เรื่องเด่นวันนี้
จับตา “ดิจิทัลวอลเล็ต” วันนี้! ชี้ขาดหุ้นไทยทะยานหรือดิ่งเหว หากเกิดขึ้นจริงกลุ่มไหนได้ประโยชน์
10 เมษายน 2567
วันนี้ (10 เม.ย.) มีประเด็นสำคัญที่นักลงทุนต้องเกาะติดให้แน่นๆ อย่าง การประชุม กนง. และ ข้อสรุปนโยบาย Digital Wallet ซึ่งต้องจับตาดูกันว่า เมื่อมีความชัดเจนแล้ว จะส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยอย่างไรกันบ้าง

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ Share2Trade ได้นำเสนอประเด็นเปิดคำทำนายผลประชุม กนง.วันนี้ หากลดดอกเบี้ย หรือคงดอกเบี้ย จะส่งผลอย่างไรต่อตลาดหุ้นไทยไปแล้ว ดังนั้นจึงถึงคิวประเด็น Digital Wallet ว่าจะส่งผลด้านไหนต่อตลาดหุ้นกันบ้าง
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) มีความเห็นว่า ข้อสรุปนโยบาย Digital Wallet ประเด็นหลักที่ตลาดจะจับตาอยู่ที่แหล่งที่มาของเงินทุน หากเป็นไปตามกระแสช่วงหลังที่มาจากงบประมาณ เชื่อว่าตลาดจะกังวลน้อยกว่ากรณีออก พ.ร.บ. กู้เงิน และเป็นบวกต่อกลุ่มอิงบริโภค โดยเฉพาะค้าปลีก เน้น CPALL, CPAXT, BJC
ขณะที่นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด มีความเห็นว่า วันนี้ติดตามการประชุม Digital Wallet คาดทำให้รู้แนวทางของนโยบายดังกล่าวมากขึ้น ทั้งในส่วนของแหล่งที่มาของเงิน, มูลค่าเม็ดเงินโครงการ, กดเกณฑ์ของผู้ที่จะได้รับสิทธิ
โดยหลายสำนักเศรษฐกิจคาดการณ์ไว้ว่านโยบายดังกล่าว จะช่วยทำให้เกิดพายุหมุนทาง เศรษฐกิจช่วงสั้น หรือ คิดเป็นสัดส่วนราว 0.6-1% ของมูลค่า GDP และ หนุน GDP GROWTH ทั้งปี 2567 โตแตะระดับ 4% (หากไม่มี Digital Wallet คาด GDP ปีนี้โตในกรอบ 2.8-3.5%) ดีต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีก, อาหาร-เครื่องดื่ม, ธนาคารพาณิชย์, ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น
ส่วนนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มีความเห็นว่า นักลงทุนส่วนใหญ่ รอดูรายละเอียดของ โครงการแจกเงิน 1 หมื่นบาท มานานแล้ว และเดือนที่ผ่านมาดัชนีแกว่งกรอบแคบ ส่วนหนึ่งมาจากการรอ คอยอันนี้
ฉะนั้น เมื่อมีความชัดเจน ดัชนีฯ น่าจะเลือกทางเดินว่าจะขึ้นหรือลง รวมถึงหุ้นกลุ่มค้าปลีก และค่าเงินบาทด้วย โดยประเมินว่าหุ้นจะขึ้นถ้าคนรู้สึกว่าไม่ก่อหนี้มาก และเงินที่แจกสร้าง multiplier ให้กับเศรษฐกิจได้จริงๆ ซึ่งการแจกเงินครั้งนี้ จะโยงไปที่การก่อหนี้ของรัฐบาล โดยมีผลต่อค่าเงินบาทและ ตลาดหุ้นโดยตรง
สำหรับข้อเปรียบเทียบหาก Digital Wallet ทำได้จริง โดยในมุมของปัจจัยบวกห้างสรรพสินค้า ร้านค้าในห้าง ธุรกิจค้าส่งธุรกิจจำหน่ายวัสดุก่อสร้างได้ประโยชน์
อีกทั้งมองว่า เงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจมากขึ้นรัฐเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งช่วยเหลือสภาพคล่องของผู้ประกอบการที่มีปัญหา และกลุ่มธุรกิจธนาคารได้ประโยชน์จากการให้บริการแอปฯ ของธนาคาร (กรณีไม่แจกเป็น Token)
