จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : SFLEX ปี 67 ปีแห่งการสร้างการเติบโต “การท่องเที่ยว-ภาคบริโภค” ฟื้น หนุนผลงานเด่น
17 เมษายน 2567
สถานการณ์การท่องเที่ยวและการบริโภคที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล สนับสนุนยอดขายสินค้าของ บมจ.สตาร์เฟล็กซ์ (SFLEX) โดยนักวิเคราะห์เชื่อปีนี้จะเป็นปีแห่งการสร้างรายได้ให้เติบโตและยังมีแรงหนุนจากส่วนแบ่งกำไร Starprint Vietnam (SPV)
บล.ฟินันเซีย ไซรัส วิเคราะห์บมจ.สตาร์เฟล็กซ์ (SFLEX) ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน (Flexible Packaging) สำหรับสินค้าอุปโภคและบริโภค ตามคำสั่งซื้อของลูกค้า (Made to Order) โดยแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ บรรจุภัณฑ์ประเภทม้วน (Roll Form) และบรรจุภัณฑ์ประเภทซอง (Pre Form Pouch)ภาวะ Oversupply ของ PE เอื้อ SFLEX
โดยระบุว่า ปี 2024 สถานการณ์ยังคงเอื้อต่อผู้ผลิตปลายน้ำอย่าง SFLEX ถึงแม้ว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์สิ้น 1Q24 จะปรับตัวสูงขึ้น USD10 ต่อบาร์เรล (+14% จากไตรมาสก่อน) และมีแนวโน้มจะสูงขึ้นต่อเนื่องจากความกังวลอุปทานตึงตัวหลังประเทศผู้ผลิตน้ำมันร่วมมือกันลดกำลังการผลิต
แต่อย่างไรก็ตามราคาเม็ดพลาสติกชนิดโพลิเอทิลีน (LLDPE) กลับปรับขึ้นเพียง 4% จากไตรมาสก่อน การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของอุปทานเม็ดพลาสติก PE โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้กดดันราคาเม็ดพลาสติก โดนจีนมีแผนขยายกำลังการผลิต PE ในปี 2567 อีก 7.5 ล้านตัน (ถ้าไม่เลื่อน) เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่ขยาย 3 ล้านตัน สวนทางกับอุปสงค์ในภูมิภาคที่อ่อนแอ เห็นได้จากภาคการผลิตในหลายอุตสาหกรรมที่ปรับลดลง สถานการณ์ดังกล่าวยังเป็นบวกต่อผู้ผลิตปลายน้ำอย่าง SFLEX
ดังนั้นเราคงประมาณการกำไรปี 2567-69 เติบโต 23%/12%/9% จากอัตรากำไรขั้นต้นที่คาดว่า จะอยู่ในระดับสูง 21% (ต่ำกว่าระดับสูงผิดปกติในปี 2023 ที่ 24%) และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก Starprint Vietnam (SFLEX ถือ 25%) ตั้งแต่ไตรมาส 1/67 เป็นต้นไป
ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นที่ 21% สูงกว่าระดับก่อน Covid ที่ 17-19% โดยหลักมาจากประสิทธิภาพที่ดีขึ้นในการจัดหาแหล่งวัตถุดิบ การปรับปรุงและเปลี่ยนเครื่องจักร กระบวนการการผลิตที่ทันสมัยมากขึ้น สำหรับผลประกอบการใน 1Q24 เราคาดว่ากำไรมีแนวโน้มทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ได้แรงหนุนจากส่วนแบ่งกำไรจาก Starprint Vietnam (SPV) ราว 7-8 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานของ SFLEX เชื่อว่า ดีต่อเนื่องการซื้อหุ้นคืนสะท้อนมูลค่าหุ้นต่ำกว่ามลูค่าที่แท้จริง เพื่อเป็นการบริหารสภาพคล่อง บอร์ดของ SFLEX ได้อนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนในวงเงินไม่เกิน 50 ล้านบาท จำนวนหุ้นไม่เกิน 19 ล้านหุ้น (2.3% ของทุนชำระแล้ว) วันสิ้นสุดโครงการคือ 27 ก.ย. 2567 ณ วันที่29 มี.ค.2567 บริษัทซื้อหุ้นคืนแล้ว 5 แสนหุ้น (0.06% ของทุนชำระแล้ว) ที่ราคาเฉลี่ย 3.19 บาทต่อหุ้น หากในที่สุดแล้วบริษัทตัดหุ้นซื้อคืนทิ้ง มูลค่าที่เป็นต่อหุ้น (EPS, BVS, DPS) มี upside ประมาณ 2.4% ราคาเป้าหมาย
