ในวันที่ 9 เมษายน 2566 กระทรวงการคลังเผยครม.เห็นชอบมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ 5 ข้อ ดังนี้
1) ลดค่าธรรมเนียมโอนจาก 2% เหลือ 0.01% และค่าจดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% สำหรับราคาที่อยู่อาศัยไม่เกิน 7 ลบ. มีผลตั้งแต่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาถึง 31 ธ.ค. 2024
2) มาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ต้องการปลูกสร้างบ้าน โดยลดหย่อนได้ 1 หมื่นบ.ต่อทุกค่าก่อสร้าง 1 ลบ. แต่รวมไม่เกิน 1 แสนบ.
3) โครงการสินเชื่อบ้านของธอส. Happy Home สนับสนุนสินเชื่อให้ผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางในอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% เป็นเวลา 5 ปี วงเงินกู้ไม่เกิน 3 ลบ.
4) โครงการสินเชื่อบ้านของธอส. Happy Life ให้อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 2.98% วงเงินกู้ไม่เกิน 2.5 ลบ.
5) โครงการบ้าน BOI ที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย โดยให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกอบการอสังหาฯ ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปี โดยมีเงื่อนไขราคาไม่เกิน 1.5 ลบ. ยื่นขอรับถึงสิ้นปี 2025
ด้านบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า เป็น Sentiment เชิงบวก มาตรการข้างต้นถือว่าสอดคล้องกับข่าวก่อนหน้า
โดยมาตรการที่มีน้ำหนักสุดคือ การลดค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนองที่เพิ่มราคาที่อยู่อาศัย จากเดิมไม่เกิน 3 ลบ. เป็นไม่เกิน 7 ลบ. ซึ่งมีผลบวกเป็นวงกว้างขึ้นเป็นครอบคลุม 80% ของตลาดรวม และช่วยกระตุ้นตลาดได้บางส่วน โดยเราประเมิน AP, SPALI เป็นผู้ได้รับประโยชน์มากกว่ารายอื่นจากพอร์ตใหญ่ในกลุ่ม 3-7 ลบ. รวมถึงมีโครงการที่ขายและโอนทันภายในปีนี้
ส่วนโครงการบ้าน BOI มองว่าไม่จูงใจต่อการพัฒนาโครงการนัก เนื่องจากค่าใช้จ่ายภาษีเป็นสัดส่วนน้อยของต้นทุน รวมถึงเป็นกลุ่มลูกค้ามีกำลังซื้อเปราะบางและ Rejection สูง