ขณะที่ปัจจัยลบหากมาตรการไม่รัดกุมเพียงพอ ประชาชนอาจนำเงินมาเก็บโดยไม่ใช้จ่าย ทำให้เงินไม่หมุนเวียนตามที่รัฐฯ ต้องการ รวมทั้งจากการจำกัดเขตการใช้จ่ายเงินวงแคบ อาจทำให้มีผู้ใช้สิทธิได้ไม่ถึงตามเป้าที่ตั้งไว้ และหนี้สินของประเทศ อาจมากกว่าปกติมีผลต่อค่าเงินบาท

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ Share2Trade ได้นำเสนอประเด็นเปิดคำทำนายผลประชุม กนง.วันนี้ หากลดดอกเบี้ย หรือคงดอกเบี้ย จะส่งผลอย่างไรต่อตลาดหุ้นไทยไปแล้ว ดังนั้นจึงถึงคิวประเด็น Digital Wallet ว่าจะส่งผลด้านไหนต่อตลาดหุ้นกันบ้าง
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) มีความเห็นว่า ข้อสรุปนโยบาย Digital Wallet ประเด็นหลักที่ตลาดจะจับตาอยู่ที่แหล่งที่มาของเงินทุน หากเป็นไปตามกระแสช่วงหลังที่มาจากงบประมาณ เชื่อว่าตลาดจะกังวลน้อยกว่ากรณีออก พ.ร.บ. กู้เงิน และเป็นบวกต่อกลุ่มอิงบริโภค โดยเฉพาะค้าปลีก เน้น CPALL, CPAXT, BJC
ขณะที่นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด มีความเห็นว่า วันนี้ติดตามการประชุม Digital Wallet คาดทำให้รู้แนวทางของนโยบายดังกล่าวมากขึ้น ทั้งในส่วนของแหล่งที่มาของเงิน, มูลค่าเม็ดเงินโครงการ, กดเกณฑ์ของผู้ที่จะได้รับสิทธิ
โดยหลายสำนักเศรษฐกิจคาดการณ์ไว้ว่านโยบายดังกล่าว จะช่วยทำให้เกิดพายุหมุนทาง เศรษฐกิจช่วงสั้น หรือ คิดเป็นสัดส่วนราว 0.6-1% ของมูลค่า GDP และ หนุน GDP GROWTH ทั้งปี 2567 โตแตะระดับ 4% (หากไม่มี Digital Wallet คาด GDP ปีนี้โตในกรอบ 2.8-3.5%) ดีต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีก, อาหาร-เครื่องดื่ม, ธนาคารพาณิชย์, ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น
ส่วนนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มีความเห็นว่า นักลงทุนส่วนใหญ่ รอดูรายละเอียดของ โครงการแจกเงิน 1 หมื่นบาท มานานแล้ว และเดือนที่ผ่านมาดัชนีแกว่งกรอบแคบ ส่วนหนึ่งมาจากการรอ คอยอันนี้
ฉะนั้น เมื่อมีความชัดเจน ดัชนีฯ น่าจะเลือกทางเดินว่าจะขึ้นหรือลง รวมถึงหุ้นกลุ่มค้าปลีก และค่าเงินบาทด้วย โดยประเมินว่าหุ้นจะขึ้นถ้าคนรู้สึกว่าไม่ก่อหนี้มาก และเงินที่แจกสร้าง multiplier ให้กับเศรษฐกิจได้จริงๆ ซึ่งการแจกเงินครั้งนี้ จะโยงไปที่การก่อหนี้ของรัฐบาล โดยมีผลต่อค่าเงินบาทและ ตลาดหุ้นโดยตรง
สำหรับข้อเปรียบเทียบหาก Digital Wallet ทำได้จริง โดยในมุมของปัจจัยบวกห้างสรรพสินค้า ร้านค้าในห้าง ธุรกิจค้าส่งธุรกิจจำหน่ายวัสดุก่อสร้างได้ประโยชน์
อีกทั้งมองว่า เงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจมากขึ้นรัฐเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งช่วยเหลือสภาพคล่องของผู้ประกอบการที่มีปัญหา และกลุ่มธุรกิจธนาคารได้ประโยชน์จากการให้บริการแอปฯ ของธนาคาร (กรณีไม่แจกเป็น Token)
ขณะที่ปัจจัยลบหากมาตรการไม่รัดกุมเพียงพอ ประชาชนอาจนำเงินมาเก็บโดยไม่ใช้จ่าย ทำให้เงินไม่หมุนเวียนตามที่รัฐฯ ต้องการ รวมทั้งจากการจำกัดเขตการใช้จ่ายเงินวงแคบ อาจทำให้มีผู้ใช้สิทธิได้ไม่ถึงตามเป้าที่ตั้งไว้ และหนี้สินของประเทศ อาจมากกว่าปกติมีผลต่อค่าเงินบาท