แรบบิท แคร์ โชว์ศักยภาพผู้นำฟินเทคแพลตฟอร์ม กวาดดีมานด์การใช้บัตรเครดิต ดันยอดโต 42% เผยเทรนด์การใช้จ่ายน่าจับตาปี 2567
กรุงเทพฯ - บริษัท แรบบิท แคร์ จำกัด (Rabbit Care) แพลตฟอร์มโบรกเกอร์ชั้นนำด้านประกันภัย (InsurTech) และผลิตภัณฑ์ด้านการเงิน (FinTech) ออนไลน์ของประเทศไทยในเครือ BTS
เดินหน้าพัฒนาศักยภาพบริการเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ทางการเงินรับแนวโน้มธุรกิจบัตรเครดิตเติบโต เผยในปีที่ผ่านมามีสัดส่วนผู้ใช้บริการที่เลือกสมัครบัตรเครดิตผ่านแพลตฟอร์มของแรบบิท แคร์ เติบโตเพิ่มสูงขึ้น 42% เมื่อเทียบกับปี 2565 พร้อมเผยเทรนด์การเงินและบัตรเครดิตที่น่าสนใจในปี 2567 โดยได้ขยายความสำเร็จ
ในประเทศไทยสู่ตลาดอาเซียน นำร่อง 2 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม และอินโดนิเซีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการขยายศักยภาพธุรกิจสู่ระดับภูมิภาคอาเซียน
มร. โธมัส ไมเออร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการและฝ่ายการตลาด บริษัท แรบบิท แคร์ จำกัด เปิดเผยว่า จากปี 2566 ที่ผ่านมาพบว่ามีกระแสตอบรับเชิงบวกสำหรับทิศทางของธุรกิจบริการเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ทางการเงินภายใต้การดำเนินงานของบริษัทฯ โดยมีผู้สมัครบัตรเครดิตผ่านแรบบิท แคร์กว่า 3.24 แสนคน ซึ่งคิดเป็นอัตรายอดผู้สมัครที่เติบโตกว่า 42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565
ซึ่งจากข้อมูลการสำรวจของพาร์ทเนอร์กลุ่มธนาคารและสถาบันการเงิน พบว่ามีการใช้จ่ายบัตรเครดิตส่วนใหญ่อยู่ในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการจับจ่ายสินค้าอุปโภค-บริโภคจากซูเปอร์มาร์เก็ต ผลิตภัณฑ์กลุ่มประกัน ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ร้านอาหาร การเดินทาง และสินค้าแฟชั่น สะท้อนให้เห็นพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
เพื่อตอกย้ำถึงจุดยืนของ แรบบิท แคร์ ที่เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่รวบรวมผลิตภัณฑ์ประกันภัยและผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ครอบคลุมมากที่สุดในประเทศไทย และยังได้เสนอโปรโมชั่น-ข้อเสนอพิเศษที่หลากหลายจากผลิตภัณฑ์บัตรที่ออกโดยธนาคารและสถาบันการเงินกว่า 40 ใบ จากพาร์ทเนอร์กว่า 8 ราย ด้วยระบบปฏิบัติการอันทรงประสิทธิภาพและปลอดภัย ‘CareOS 2.0’ ที่มาช่วยลดความซับซ้อนของกระบวนการเปรียบเทียบและรวบรวมข้อเสนอผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการของผู้ใช้บริการ
ทั้งนี้ อีกหนึ่งปัจจัยที่ขับเคลื่อนความสำเร็จที่สำคัญได้แก่ การทำแคมเปญทางการตลาดประเภท Flash Sales ในทุกเดือน โดยแรบบิท แคร์ได้ส่งมอบโปรโมชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟและของรางวัลสุดพิเศษภายใต้กรอบระยะเวลาที่จำกัด โดยอาศัยกลยุทธ์การทำตลาดบนช่องทางออนไลน์ ซึ่งไม่เพียงเป็นการเพิ่มการมองเห็นของแบรนด์เพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นการเพิ่มอัตราการสมัครใหม่ให้กับทางกลุ่มพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจอีกด้วย จึงเห็นได้ว่าจากกลยุทธ์ดังกล่าวนั้นมีอิทธิพลอย่างมากต่อทั้งด้านการเติบโตของแพลตฟอร์ม รวมถึงความร่วมมือกับกลุ่มพาร์ทเนอร์ธนาคารและสถาบันการเงิน โดยหนึ่งในตัวอย่างของความสำเร็จที่โดดเด่นจากการทำโปรโมชั่น 'Flash Sale' ที่บริษัทฯ ได้ทำร่วมกับธนาคารซิตี้แบงก์ ซึ่งทำให้มียอดผู้สมัครรายใหม่จำนวนมาก และยังทำให้แรบบิท แคร์ เป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์หลักที่สำคัญที่สามารถดึงดูดลูกค้าใหม่ให้กับซิตี้แบงก์ได้เป็นส่วนมาก
