จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : PTG ต่อยอดธุรกิจ เสริมแกร่ง Non Oil ฮุบ “Subway” ในไทยหนุนรายได้โตยั่งยืน


10 เมษายน 2567

บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) ต่อยอดธุรกิจ  Non Oil  ขยายอาณาจักรจับมือแบรนด์ร้านอาหารใหญ่ที่สุดในโลก “Subway” หนุนเป้าหมายธุรกิจ Non Oil  มีสัดส่วนรายได้ 40-50%  ของรายได้รวม 

รายงานพิเศษ PTG ต่อยอดธุรกิจ เสริมแกร่ง Non Oil.jpg

บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) เดินหน้าบุกตลาดธุรกิจ Non Oil สร้างการเติบโตของรายได้ที่ยั่งยืน ล่าสุด บริษัท โกลัค จำกัด ซึ่ง PTG เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ทำสัญญามาสเตอร์ แฟรนไชส์ ฉบับใหม่กับบริษัท ซับเวย์ เอเชียแปซิฟิค หนึ่งในแบรนด์ร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก ให้บริษัท โกลัค  เป็นผู้ดำเนินธุรกิจในฐานะเป็นเจ้าของ Master Franchise และบริหารจัดการร้านอาหารภายใต้ชื่อและเครื่องหมายการค้า Subway แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เพื่อผลักดันการเติบโตร้านซับเวย์ในประเทศไทยให้แข็งแกร่งอย่างมีนัยสำคัญ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.67 ที่ผ่านมา 

"สัญญาฉบับนี้เป็นอีกหนึ่งจุดหมายสำคัญในยุทธศาสตร์การเติบโตของซับเวย์ในระดับสากล โดยเรายังคงเดินหน้ามุ่งเน้นไปที่การขยายธุรกิจ และคงไว้ซึ่งความเป็นหนึ่งในแบรนด์ธุรกิจร้านอาหารชั้นนำที่ใหญ่ที่สุดในโลกต่อไป  สำหรับประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญที่มีศักยภาพการเติบโตในระยะยาว และเรามีความตั้งใจที่นำประสบการณ์ในแบบของซับเวย์มาให้แก่ลูกค้าในภูมิภาคนี้ได้สัมผัสมากขึ้น" เอริค ฟู ประธาน บริษัท ซับเวย์ เอเชียแปซิฟิค กล่าว

การร่วมมือกับซับเวย์  “พิทักษ์ รัชกิจประการ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่  PTG ย้ำว่า เพื่อให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ของ PTG ในการขยายพอร์ตโฟลิโอการลงทุนไปยังกลุ่มธุรกิจ Non-Oil มากขึ้น ทางบริษัทจึงเห็นถึงความสำคัญในการเดินหน้าขยายธุรกิจ F&B ที่จะช่วยส่งเสริมธุรกิจหลักต่อไปในอนาคต โดยมีความตั้งใจนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึงมากยิ่งขึ้น 

รวมถึงช่วยให้สมาชิกผู้ถือบัตร PT Max Card และ PT Max Card Plus กว่า 21 ล้านคน สามารถเข้าถึงชีวิตที่อยู่ดีมีสุขในทุกช่วงของชีวิต ซึ่งจะเป็นการต่อยอดประสิทธิภาพของระบบนิเวศ PTG Max World และแบรนด์ PTG ได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ปี 2567 PTG วางเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจ Non-Oil ไว้ที่ 40-50% ขณะที่การเติบโตของปริมาณการจำหน่ายก๊าซ LPG อยู่ที่ 30-40%  แบ่งเป็นการเติบโตที่มาจาก

1. กลุ่ม Auto LPG ด้วยการยกระดับประสบการณ์ให้แก่ลูกค้าด้วยงานบริการ ส่งเสริมยอดขาย และครองส่วนแบ่งการตลาด อันดับ 1 ด้วยโครงการ "Taxi Transform" และ "Auto Transform" รวมถึงการใช้กลยุทธ์ทำงานด้านการตลาดผ่านระบบสมาชิก บัตร PT Max Card เพื่อรักษาและขยายฐานลูกค้า 

2. กลุ่มก๊าซครัวเรือนและอุตสาหกรรมด้วยการมุ่งรักษาฐานลูกค้าหลักเดิม และหาฐานลูกค้าใหม่ รวมถึงการนำเสนอโปรโมชั่นการขาย และการรับรู้แบรนด์ PT แก่ลูกค้า 

3. เน้นการขยายจำนวนสถานีบริการ Auto LPG และ Gas Shop เป็น 788 สาขา จากเดิมที่มีอยู่ 573 สาขาในปี 2566

ส่วนธุรกิจร้านกาแฟพันธุ์ไทยเน้นขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ที่มีศักยภาพมากขึ้น อาทิ ย่านใจกลางเมือง ย่านธุรกิจที่มีกำลังซื้อสูง (CBD: Central Business District) หัวเมืองตามจังหวัดต่างๆ ศูนย์การค้าหรือห้างสรรพสินค้า สถานที่ราชการ โรงพยาบาล และมหาวิทยาลัย ซึ่งในปัจจุบันกาแฟพันธุ์ไทยมีสาขาจำนวนกว่า 900 สาขา โดยตั้งเป้าหมายขยายสาขาเพิ่มอีก 400 สาขาทั่วประเทศไทย เข้าสู่ระดับอำเภอที่มีศักยภาพ เพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศไทยรวมจำนวนกว่า 1,300 สาขา ภายในปี 2567 นี้

ขณะที่ธุรกิจอื่น ๆ ภายใต้ Max World ยังคงวางแผนขยายสาขาและ Touchpoints อย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้วางเป้าจำนวนสาขาธุรกิจ Non-Oil อื่น ๆ เป็น 961 Touchpoints เพิ่มขึ้น 329 Touchpoints ซึ่งมีการขยายหลัก ๆ มาจากสถานีอัดประจุไฟฟ้า Elex by EGAT PT เพื่อรองรับการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต ศูนย์บริการ และซ่อมบำรุงรถยนต์ Autobacs และสาขาร้านสะดวกซื้อ Max Mart เป็นต้น

"บริษัทฯ เชื่อว่าในปี 2567 ภาพรวมของกลุ่ม PTG ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯ จะเดินหน้าในการเสริมสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจให้แข็งแรง โดยการร่วมเป็นพันธมิตรกับผู้ค้ารายต่าง ๆ เพื่อให้บริษัทฯ สามารถมอบสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้า ได้อย่างครอบคลุม และสามารถใช้ชีวิตภายใต้ระบบนิเวศของบริษัทฯ ได้อย่าง อยู่ดี มีสุข เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมีศักยภาพและมีความมั่นคงตลอดไป"

PTG