“เซียนฮง” ตุนกำไรเข้าพอร์ตกว่า 54 ลบ. หลังโผล่ถือหุ้นใหญ่อันดับ 6 หุ้น NEO เข้าเทรดวันแรกราคาพุ่ง 23.08%
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นไอพีโอน้องใหม่อย่าง บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) หรือ NEO ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรง โดยวันนี้ (9 เม.ย.67) ทำราคาเปิดการซื้อขายที่ระดับ 48 บาท เพิ่มขึ้น 9 บาท หรือเพิ่มขึ้น 23.08% จากราคา IPO ที่ 39 บาท ก่อนที่จะปิดการซื้อขายของภาคเช้าที่ 45 บาท เพิ่มขึ้น 15.38% จากราคา IPO
สำหรับ NEO ดำเนินธุรกิจผลิต และจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภค ซึ่งประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล และกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้สำหรับเด็ก
ทั้งนี้โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 อันดับแรก มีความน่าสนใจอย่างมาก โดยพบว่า เซียนฮง หรือ นาย สถาพร งามเรืองพงศ์ ติดผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 6 จำนวน 6,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 2% ดังนั้นหาก เซียนฮง ขายที่ราคาเปิดการซื้อขาย มีโอกาสฟันกำไรไปกว่า 54 ล้านบาท เมื่อเทียบกับฐานราคา IPO
ขณะที่ในแง่ของปัจจัยพื้นฐาน NEO นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 ที่ 45.35 บาท ประเมินว่า NEO อยู่ในตำแหน่งผู้นำที่จะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์จาก branding position ที่ดี ในส่วนของข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน แบรนด์ Fineline และ D-nee ของ NEO ถือว่าอยู่ในลำดับต้น ๆ
โดยสามารถเพิ่มและรักษาส่วนแบ่งการตลาดตั้งแต่ปี 2561 ถึง 2565 เนื่องจากสามารถปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของตลาดได้เสมอมา
สำหรับเป้าหมายของ NEO ในการขยายธุรกิจในต่างประเทศโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ CLMV จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเติบโต เนื่องจาก สามารถเดินตามความสำเร็จเหมือนที่ทำได้ ในประเทศ NEO ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนช่องทางการขายในต่างประเทศจาก 13% ณ ช่วงของปี 2566
ขณะที่คาดว่ากำไรปกติของ NEO จะมี CAGR ช่วง 5 ปี (ปี 2566-71) ที่ 15% หนุนจากรายได้ที่เติบโตปีละ 14% และอัตรากำไรที่สูงขึ้น และคาดว่ารายได้ที่เติบโตขึ้น แข็งแกร่งของ NEO จะส่งผลให้เกิด operating leverage effect ที่ดีจากต้นทุนคงที่ระดับสูง จากการขยายกำลังผลิต เช่น ค่าใช้จ่าย D&A คาด ROE จะยังอยู่ที่ 19-22% ตลอดปี 2567-71
ด้านนายสุทธิเดช ถกลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NEO เปิดเผยว่า ด้วยศักยภาพของบริษัทฯ ที่วางรากฐานอย่างแข็งแกร่ง การยกระดับเทคโนโลยีสมัยใหม่ขยายกำลังการผลิตภายในโรงงาน คลังวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ พร้อมกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ที่มีคุณภาพ มีเอกลักษณ์โดดเด่นเทียบเท่าระดับสากล จะช่วยสนับสนุนให้ NEO เป็นหุ้นที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน
โดยบริษัทฯ มีเป้าหมาย “มุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัท FMCG แห่งนวัตกรรมของเอเชีย ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้บริโภค” เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ช่วยดูแลชีวิตประจำวันของทุกคนให้ได้รับความสะดวกสบายและมีคุณภาพชีวิตที่ดีมากขึ้น เพื่อเป็นการยกระดับความสุขของผู้บริโภคให้ทุกวันดียิ่งขึ้น (Uplift The Essentials for Everyday Betterment)
ทั้งนี้ วางแผนขยายการลงทุนในปี 2567-2570 คาดว่าใช้เงินลงทุน 6,530 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการลงทุนขยายกำลังการผลิตสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน (Household Products) ซึ่งรวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือนสำหรับเด็ก เพิ่มกำลังการผลิต 163,200 ตันต่อปี โครงการขยายกำลังการผลิตสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล (Personal Care Products) ซึ่งรวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลสำหรับเด็ก เพิ่มกำลังการผลิต 18,100 ตันต่อปี
และโครงการขยายคลังวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ และระบบบริหารจัดการคลัง เพิ่มพื้นที่จัดเก็บ 18,200 พาเลท โดยทั้งสามโครงการจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตรวมของบริษัทฯ เป็นประมาณ 416,082 ตันต่อปี และจำนวนพาเลทสำหรับคลังวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ เป็นประมาณ 29,620 พาเลท ในปี 2570