“แรบบิท แคร์ เล็งเห็นถึงพฤติกรรมและรูปแบบการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาในปี 2567 ซึ่งมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นทำให้เกิดเทรนด์การใช้จ่ายที่น่าจับตามอง ได้แก่ ด้านความคุ้มค่าสูงสุดต่อการเลือกซื้อสินค้าและบริการโดยกลุ่มผู้บริโภคส่วนใหญ่คำนึงถึงคุณสมบัติของบัตรเครดิตที่ให้สิทธิประโยชน์พิเศษที่ตรงใจและคุ้มค่าทุกการใช้จ่าย ที่สามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมต่อความต้องการและไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล อาทิ โปรแกรมการแลกคะแนนสะสมและเครดิตเงินคืน (Cashback) โปรแกรมการผ่อน 0% รวมถึงการที่ธนาคารและสถาบันการเงินออกผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตกับทางร้านค้าเพื่อชิงความได้เปรียบในการนำเสนอสิทธิประโยชน์พิเศษต่าง ๆ”
มร. โธมัส กล่าวต่อว่า จากความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับด้านความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลและเหตุการณ์การโจรกรรมข้อมูลที่มีอัตราเพิ่มขึ้น ทำให้ภาคธนาคารและสถาบันการเงินได้คิดค้นโซลูชันใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ความปลอดภัยและเน้นความเป็นส่วนตัวเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคได้มั่นใจในการทำธุรกรรมทางการเงินมากยิ่งขึ้น โดยมีตัวอย่างที่น่าสนใจ ได้แก่ “บัตรเครดิตเคทีซี ดิจิทัล” บัตรโปร่งแสงที่เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อเดือนมกราคม เอาใจสมาชิกสายออนไลน์ ด้วยฟีเจอร์ Digital First, Dynamic CVV และ Numberless Card ที่ไม่มีหมายเลขบนหน้าบัตรและไม่มีแถบแม่เหล็ก เพื่อยกระดับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวในการทำธุรกรรม นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมเพื่อความปลอดภัยระบบเทคโนโลยีไบโอเมตริกซ์ (Biometric) จากมาสเตอร์การ์ด (Mastercard) ซึ่งเป็นบัตรเครดิตที่มีเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือในตัว โดยยังสามารถใช้งานร่วมกับเครื่องรับชำระเงินบัตรเครดิตทั่วโลกได้อีกด้วย จึงนับว่าเป็นการเพิ่มขีดความสามารถด้านการรักษาความปลอดภัยให้การใช้งานมีความโปร่งใสและมีความเป็นส่วนตัวในการทำธุรกรรม
นอกจากนี้ ยังมีตัวเลือกการชำระเงินด้วยโปรแกรมการผ่อนชำระเงินสด ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง (Buy Now, Pay Later: BNPL) ซึ่งกำลังกลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมในกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ ทำให้มีทางเลือก
ในการซื้อสินค้ามูลค่าสูงผ่านรูปแบบการผ่อนชำระ ซึ่งมักจะมีโปรโมชั่นปลอดดอกเบี้ย โดยเฉพาะการซื้อสินค้าในช่องทางออนไลน์ในกลุ่มสินค้าที่ได้รับความนิยมอย่าง เครื่องใช้ไฟฟ้า-อุปกรณ์เทคโนโลยี เครื่องใช้ในครัวเรือน และเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งสอดคล้องกับความชอบและพฤติกรรมการซื้อของคนรุ่นใหม่ ด้วยความยืดหยุ่นและความสามารถในการจ่ายที่นำเสนอโดยตัวเลือก BNPL จึงตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่อย่างมาก
ซึ่งมีอิทธิพลต่อการผลักดันการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในพฤติกรรมการชอปปิ้งออนไลน์ และการเปลี่ยนแปลงของภาคอีคอมเมิร์ซ
