จับประเด็นหุ้นเด่น
สัมภาษณ์พิเศษ : “วิโรจน์ ชัยเทอดเกียรติ” ซีอีโอรุ่นที่ 3 “นำวิวัฒน์ เมดิคอล คอร์ปอเรชั่น” หรือ NAM วางเกมรุก จับมือพันธมิตรบุกตลาดรายย่อย
17 เมษายน 2567
เปิดใจ CEO บมจ. นำวิวัฒน์ เมดิคอล คอร์ปอเรชั่น(NAM) “วิโรจน์ ชัยเทอดเกียรติ” ผู้บริหารรุ่นที่ 3 หลังนำพาบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้งเจาะลึกนโยบาย Medical Tourism ของรัฐบาล ส่งผลดีต่อบริษัทอย่างไร และเป้าหมายของบริษัทในอนาคตจะเป็นอย่างไร
บมจ.นำวิวัฒน์ เมดิคอล คอร์ปอเรชั่น ทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร
เราทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องมือแพทย์ โดยเฉพาะทางด้านเครื่องมือทำความสะอาดและฆ่าเชื้อเครื่องมือแพทย์ เพื่อให้แพทย์และพยาบาลนำกลับมาใช้กับผู้ป่วยได้อย่างปลอดภัย
แนวโน้มการเติบโตในปี 2567
รายได้ปี 2567 เราตั้งเป้าการเติบโต 2 digit หรือประมาณ 13-15% ซึ่งสอดคล้องกับการขยายตัวของอุตสาหกรรม เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนของภาครัฐ และนโยบาย Medical Tourism ที่ได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมทั้งหลังการระบาดของโควิด 19 ทำให้การดูแลสุขภาพของคนมีมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงก่อนการระบาดของโควิด
สัดส่วนรายได้
รายได้ของบริษัทจะมาจาก 3 ส่วน ได้แก่
1.การขายเครื่องมือแพทย์ มีสัดส่วนประมาณ 60 %
2.การขายวัสดุสิ้นเปลือง และ3.งานบริการ ซึ่งทั้ง 2 ด้าน มีสัดส่วนประมาณ 40%
ซึ่งสัดส่วนนี้ ในอนาคตบริษัทอยากให้เป็น 50:50 เนื่องจากการเติบโตของกลุ่ม ทั้งงานบริการ วัสดุสิ้นเปลือง ที่มีใช้เพิ่มขึ้นมาก จึงคิดว่ายังมีช่องทางที่จะเพิ่มสัดส่วนให้มากขึ้นได้ ขณะที่การเติบโตของการขายเครื่องมือแพทย์ในแต่ละปีมีการเติบโตเพียง 6-7% ส่วนงานบริการมีการเติบโตในหลัก 10%
กลุ่มลูกค้าหลักของบริษัท
ส่วนใหญ่เป็นโรงพยาบาลของรัฐ ซึ่งมีสัดส่วนใหญ่ที่สุดในประเทศ ทำให้บริษัทมีรายได้อย่างสม่ำเสมอ
การเข้าสู่สังคมสูงวัยของไทย จึงเป็นโอกาสสร้างรายได้
สังคมไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยตั้งแต่ปีที่แล้วโดยมีประชากรประมาณ 13 ล้านคนที่เป็นผู้สูงวัย จึงเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ของบริษัท เนื่องจากคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อหรือมีกำลังในการใช้จ่าย และกลุ่มนี้เป็นวัยที่จะต้องเข้ารับการรักษาจากโรงพยาบาล ทำให้การใช้อุปกรณ์สิ้นเปลืองของบริษัทมีมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการฟื้นฟูที่คนไข้ต้องได้รับการดูแลหลังจากที่ได้รับการรักษาอาการเจ็บป่วยแล้ว รวมทั้งการเข้าสู่สังคมสูงวัย ทำให้ต้องมีการเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ราวจับกันลื่น อุปกรณ์รถเข็น
รับอานิสงส์นโยบาย Medical Hub ของรัฐบาล
การเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ ต้องประกอบด้วย 3 นโยบายที่สำคัญได้แก่
1. การมียาที่ผลิตในประเทศ
2. เรื่อง BCG ส่งเสริมให้มีการผลิตเครื่องมือแพทย์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ในประเทศ
3. ต้องส่งเสริมให้มีการบริการที่เป็นเลิศ
