บมจ. พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) เดินหน้าดันบริษัทร่วมทุน บริษัท แมกซ์บิท ดิจิทัล แอสเซท จำกัด (Maxbit) ปูพรมลุยธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ยั้ง หนุนรายได้ธุรกิจ Non-oil กลุ่มพีทีจีให้เติบโตอย่างยั่งยืน ฟาก “ปกเขตร รัชกิจประการ” บิ๊กบอส Maxbit ประกาศเดินหน้าปั๊มสมาชิกเทรดเป็น 3.5 แสนรายในปี 67 พร้อมก้าวสู่เบอร์ 2 ของกลุ่มนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย ด้วยมาร์เก็ตแชร์ระดับ 9-10%
นายปกเขตร รัชกิจประการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แมกซ์บิท ดิจิทัล แอสเซท จำกัด (Maxbit) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) กับพันธมิตร โดย PTG มีสัดส่วนการลงทุนที่ 35% เปิดเผยว่า Maxbit ภายหลังจากที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจากกระทรวงการคลังให้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจำนวน 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทนายหน้าซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) และประเภทนายหน้าซื้อขายโทเคนดิจิทัล บริษัทฯ ได้เดินหน้าดำเนินธุรกิจนี้ตามแผนที่วางไว้
โดย Maxbit ดำเนินธุรกิจนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Broker) ด้วยวิสัยทัศน์ คือ การปฏิวัติอุตสาหกรรมบริการ สกุลเงินดิจิทัล หรือ คริปโทเคอร์เรนซี ในประเทศไทยจากความเข้าใจและสร้างสรรค์ร่วมกัน ทั้งนี้ ได้ตั้งเป้าปี 2567 จะมีสมาชิกซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลประมาณ 350,000 ราย และมั่นใจว่ามาร์เก็ตแชร์ปีนี้จะเติบโตอยู่ที่ระดับ 9-10% พร้อมก้าวสู่เบอร์ 2 ของกลุ่มตลาดนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย
ทั้งนี้ บริษัทฯ เล็งเห็นโอกาสในธุรกิจด้านสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่ไม่ใช่ธุรกิจน้ำมัน (Non-Oil Business) ที่เชื่อว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้แก่ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) ได้อย่างมีนัยสำคัญ และเชื่อมั่นว่า Maxbit จะสามารถนำจุดแข็งของบริษัทฯ ที่มีสมาชิก Max Card กว่า 21.5 ล้านสมาชิก รวมถึง Touchpoints กว่า 1.5 ล้าน Touchpoints ของ Max Me มาต่อยอดเป็นลูกค้าของ Maxbit โดยกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ กลุ่มลูกค้าในช่วงวัยทำงานและผู้ที่สนใจในด้านการลงทุน
“การลงทุนในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ทางกลุ่ม PTG มองการเติบโตและคาดหวังว่าจะก้าวขึ้นสู่อันดับ 2 ในตลาดนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งคงต้องจับตามองกันต่อไป เพราะหากเราประสบความสำเร็จ สิ่งที่เราพัฒนาขึ้นมานั้น เชื่อว่าจะเปลี่ยนวงการสินทรัพย์ดิจิทัลในไทยได้จริงๆ รวมถึงจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่กลุ่ม PTG จะสามารถสร้างรายได้เพิ่มจากธุรกิจ Non-oil อย่างยั่งยืนต่อไป” นายปกเขตร กล่าวในที่สุด