“เพื่อเป็นการตอบสนองลูกค้าที่ต้องการใช้บริการโปรแกรมการผ่อนชำระเงินสด แรบบิท แคร์ จึงได้เปิดตัวบริการดังกล่าว ภายใต้การบริหารงานของบริษัท ในนาม “แรบบิท แคร์ เลนดิ้ง” (Rabbit Care Lending) เมื่อเดือนเมษายน 2566 ที่ผ่านมา เพื่อให้ลูกค้าของแรบบิท แคร์ สามารถผ่อนชำระเบี้ยประกันภัย สูงสุด 10 เดือน ซึ่งสอดคล้องต่อความต้องการในการใช้จ่ายทางการเงินของลูกค้า โดยได้รับกระแสการตอบรับในทิศทางบวกและมีสัดส่วนผู้ใช้บริการที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เปิดตัวบริการดังกล่าว โดยปัจจุบันมีผู้ขอใช้บริการโปรแกรมผ่อนชำระเงินสดในแต่ละเดือน สูงถึง 20% จากยอดรวมของผู้ซื้อประกันรถยนต์ทั้งหมด ตอกย้ำถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นของโซลูชั่นการชำระเงินแบบยืดหยุ่นในกลุ่มลูกค้าของแรบบิท แคร์ แนวโน้มที่เพิ่มขึ้นนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงประสิทธิภาพของบริการโปรแกรมการผ่อนชำระเงินสด BNPL เท่านั้น แต่ยังบ่งบอกถึงความมุ่งมั่นของแรบบิท แคร์ ในการนำเสนอโซลูชั่นทางการเงินที่ออกแบบมาอย่างเหมาะสมซึ่งจะเป็นการสร้างความพึงพอใจและความสะดวกสบายให้กับลูกค้าผู้ใช้บริการ”
อย่างไรก็ตาม แรบบิท แคร์ ยังให้ความสำคัญในการลงทุนในตลาดอาเซียน โดยได้เริ่มทำแคมเปญทางการตลาดในประเทศเวียดนาม และประเทศอินโดนีเซีย ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4 ปี 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่ มีพฤติกรรมการใช้บัตรเครดิตและนวัตกรรมทางการเงินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงอัตราการเติบโตของตลาดฟินเทคในสัดส่วนที่น่าสนใจ โดยหนึ่งในตัวอย่างความสำเร็จคือการร่วมมือกับบริษัทผู้ให้บริการด้านผลิตภัณฑ์ทางการเงินชั้นนำจากอินโดนีเซีย ซึ่งบริษัทฯ มีบทบาทในการเข้าไปมีส่วนพัฒนาและสร้างโอกาสในการอนุมัติที่สูงขึ้นกว่า 3 เท่าเมื่อเทียบกับแคมเปญก่อนหน้าที่ดำเนินการโดยพาร์ทเนอร์ ทั้งนี้ จากการเข้าไปมีส่วนในกระบวนการดังกล่าวยังสามารถช่วยลดงบประมาณต้นทุนที่ได้มาซึ่งลูกค้าใหม่ (Acquisition Costs) และดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ ให้กับพาร์ทเนอร์ได้ในจำนวนมาก ซึ่งนับว่าเป็นการช่วยเสริมสถานะของแรบบิท แคร์ ในฐานะผู้เล่นหน้าใหม่ในแวดวงการบริการทางการเงินของอินโดนีเซีย
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถค้นหาและเปรียบเทียบบัตรเครดิตที่ตรงใจได้ที่ https://rabbitcare.com/credit-card ซึ่งในแต่ละเดือนจะมีโปรโมชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากหลากหลายพาร์ทเนอร์ผู้ให้บริการ ที่หาไม่ได้จากช่องทางอื่น พิเศษเฉพาะการสมัครผ่านแรบบิท แคร์ เท่านั้น อาทิ รับฟรี! ผลิตภัณฑ์
หูฟังไร้สาย และลำโพง จากแบรนด์ชั้นนำอย่าง Apple และ Marshall มูลค่ารวมสูงสูดกว่า 13,000 บาท ซึ่งเป็นการเพิ่มความน่าดึงดูดใจของแพลตฟอร์มสำหรับผู้บริโภคที่กำลังมองหาของสมนาคุณสุดคุ้มและความปลอดภัยในการเลือกบัตรเครดิต
ยอดนิยม

VIH ซื้อหุ้นคืน 26.66 ล้านหุ้น ใช้เงินสดส่วนเกิน ยืนยันไม่เกี่ยวเงินเพิ่มทุน สาเหตุราคาหุ้นไม่สะท้อนปัจจัยพื้นฐาน ตั้งเป้าทำนิวไฮใหม่ปีนี้

13 มีนาคมนี้!!! ผู้ถือหุ้น MC รับเงินปันผลบานฉ่ำ !!!
.jpg)
“นิปปอนเพนต์” ก้าวล้ำวงการสีด้วยพลัง AI! ส่งสุดยอดแพ็กคู่โซลูชัน “น้องนิปปอน” และ “Colour Design”

เบเยอร์ เขย่าวงการธุรกิจสีทาอาคาร สำเร็จเจ้าแรก! ใช้เทคโนโลยีล้ำ AI OCR อ่านบิลเขียนมือได้ รันแคมเปญใหญ่ "ลดเดือดรับ Summer แจกไม่ยั้ง!"
