รายงานพิเศษ : PTG ต่อยอดธุรกิจ เสริมแกร่ง Non Oil ฮุบ “Subway” ในไทยหนุนรายได้โตยั่งยืน
บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) ต่อยอดธุรกิจ Non Oil ขยายอาณาจักรจับมือแบรนด์ร้านอาหารใหญ่ที่สุดในโลก “Subway” หนุนเป้าหมายธุรกิจ Non Oil มีสัดส่วนรายได้ 40-50% ของรายได้รวม
บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) เดินหน้าบุกตลาดธุรกิจ Non Oil สร้างการเติบโตของรายได้ที่ยั่งยืน ล่าสุด บริษัท โกลัค จำกัด ซึ่ง PTG เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ทำสัญญามาสเตอร์ แฟรนไชส์ ฉบับใหม่กับบริษัท ซับเวย์ เอเชียแปซิฟิค หนึ่งในแบรนด์ร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก ให้บริษัท โกลัค เป็นผู้ดำเนินธุรกิจในฐานะเป็นเจ้าของ Master Franchise และบริหารจัดการร้านอาหารภายใต้ชื่อและเครื่องหมายการค้า Subway แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เพื่อผลักดันการเติบโตร้านซับเวย์ในประเทศไทยให้แข็งแกร่งอย่างมีนัยสำคัญ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.67 ที่ผ่านมา
"สัญญาฉบับนี้เป็นอีกหนึ่งจุดหมายสำคัญในยุทธศาสตร์การเติบโตของซับเวย์ในระดับสากล โดยเรายังคงเดินหน้ามุ่งเน้นไปที่การขยายธุรกิจ และคงไว้ซึ่งความเป็นหนึ่งในแบรนด์ธุรกิจร้านอาหารชั้นนำที่ใหญ่ที่สุดในโลกต่อไป สำหรับประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญที่มีศักยภาพการเติบโตในระยะยาว และเรามีความตั้งใจที่นำประสบการณ์ในแบบของซับเวย์มาให้แก่ลูกค้าในภูมิภาคนี้ได้สัมผัสมากขึ้น" เอริค ฟู ประธาน บริษัท ซับเวย์ เอเชียแปซิฟิค กล่าว
การร่วมมือกับซับเวย์ “พิทักษ์ รัชกิจประการ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTG ย้ำว่า เพื่อให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ของ PTG ในการขยายพอร์ตโฟลิโอการลงทุนไปยังกลุ่มธุรกิจ Non-Oil มากขึ้น ทางบริษัทจึงเห็นถึงความสำคัญในการเดินหน้าขยายธุรกิจ F&B ที่จะช่วยส่งเสริมธุรกิจหลักต่อไปในอนาคต โดยมีความตั้งใจนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึงมากยิ่งขึ้น
รวมถึงช่วยให้สมาชิกผู้ถือบัตร PT Max Card และ PT Max Card Plus กว่า 21 ล้านคน สามารถเข้าถึงชีวิตที่อยู่ดีมีสุขในทุกช่วงของชีวิต ซึ่งจะเป็นการต่อยอดประสิทธิภาพของระบบนิเวศ PTG Max World และแบรนด์ PTG ได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ปี 2567 PTG วางเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจ Non-Oil ไว้ที่ 40-50% ขณะที่การเติบโตของปริมาณการจำหน่ายก๊าซ LPG อยู่ที่ 30-40% แบ่งเป็นการเติบโตที่มาจาก
1. กลุ่ม Auto LPG ด้วยการยกระดับประสบการณ์ให้แก่ลูกค้าด้วยงานบริการ ส่งเสริมยอดขาย และครองส่วนแบ่งการตลาด อันดับ 1 ด้วยโครงการ "Taxi Transform" และ "Auto Transform" รวมถึงการใช้กลยุทธ์ทำงานด้านการตลาดผ่านระบบสมาชิก บัตร PT Max Card เพื่อรักษาและขยายฐานลูกค้า
2. กลุ่มก๊าซครัวเรือนและอุตสาหกรรมด้วยการมุ่งรักษาฐานลูกค้าหลักเดิม และหาฐานลูกค้าใหม่ รวมถึงการนำเสนอโปรโมชั่นการขาย และการรับรู้แบรนด์ PT แก่ลูกค้า
3. เน้นการขยายจำนวนสถานีบริการ Auto LPG และ Gas Shop เป็น 788 สาขา จากเดิมที่มีอยู่ 573 สาขาในปี 2566
ส่วนธุรกิจร้านกาแฟพันธุ์ไทยเน้นขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ที่มีศักยภาพมากขึ้น อาทิ ย่านใจกลางเมือง ย่านธุรกิจที่มีกำลังซื้อสูง (CBD: Central Business District) หัวเมืองตามจังหวัดต่างๆ ศูนย์การค้าหรือห้างสรรพสินค้า สถานที่ราชการ โรงพยาบาล และมหาวิทยาลัย ซึ่งในปัจจุบันกาแฟพันธุ์ไทยมีสาขาจำนวนกว่า 900 สาขา โดยตั้งเป้าหมายขยายสาขาเพิ่มอีก 400 สาขาทั่วประเทศไทย เข้าสู่ระดับอำเภอที่มีศักยภาพ เพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศไทยรวมจำนวนกว่า 1,300 สาขา ภายในปี 2567 นี้
ขณะที่ธุรกิจอื่น ๆ ภายใต้ Max World ยังคงวางแผนขยายสาขาและ Touchpoints อย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้วางเป้าจำนวนสาขาธุรกิจ Non-Oil อื่น ๆ เป็น 961 Touchpoints เพิ่มขึ้น 329 Touchpoints ซึ่งมีการขยายหลัก ๆ มาจากสถานีอัดประจุไฟฟ้า Elex by EGAT PT เพื่อรองรับการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต ศูนย์บริการ และซ่อมบำรุงรถยนต์ Autobacs และสาขาร้านสะดวกซื้อ Max Mart เป็นต้น
"บริษัทฯ เชื่อว่าในปี 2567 ภาพรวมของกลุ่ม PTG ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯ จะเดินหน้าในการเสริมสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจให้แข็งแรง โดยการร่วมเป็นพันธมิตรกับผู้ค้ารายต่าง ๆ เพื่อให้บริษัทฯ สามารถมอบสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้า ได้อย่างครอบคลุม และสามารถใช้ชีวิตภายใต้ระบบนิเวศของบริษัทฯ ได้อย่าง อยู่ดี มีสุข เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมีศักยภาพและมีความมั่นคงตลอดไป"