ซึ่งในเรื่องของการส่งเสริมให้มีการผลิตเครื่องมือแพทย์ในประเทศ และการส่งเสริมให้มีการทำวิจัยสินค้า นับว่า ตรงการการทำงานของบริษัทในฐานะที่มีการทำวิจัยและผลิตสินค้าที่ผลิตในประเทศ และเราไม่เคยหยุดนิ่งที่จะสร้างสรรค์ คิดค้น และผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์และบริการทำความสะอาดและฆ่าเชื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ดีที่สุด เพื่อส่งมอบความปลอดภัยให้กับลูกค้า อันได้แก่แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์
โอกาสการขยายธุรกิจในอนาคต
วันนี้ NAM ได้มองภาพธุรกิจใน 2 กลุ่มหลักได้แก่ กลุ่ม Healthcare Industry ที่ตอบโจทย์เรื่อง B2B ซึ่งเป็นกลุ่มที่บริษัททำอยู่และจะทำต่อให้ดีที่สุด และกำลังจะขยายไปในกลุ่มของการผ่าตัดสมัยใหม่ที่จะกำลังเติบโต รวมทั้งการทำธุรกิจในเรื่องของการกำจัดขยะในโรงพยาบาล
ส่วนเรื่องของ Healthcare Consumer ที่ตอบโจทย์เรื่อง B2C บริษัทจะเน้นเรื่องของการป้องกัน โดยในอนาคตจะเห็นสินค้าของ NAM เข้าไปสู่ผู้บริโภคมากขึ้น ได้แก่ ในเรื่องของอากาศ เช่นการฆ่าเชื้อในอากาศ และเรื่องของการนอน ซึ่งเป็นเรื่องที่ให้เกิดโรค NCD โดยบริษัทจะร่วมมือกับพันธมิตรในการผลิตเครื่องช่วยสร้างคุณภาพการนอนของคนเราให้ดีขึ้น
ความเป็นมาของ Nam Academy
เนื่องจากบริษัททำธุรกิจเกี่ยวกับการขายเครื่องมือแพทย์ ซึ่งผู้ที่จะใช้เป็นต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ ซึ่ง Nam Academy นับได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของ การทำ R&D หรือการทำวิจัยและพัฒนา ดังนั้นการทำ Academy เพื่อให้เกิดการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับความเป็นมา การใช้ และประโยชน์ ของเครื่องมือแพทย์ที่ผู้ใช้จำเป็นต้องรู้จัก
บทสรุปสารจาก “ซีอีโอ” ถึงนักลงทุน
อยากให้นักลงทุนเชื่อมั่นใน NAM ในฐานะผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์ของคนไทยที่มีอายุ 50 กว่าปี ผลิตสินค้าตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ และบริษัทยังมีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะได้เห็นความร่วมมือที่จะมีด้วยกันมากขึ้น เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต
บมจ.นำวิวัฒน์ เมดิคอล คอร์ปอเรชั่น ทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร
เราทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องมือแพทย์ โดยเฉพาะทางด้านเครื่องมือทำความสะอาดและฆ่าเชื้อเครื่องมือแพทย์ เพื่อให้แพทย์และพยาบาลนำกลับมาใช้กับผู้ป่วยได้อย่างปลอดภัย
แนวโน้มการเติบโตในปี 2567
รายได้ปี 2567 เราตั้งเป้าการเติบโต 2 digit หรือประมาณ 13-15% ซึ่งสอดคล้องกับการขยายตัวของอุตสาหกรรม เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนของภาครัฐ และนโยบาย Medical Tourism ที่ได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมทั้งหลังการระบาดของโควิด 19 ทำให้การดูแลสุขภาพของคนมีมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงก่อนการระบาดของโควิด
สัดส่วนรายได้
รายได้ของบริษัทจะมาจาก 3 ส่วน ได้แก่
1.การขายเครื่องมือแพทย์ มีสัดส่วนประมาณ 60 %
2.การขายวัสดุสิ้นเปลือง และ3.งานบริการ ซึ่งทั้ง 2 ด้าน มีสัดส่วนประมาณ 40%
ซึ่งสัดส่วนนี้ ในอนาคตบริษัทอยากให้เป็น 50:50 เนื่องจากการเติบโตของกลุ่ม ทั้งงานบริการ วัสดุสิ้นเปลือง ที่มีใช้เพิ่มขึ้นมาก จึงคิดว่ายังมีช่องทางที่จะเพิ่มสัดส่วนให้มากขึ้นได้ ขณะที่การเติบโตของการขายเครื่องมือแพทย์ในแต่ละปีมีการเติบโตเพียง 6-7% ส่วนงานบริการมีการเติบโตในหลัก 10%
กลุ่มลูกค้าหลักของบริษัท
ส่วนใหญ่เป็นโรงพยาบาลของรัฐ ซึ่งมีสัดส่วนใหญ่ที่สุดในประเทศ ทำให้บริษัทมีรายได้อย่างสม่ำเสมอ
