นายกฯ แถลงชัด ที่มาเงินหมื่น ดึงจาก ธกส. ใช้งบ 5 แสนล้านบาท เงินถึงมือประชาชนปลายปีนี้แน่นอน
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 10 เม.ย.2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง แถลงภายหลังการประชุม คณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน ดิจิทัลวอลเล็ต ว่า วันนี้รัฐบาลมีความยินดีประกาศให้ทราบว่า โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน ดิจิทัลวอลเล็ต เป็นนโยบายธงของรัฐบาล ยกระดับเศณษฐกิจประเทศได้เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว รัฐบาลฟันฝ่าอุปสรรค ทำตามสัญญากับประชาชนได้แล้ว
ที่สำคัญเป็นไปตามตัวบทกฎหมายทุกประการ อยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด ร้านค้าและประชาชนจะลงทะเบียนได้ในไตรมาส 3 และเงินจะส่งถึงมือประชาชนในไตรมาส 4 ของปีนี้
นายกฯ กล่าวว่า ส่วนรัฐบาลได้คืนมาในรูปแบบภาษี ทั้งนี้ เป็นการเตรียมความพร้อมประเทศเข้าสู่เศรษฐกิจสมัยใหม่ สร้างความโปร่งใส กระตุ้นเศรษฐกิจ บรรเทาภาระค่าครองชีพ ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เกษตรกร มีความเข้มแข็ง พึงพาตัวเองได้ สร้างโอกาสในการประกอบอาชีพของประชาชน
ความคุ้มค่าของการดำเนินการ ให้สิทธิประชาชน 50 ล้านคน วงเงิน 5 แสนล้านบาท จับจ่ายได้ในร้านค้าที่กำหนด ทำให้เศรษฐกิจโตขึ้น จีดีพีโตขึ้น 1.2-1.6 เปอร์เซ็นต์
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ 2560 เป็นไปตามกฎหมาย กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง โปร่งใสตรวจสอบได้
วงเงิน 5 แสนล้านบาทบริหารจัดการผ่านงบประมาณได้ทั้งหมด ใช้งบปี 67 และ 68 แบ่งเป็น 3 ส่วน งบ 2568 และงบประมาณปี 2567 และเงินตามมาตรา 28 ของกรอบวินัยการเงิน จากธกส. โดยแหล่งเงินมาตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง วันที่เริ่มโครงการมีเงิน 5 แสนล้านบาททั้งก้อน ไม่ใช่ใช้เงินอื่น
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า แนวทางและเงื่อนไข คือ เป้าหมายประชาชน 50 ล้านคน คนเกินอายุ 16 ปี ไม่มีเงินได้เกิน 8.4 แสนบาทต่อปีภาษี มีเงินฝากไม่เกิน 5 แสนบาท เป็นเกณฑ์เดิม
2.เงื่อนไขการใช้จ่ายประชาชนกับร้านค้า ในพื้นที่อำเภอ ร้านค้าขนาดเล็กที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดเท่านั้น
3.ร้านค้ากับร้านค้าไม่กำหนดพื้นที่ ไม่กำหนดขนาดของร้านค้า การใช้จ่ายได้หลายรอบ การเปลี่ยนแปลงรอบที่ 1 เป็นของประชาชนกับร้านค้า สินค้าทุกประเภท ไม่รวมสินค้าอบายมุข สินค้าออนไลน์ น้ำมัน... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่
4.ใช้ระบบพัฒนาขึ้นเองโดยสำนักงานพัฒนาดิจิทัล ร่วมดีอี ทำซูเปอร์แอพพ์ ใช้จ่ายได้กับธนาคารอื่น
5.คุณสมบัติร้านค้าที่ถอนเงิน ต้องอยู่ในระบบภาษีเท่านั้น เป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม นิติบุคคล และบุคคลธรรมดา เฉพาะผู้มีรายได้พึงประเมิน เป็นผู้ประกอบอาชีพค้าขาย
การถอนเงินสด ร้านค้าไม่สามารถถอนเงินสดได้ทันที จะถอนได้เมื่อใช้จ่ายรอบที่ 2 เป็นต้นไป เพื่อลดความเสี่ยงของการทุจริตและเพิ่มผลที่จะเกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ
6.ประชาชนร่วมโครงการไตรมาส 3 ปี 2567 ใช้จ่าย ไตรมาส 4 ปี 2567
7.ตั้งอนุกรรมการตรวจสอบการกระทำผิดหลักเกณฑ์ มีรองผบช.น. เป็นประธาน ผบช.ไซเบอร์ เป็นรอง
ที่มา : https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8181008