ดังนั้นบล.ฟินันเซีย ไซรัส จึงยังคงแนะนำซื้อ และราคาเป้าหมาย 5.60 บาท เนื่องจากปีนี้ไม่ใช่ปีที่น่ากังวลเรื่องต้นทุนแต่เป็นปีแห่งการสร้างรายได้ให้เติบโต ซึ่งเราเชื่อว่าด้วยการเติบโตของการบริโภคภายในประเทศและภาคท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ประกอบกับสินค้าที่มีคุณภาพของ SFLEX บริษัทจะสร้างผลประกอบการที่น่าประทับใจได้อีกปีในปี 2567 เรายังคงคำแนะนำซื้อ และราคาเป้าหมาย 5.60 บาท
ด้านบล.หยวนต้า คาดการณ์ว่า กำไรปกติไตรมาส1/67 ที่ 52 ล้านบาท เติบโตทั้งจากไตรมาสก่อน และ รวมถึงทำระดับสูงสุดใหม่รายไตรมาส หลังได้แรงหนุนจากรายได้ที่คาดฟื้นตัวตามปัจจัยฤดูกาลและการไม่มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเข้าลงทุนใน SPV เหมือน 4Q66 รวมถึงการเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก SPV ราว 8 ล้านบาท
และเบื้องต้นคาดกำไรไตรมาส 2/67 ที่ระดับ 50 ล้านบาท +/- ลดลง จากไตรมาสก่อน ตามปัจจัยฤดูกาล แต่ทรงตัวได้จากปีก่อน จากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก SPV และคาดกำไรปกติในช่วงครึ่งหลังปี 67 จะสามารถเติบโตได้ทั้ง ช่วงเดียวกันของปีก่อน และเมื่อเทียบกับปีก่อน
จากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก SPV และระดับการบริโภคที่มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น หลังการอนุมัติงบประมาณประจำปี 2567
ทั้งนี้ราคาหุ้นได้มีการปรับตัวลงราว 6% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาหลัง รายงานกำไรไตรมาส 4-66 ต่ำกว่าที่ตลาดคาด ส่งผลให้ราคาปัจจุบันซื้อขายบน PER2567 เพียง 11.4 เท่า หรือคิดเป็น PEG เพียง 0.8 เท่า จึงมองว่าหุ้นมี Downside จำกัดแล้ว จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเหมาะสม 4.60 บาท/หุ้น
บล.ฟินันเซีย ไซรัส วิเคราะห์บมจ.สตาร์เฟล็กซ์ (SFLEX) ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน (Flexible Packaging) สำหรับสินค้าอุปโภคและบริโภค ตามคำสั่งซื้อของลูกค้า (Made to Order) โดยแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ บรรจุภัณฑ์ประเภทม้วน (Roll Form) และบรรจุภัณฑ์ประเภทซอง (Pre Form Pouch)ภาวะ Oversupply ของ PE เอื้อ SFLEX
โดยระบุว่า ปี 2024 สถานการณ์ยังคงเอื้อต่อผู้ผลิตปลายน้ำอย่าง SFLEX ถึงแม้ว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์สิ้น 1Q24 จะปรับตัวสูงขึ้น USD10 ต่อบาร์เรล (+14% จากไตรมาสก่อน) และมีแนวโน้มจะสูงขึ้นต่อเนื่องจากความกังวลอุปทานตึงตัวหลังประเทศผู้ผลิตน้ำมันร่วมมือกันลดกำลังการผลิต
แต่อย่างไรก็ตามราคาเม็ดพลาสติกชนิดโพลิเอทิลีน (LLDPE) กลับปรับขึ้นเพียง 4% จากไตรมาสก่อน การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของอุปทานเม็ดพลาสติก PE โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้กดดันราคาเม็ดพลาสติก โดนจีนมีแผนขยายกำลังการผลิต PE ในปี 2567 อีก 7.5 ล้านตัน (ถ้าไม่เลื่อน) เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่ขยาย 3 ล้านตัน สวนทางกับอุปสงค์ในภูมิภาคที่อ่อนแอ เห็นได้จากภาคการผลิตในหลายอุตสาหกรรมที่ปรับลดลง สถานการณ์ดังกล่าวยังเป็นบวกต่อผู้ผลิตปลายน้ำอย่าง SFLEX
