ทกริด โปรดักส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท แปซิฟิค พรอสเพอริตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ที่บริษัทฯ ถือหุ้น  99.99% ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะประกวดราคาการซื้อขายหม้อแปลงไฟฟ้า 1 เฟส 30 กิโลโวลท์แอมป์ 22 กิโลโวลท์จำนวน 1,300 เครื่อง ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค  มูลค่าสัญญารวม 113,088,300.00 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) กำหนดการส่งมอบผลิตภัณฑ์ภายใน 105 วัน นับถัดจากวันลงนามในสัญญาซื้อขาย

PCC