จิปาถะ

AURA กับราคาทองคำ ทำไมทองขึ้น แต่หุ้น AURA ลง ?


05 เมษายน 2567
AURA กับราคาทองคำ.jpg

ช่วง 3 เดิอนที่ผ่านมา ราคาทองคำโลกพุ่งขึ้นอย่างมาก ถ้าคิดตามหลักเป็นเหตุเป็นผล เราน่าจะพอคาดเดาได้ว่าผู้ค้าทอง หรือบริษัทที่ทำเกี่ยวกับการขายทองรูปพรรณน่าจะได้ประโยชน์มากที่สุด แต่กลับไม่ใช่แบบนั้น เพราะถ้าเราไปดูหุ้น AURA หรือ บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) ค้าปลีกทองรูปพรรณ เครื่องประดับเพชรและอัญมณี และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่นที่มีบริการแบบครบวงจร (One Stop Service) จะพบว่าใน 4 เดือนนี้ ราคาหุ้นปรับตัวลงไปแล้ว -8.55% และ -26% ภายใน 12 เดือน


ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ทำไมทองคำขึ้น แต่หุ้น AURA ถึงลง ?

คำตอบที่พอจะอธิบายประเด็นนี้ได้ คือ ราคาทองคำที่มีแนวโน้มขาขึ้นอาจลดประสิทธิภาพในการบริหารของเงินทุนของบริษัท เนื่องจากอัตราการหมุนเวียนของสินค้าคงคลังจะลดลง ขณะที่มูลค่าสินค้าคงคลังจะเพิ่มขึ้น จากความกังวลนี้ ทำให้นักลงทุนเทขายหุ้น AURA เพื่อลดความเสี่ยงออกมาก่อน เพราะไม่สามารถรู้ได้ว่า หุ้น AURA จะได้ประโยชน์มากแค่ไหน อีกทั้งราคาทองคำที่ขึ้นมา อาจจะทำให้เกิดปัญหาด้านเงินทุนของบริษัทก็เป็นไปได้

เมื่อไม่นานมานี้ AURA ได้จัดงานประชุมนักวิเคราะห์ โดยมีสาระสำคัญ 

1. AURA ตั้งเป้าการเติบโตของกำไรสุทธิ 10-15% 
2. เพิ่มพอร์ตขายฝากทองเป็น 3.8 พันล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโตประมาณ 44.2% 
3. ตั้งเป้าขยายสาขาใหม่ 78 แห่ง รวมเป็น 484 แห่ง
4. บริษัทมุ่งเน้นไปที่การขายขาด และขายฝาก ในช่วงที่ราคาทองคำมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์กสิกรไทย มองว่า AURA น่าจะได้ประโยชน์จากกิจกรรมเกี่ยวกับทองคำที่มากขึ้นและ AURA เป็นรายใหญ่มีสาขามากทำให้จะได้รับประโยชน์เต็มที่ การขยายสาขาเชิงรุกจะทำให้ AURA อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะดึงดูดอุปสงค์การซื้อทองคำของผู้บริโภคให้กลับมาเมื่อสภาวะเศรษฐกิจดีขึ้นโดยคาดจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังปีนี้ และประเด็นที่สำคัญที่สุด ที่นักลงทุนมองข้ามไม่ได้เลย คือ AURA มีงบดุลที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ราคาทองที่เพิ่ม จะทำให้ลดประสิทธิภาพในการบริหารของเงินทุนของบริษัท ดังนั้น ผลประกอบการของ AURA อาจจะลดลงในช่วงครึ่งปีแรก และดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จากการบริโภคที่ดีขึ้นหลังรัฐบาลอัดฉีดเม็ดเงินเข้ามาในระบบเศรษฐกิจ

อ่านมาถึงตรงนี้ เราอาจจะรู้สึกสงสัยว่า ราคาทองคำที่ขึ้น จะเป็นบวกกับร้านขายทอง ไหม ? 
คำตอบสั้นๆ คือ ไม่ได้รับประโยชน์ หรือเสียประโยชน์ เพราะ ร้านทองจะ "ไม่ได้คาดหวัง" กำไรหรือขาดทุน จากราคาทองที่เปลี่ยนไปในแต่ละวัน แต่ตัวเองทำตัวเสมือเป็นคนกลาง นายหน้า ซื้อขายเท่านั้น พูดง่ายๆ คือ ถ้าร้านทองได้ทองมาแพง ก็สามารถที่จะขายแพงได้ ถ้าร้านทอง ได้ทองมาถูก ก็สามารถที่จะขายถูกได้เหมือนกัน ปัจจัยสำคัญ คือ การบริหารสินค้าคงคลัง (ซึ่งก็คือทองคำ) ไม่ให้มีมากหรือน้อยจนเกินไป ส่วนกำไรของร้านทอง คือ การกินส่วนต่างราคาซื้อขาย ค่ากำเหน็จ หรือดอกเบี้ยจากการจำนำทอง

แล้วถ้าในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ คือ คนแห่มาซื้อ และแห่กันมาขายละ จะเป็นอย่างไร ? 
... เวลามีคนแห่มาขายทองคำ 
ทำให้ร้านค้าไม่มีเงินสดเพียงพอจะรับซื้อทองคำ ก็อาจจะปิดรับการซื้่อทองคำในวันนั้นๆ
... เวลามีคนแห่มาซื้อทองคำ
ร้านค้าก็อาจจะมีทองไม่เพียงพอ ก็สามารถซื้อทองจากผู้ขายส่ง และส่งมอบให้ผู้ที่ต้องการซื้อในภายหลัง

โดยสรุปแล้ว ราคาทองคำที่ขึ้น ไม่ได้ส่งผลบวกหรือลบต่อร้านค้าทอง แต่อาจจะส่งผลกระทบในเชิงบวก แง่ของความเชื่อมั่นว่าทองคำ คือ สินทรัพย์ที่เหมาะสมแก่การลงทุนระยะยาว และเปลี่ยนให้ธุรกิจขายทองมีความราบรื่นขึ้นได้

ในส่วนประเด็นของ AURA นักลงทุนอาจจะรู้สึกกังวลว่า ราคาทองคำที่มีแนวโน้มขาขึ้นอาจลดประสิทธิภาพในการบริหารของเงินทุนของบริษัท และจะส่งผลให้ผลประกอบการของ AURA ลดลง แต่บทวิเคราะห์กสิกรไทย วิเคราะห์ว่า อาจจะลดลงในครึ่งปีแรก และดีขึ้นในครึ่งปีหลัง อีกทั้งยังแสดงความมั่นใจว่างบดุลของ AURA อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง

ที่มา : https://stock2morrow.com/article/6001