ดังนั้นเราคงประมาณการกำไรปี 2567-69 เติบโต 23%/12%/9% จากอัตรากำไรขั้นต้นที่คาดว่า จะอยู่ในระดับสูง 21% (ต่ำกว่าระดับสูงผิดปกติในปี 2023 ที่ 24%) และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก Starprint Vietnam (SFLEX ถือ 25%) ตั้งแต่ไตรมาส 1/67 เป็นต้นไป
ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นที่ 21% สูงกว่าระดับก่อน Covid ที่ 17-19% โดยหลักมาจากประสิทธิภาพที่ดีขึ้นในการจัดหาแหล่งวัตถุดิบ การปรับปรุงและเปลี่ยนเครื่องจักร กระบวนการการผลิตที่ทันสมัยมากขึ้น สำหรับผลประกอบการใน 1Q24 เราคาดว่ากำไรมีแนวโน้มทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ได้แรงหนุนจากส่วนแบ่งกำไรจาก Starprint Vietnam (SPV) ราว 7-8 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานของ SFLEX เชื่อว่า ดีต่อเนื่องการซื้อหุ้นคืนสะท้อนมูลค่าหุ้นต่ำกว่ามลูค่าที่แท้จริง เพื่อเป็นการบริหารสภาพคล่อง บอร์ดของ SFLEX ได้อนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนในวงเงินไม่เกิน 50 ล้านบาท จำนวนหุ้นไม่เกิน 19 ล้านหุ้น (2.3% ของทุนชำระแล้ว) วันสิ้นสุดโครงการคือ 27 ก.ย. 2567 ณ วันที่29 มี.ค.2567 บริษัทซื้อหุ้นคืนแล้ว 5 แสนหุ้น (0.06% ของทุนชำระแล้ว) ที่ราคาเฉลี่ย 3.19 บาทต่อหุ้น หากในที่สุดแล้วบริษัทตัดหุ้นซื้อคืนทิ้ง มูลค่าที่เป็นต่อหุ้น (EPS, BVS, DPS) มี upside ประมาณ 2.4% ราคาเป้าหมาย
ดังนั้นบล.ฟินันเซีย ไซรัส จึงยังคงแนะนำซื้อ และราคาเป้าหมาย 5.60 บาท เนื่องจากปีนี้ไม่ใช่ปีที่น่ากังวลเรื่องต้นทุนแต่เป็นปีแห่งการสร้างรายได้ให้เติบโต ซึ่งเราเชื่อว่าด้วยการเติบโตของการบริโภคภายในประเทศและภาคท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ประกอบกับสินค้าที่มีคุณภาพของ SFLEX บริษัทจะสร้างผลประกอบการที่น่าประทับใจได้อีกปีในปี 2567 เรายังคงคำแนะนำซื้อ และราคาเป้าหมาย 5.60 บาท
ด้านบล.หยวนต้า คาดการณ์ว่า กำไรปกติไตรมาส1/67 ที่ 52 ล้านบาท เติบโตทั้งจากไตรมาสก่อน และ รวมถึงทำระดับสูงสุดใหม่รายไตรมาส หลังได้แรงหนุนจากรายได้ที่คาดฟื้นตัวตามปัจจัยฤดูกาลและการไม่มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเข้าลงทุนใน SPV เหมือน 4Q66 รวมถึงการเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก SPV ราว 8 ล้านบาท
และเบื้องต้นคาดกำไรไตรมาส 2/67 ที่ระดับ 50 ล้านบาท +/- ลดลง จากไตรมาสก่อน ตามปัจจัยฤดูกาล แต่ทรงตัวได้จากปีก่อน จากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก SPV และคาดกำไรปกติในช่วงครึ่งหลังปี 67 จะสามารถเติบโตได้ทั้ง ช่วงเดียวกันของปีก่อน และเมื่อเทียบกับปีก่อน
จากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก SPV และระดับการบริโภคที่มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น หลังการอนุมัติงบประมาณประจำปี 2567
ทั้งนี้ราคาหุ้นได้มีการปรับตัวลงราว 6% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาหลัง รายงานกำไรไตรมาส 4-66 ต่ำกว่าที่ตลาดคาด ส่งผลให้ราคาปัจจุบันซื้อขายบน PER2567 เพียง 11.4 เท่า หรือคิดเป็น PEG เพียง 0.8 เท่า จึงมองว่าหุ้นมี Downside จำกัดแล้ว จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเหมาะสม 4.60 บาท/หุ้น