การเข้าสู่สังคมสูงวัยของไทย จึงเป็นโอกาสสร้างรายได้
สังคมไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยตั้งแต่ปีที่แล้วโดยมีประชากรประมาณ 13 ล้านคนที่เป็นผู้สูงวัย จึงเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ของบริษัท เนื่องจากคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อหรือมีกำลังในการใช้จ่าย และกลุ่มนี้เป็นวัยที่จะต้องเข้ารับการรักษาจากโรงพยาบาล ทำให้การใช้อุปกรณ์สิ้นเปลืองของบริษัทมีมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการฟื้นฟูที่คนไข้ต้องได้รับการดูแลหลังจากที่ได้รับการรักษาอาการเจ็บป่วยแล้ว รวมทั้งการเข้าสู่สังคมสูงวัย ทำให้ต้องมีการเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ราวจับกันลื่น อุปกรณ์รถเข็น
รับอานิสงส์นโยบาย Medical Hub ของรัฐบาล
การเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ ต้องประกอบด้วย 3 นโยบายที่สำคัญได้แก่
1. การมียาที่ผลิตในประเทศ
2. เรื่อง BCG ส่งเสริมให้มีการผลิตเครื่องมือแพทย์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ในประเทศ
3. ต้องส่งเสริมให้มีการบริการที่เป็นเลิศ
ซึ่งในเรื่องของการส่งเสริมให้มีการผลิตเครื่องมือแพทย์ในประเทศ และการส่งเสริมให้มีการทำวิจัยสินค้า นับว่า ตรงการการทำงานของบริษัทในฐานะที่มีการทำวิจัยและผลิตสินค้าที่ผลิตในประเทศ และเราไม่เคยหยุดนิ่งที่จะสร้างสรรค์ คิดค้น และผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์และบริการทำความสะอาดและฆ่าเชื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ดีที่สุด เพื่อส่งมอบความปลอดภัยให้กับลูกค้า อันได้แก่แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์
โอกาสการขยายธุรกิจในอนาคต
วันนี้ NAM ได้มองภาพธุรกิจใน 2 กลุ่มหลักได้แก่ กลุ่ม Healthcare Industry ที่ตอบโจทย์เรื่อง B2B ซึ่งเป็นกลุ่มที่บริษัททำอยู่และจะทำต่อให้ดีที่สุด และกำลังจะขยายไปในกลุ่มของการผ่าตัดสมัยใหม่ที่จะกำลังเติบโต รวมทั้งการทำธุรกิจในเรื่องของการกำจัดขยะในโรงพยาบาล
ส่วนเรื่องของ Healthcare Consumer ที่ตอบโจทย์เรื่อง B2C บริษัทจะเน้นเรื่องของการป้องกัน โดยในอนาคตจะเห็นสินค้าของ NAM เข้าไปสู่ผู้บริโภคมากขึ้น ได้แก่ ในเรื่องของอากาศ เช่นการฆ่าเชื้อในอากาศ และเรื่องของการนอน ซึ่งเป็นเรื่องที่ให้เกิดโรค NCD โดยบริษัทจะร่วมมือกับพันธมิตรในการผลิตเครื่องช่วยสร้างคุณภาพการนอนของคนเราให้ดีขึ้น
ความเป็นมาของ Nam Academy
เนื่องจากบริษัททำธุรกิจเกี่ยวกับการขายเครื่องมือแพทย์ ซึ่งผู้ที่จะใช้เป็นต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ ซึ่ง Nam Academy นับได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของ การทำ R&D หรือการทำวิจัยและพัฒนา ดังนั้นการทำ Academy เพื่อให้เกิดการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับความเป็นมา การใช้ และประโยชน์ ของเครื่องมือแพทย์ที่ผู้ใช้จำเป็นต้องรู้จัก
บทสรุปสารจาก “ซีอีโอ” ถึงนักลงทุน
อยากให้นักลงทุนเชื่อมั่นใน NAM ในฐานะผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์ของคนไทยที่มีอายุ 50 กว่าปี ผลิตสินค้าตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ และบริษัทยังมีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะได้เห็นความร่วมมือที่จะมีด้วยกันมากขึ้น เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต